posttoday

เฟินก้านดำ

23 มิถุนายน 2556

เฟินก้านดำได้ชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า Maidenhair ferns ซึ่งหากแปลกันตามตัวก็คงจะต้องเรียกว่า “เฟินผมแหม่ม”

โดย...ม.ล. จารุพันธ์ ทองแถม

เฟินก้านดำได้ชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า Maidenhair ferns ซึ่งหากแปลกันตามตัวก็คงจะต้องเรียกว่า “เฟินผมแหม่ม” แต่สำหรับคนไทยคงเรียกชื่อเฟินสกุล Adiantum นี้ว่า เฟินก้านดำ (Venus hair หรือ Maiden hair fern)

สำหรับนักปลูกเลี้ยงสะสมเฟินไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรกหรือเพื่อการค้า มีอยู่ไม่น้อยที่ให้ความเห็นว่าเฟินก้านดำเป็นเฟินที่ได้รับความนิยมจากผู้ปลูกเลี้ยงเฟินทั่วโลกมากกว่าเฟินสกุลใดๆ ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากความสวยงามของใบและทรงพุ่มรวมทั้งความหลากหลาย และเป็นสิ่งโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นการปลูกเลี้ยงในสวน การปลูกเลี้ยงในโรงกระจก หรือในโรงเฟิน และแม้แต่ในห้องรับแขก ห้องนั่งเล่นในอาคารบ้านเรือนก็ตาม

เสน่ห์ของเฟินก้านดำอยู่ที่สีสันของใบที่มีสีเขียวสด ใบบาง เนื้อละเอียด ก้านใบสีดำสนิทเป็นมันขลับ ใบย่อยมีหลายรูปทรง ล้วนมีขนาดต่างกันตั้งแต่เล็กเท่าเข็มหมุดไปจนถึงใหญ่กว่าหัวแม่มือ

ในสภาพถิ่นกำเนิดของเฟินก้านดำจากเขตร้อนทั่วโลก เฟินชนิดนี้ประกอบด้วยจำนวนกว่าสองร้อยชนิด เราพบพวกมันได้ทั้งในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน และมีเพียง 23 ชนิดเท่านั้นที่กระจายพันธุ์เข้าไปถึงเขตอบอุ่นหนาว (Cool temperate)

อเมริกาเขตร้อนดูจะเป็นศูนย์กลางการกำเนิดและกระจายพันธุ์เป็นก้านดำกว่าหนึ่งร้อยชนิด อาจพบได้ตั้งแต่เม็กซิโกไปจนเปรู และเวสต์อินดีส ทั้งนี้เรายังไม่อาจนับรวมจำนวนพันธุ์ปลูก หรือ คัลติวาร์ (Cultivars) ซึ่งเกิดจากการผสมข้ามชนิด ข้ามพันธุ์ หรือ เกิดจากการกลายพันธุ์ไปในธรรมชาติ

สำหรับนักปลูกเลี้ยงเฟินก้านดำคงจะเห็นด้วยกับผู้เขียนที่ว่า ปัจจุบันเฟินก้านดำเป็นที่นิยมปลูกเลี้ยงกันในออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย ยิ่งกว่าประเทศใดในโลก เหตุผลสำคัญก็คือ ทั้งสองประเทศมีปัจจัยสภาพแวดล้อมเฉพาะถิ่นที่เหมาะสมสำหรับเฟินก้านดำมากกว่าที่ใดนั่นเป็นปัจจัยหลัก

สำหรับประเทศไทยนั้น คนที่จะปลูกเลี้ยงเฟินก้านดำได้งามจริงๆ นั้นมีอยู่น้อยมากจนแทบจะนับตัวคนได้ ทั้งนี้ เนื่องด้วยปัจจัยสภาพแวดล้อมในกรุงเทพฯ ไม่เหมาะสำหรับเฟินก้านดำเท่าใดนัก มีเฉพาะบางคนที่เรียนรู้จนทราบถึงความต้องการของเฟินสกุลนี้ และปรับแต่งสภาพแวดล้อมจนอาจปลูกเลี้ยงเฟินก้านดำได้ดีระดับหนึ่ง

เฟินก้านดำมีหลากหลายชนิดและพันธุ์ดังกล่าวไปแล้ว การจำแนกพันธุ์เป็นเรื่องยาก และอาจเกิดความผิดพลาดคลาดเคลื่อนอยู่เสมอ คู่มือการจำแนกเฟินก้านดำมักใช้ตำรา หรือคู่มือที่ดี เช่น หนังสือเรื่อง เฟินก้านดำในการปลูกเลี้ยง (Maiderhair Ferns in cultivation) โดย Chrustopher J. Goudey ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1985 ซึ่งผู้เขียนซื้อมาจากเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อเดือน พ.ย. 1994 เป็นหลัก ซึ่งแม้จะมีอายุเกือบยี่สิบปีแล้วก็ยังเป็นหนังสือช่วยจำแนกได้ดี และให้ข้อมูลอย่างที่หาในอินเทอร์เน็ตได้ไม่เท่า ดังนั้นหนังสือในคลังเก็บส่วนตัวของผู้เขียนจึงเป็นสมบัติอันมีค่าที่มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ในโลกปัจจุบัน

แหล่งผลิตพันธุ์เฟินก้านดำในประเทศไทยเก่าแก่ที่สุดและดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบันคือ โครงการเฟินภายใต้สังกัดโครงการหลวง ซึ่งมีสถานีเพาะเลี้ยง ขยายพันธุ์เฟินอยู่ที่สถานีวิจัยดอยปุย และสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ โครงการเฟินนี้ตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2521 โดยการรวบรวมพันธุ์เฟินนานาชนิด ทั้งที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศและต่างประเทศ จากนั้นจึงทำการขยายพันธุ์โดยการเพาะสปอร์และขยายพันธุ์โดยวิธีการไม่อาศัยเพศ โดยวิธีการต่างๆ สำหรับเฟินก้านดำนั้น การขยายพันธุ์หลักที่ใช้คือการเพาะสปอร์ ซึ่งสำหรับเฟินก้านดำแล้วมีความโดดเด่นอยู่ที่มันมีความสามารถกลายพันธุ์ไปได้ในหลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น เฟินก้านดำ อเมริกา (Adiantum raddianum) ซึ่งความสามารถของการกลายพันธุ์ดังกล่าวดูจะไม่มีขอบเขตจำกัด มันอาจกลายพันธุ์ไปได้เรื่อยๆ หลากหลายรูปแบบ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในธรรมชาติ และโดยเทคนิคการผสมข้ามพันธุ์ ซึ่งเมื่อเราพบเห็นความผิดเพี้ยนที่เกิดขึ้น เราจะแยกต้นที่ผิดเพี้ยนออกมาเพาะเลี้ยง และขยายพันธุ์เฟินก้านดำพันธุ์ใหม่นั้น เพื่อเพิ่มปริมาณสู่การพาณิชย์ต่อไป วิธีการดังกล่าวทำกันในเนิร์สเซอรี หลายแห่งในออสเตรเลียและในเกาะชวา อินโดนีเซีย สำหรับในประเทศไทยเฟินก้านดำถูกผลิตในรูปไม้กระถางขนาดต่างๆ จากสถานีโครงการหลวง ทั้งที่สถานีวิจัยดอกปุยและสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ โดยจำหน่ายให้เกษตรกรนำไปปลูกเลี้ยง ขยายพันธุ์ต่อทั้งที่ตลาดคำเที่ยง จ.เชียงใหม่ และเจ้าของเนิร์สเซอรีหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา