ซูเปอร์ฮีโร่ในโลกดนตรี ดาฟต์ พังก์
หนุ่มฝรั่งเศส กี มานูเอล เดอ โอมอง คริสโต (หมวกทอง) และ โตมาส์ บองกาลแตร์ (หมวกเงิน) ในวัยปลาย 30 อยู่ร่วมวงกันมานานร่วม 2 ทศวรรษ
โดย...เพ็ญแข
Random Access Memories
Daft Punk (Columbia/Sony Music***1/2)
หนุ่มฝรั่งเศส กี มานูเอล เดอ โอมอง คริสโต (หมวกทอง) และ โตมาส์ บองกาลแตร์ (หมวกเงิน) ในวัยปลาย 30 อยู่ร่วมวงกันมานานร่วม 2 ทศวรรษ พวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่ปารีส ก่อนจะกลายมาเป็นดูโอนาม “ดาฟต์ พังก์” วงดนตรีที่นำเสนอบทเพลงเฮาส์และเทคโนสุดเดิร์นที่เขย่าฟลอร์เต้นรำทั่วโลก
หลังมีงานใต้ดินออกมาหลายชิ้น พวกเขาก็ได้เซ็นสัญญากับค่ายใหญ่ในปี 1997 จึงมี Homework งานชุดแรกออกวางขาย แล้วพวกเขาก็หายไปนานถึง 4 ปี จึงมี Discovery ตามออกมา อัลบั้มของ ดาฟต์ พังก์ ในปี 2005 คือ Human After All ขึ้นชาร์ตความนิยม ท็อป อิเล็กทรอนิกส์ อัลบั้มอันดับ 1 เช่นเดียวกับ Alive 2007 และซาวด์แทร็ก Tron : Legacy เมื่อ 3 ปีก่อน
หลังจากใช้เวลาทำนาน 5 ปี ดาฟต์ พังก์ ก็กลับมาอีกครั้งกับ Random Access Memories ซึ่งขึ้นอันดับ 1 ทั้งท็อปดิจิตอลอัลบั้ม, ท็อปอิเล็กทรอนิกส์อัลบั้ม และที่น่าปลาบปลื้มที่สุดคงจะไม่พ้นอันดับ 1 ในชาร์ตบิลบอร์ด 200 อีกทั้งซิงเกิล Get Lucky ก็ยังขึ้นถึงอันดับ 1 ในหลายๆ ชาร์ต
ชื่ออัลบั้มบ่งบอกว่า ดาฟต์ พังก์ สนใจในเรื่องอดีตและความทรงจำ ไม่ว่าจะความทรงจำอย่างสมองกล เช่น แรมหรือฮาร์ดไดรฟ์ รวมทั้งสมองมนุษย์
เพลงที่รวมอยู่ในอัลบั้มได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานของปี 1970-1980 มีดิสโก้/ร็อก ผสมผสานอยู่กับบีทเฮาส์และเทคโน 2 หนุ่ม ดาฟต์ พังก์ ทำในสิ่งที่แตกต่างไปจากงานชุดก่อนๆ คือ ใช้เครื่องเคราอิเล็กทรอนิกส์แต่เพียงจำกัด และคัดสรรนักดนตรีฝีมือดีมาบันทึกเสียงให้ เสียงกลองจริง กีตาร์ ฯลฯ มีให้ได้ฟังทั้งอัลบั้ม มีทั้งเพลงช้าและเร็วสลับกันไป ครั้งนี้พวกเขามีโอกาสได้ทำงานกับ นีล ร็อดเจอร์ส, พอล วิลเลียมส์, จอร์โจ โมโรเดอร์, แพนดา แบร์ ฯลฯ
หลายเพลง ดาฟต์ พังก์ ร้องผ่านโวโคเดอร์ให้ฟีลเหมือนหุ่นยนต์มาขับขานบทเพลง อยากรู้ว่าหุ่นยนต์มีความรู้สึกหรือเปล่า ต้องลองฟัง The Game of Love หลายเพลงเป็นนักร้องรับเชิญรับหน้าที่ ในเพลง Giorgio by Moroder มีเสียงของ จอร์โจ ศิลปินรุ่นเก๋าแห่งวงการดิสโก้มาบรรยายเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง ท่ามกลางเสียงกีตาร์และซินธ์กระหึ่ม เป็นเพลงที่แสดงออกถึงเสรีภาพในการสร้างสรรค์ทางดนตรี
Doin’ It Right เป็นเพลงน่าฟังสไตล์อินดี้ เสียงของ แพนดา แบร์ เหมือนเสียงเด็กผู้ชาย ขณะที่ Instant Crush เป็นเพลงอิเล็กทรอนิกส์สนุกๆ โยกตามได้เพลิดเพลิน เสียงของ ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ มีให้ฟังในเพลงที่ชักชวนให้ทุกคนออกไปเริงร่าบนแดนซ์ฟลอร์ Lose Yourself to Dance ซึ่งมีกลิ่นอายดิสโก้เจือจางทำเอาลืมตัวเต้นรำแบบลืมตัวทีเดียว เช่นเดียวกับ Get Lucky
บทเพลงอย่าง Give Life Back to Music นั้นบอกเจตนาของพวกเขาชัดเจนในการที่อยากทำให้ดนตรีเก่าๆ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง รวมไปถึง Fragments of Time ซึ่งมีกลิ่นอายซอฟต์ร็อกเจือเข้ามา ส่วนนักร้องนักแต่งเพลง พอล วิลเลียมส์ ก็ทำให้เพลง Touch ดูลึกลับน่าฟัง น่าค้นหา
งานชุดนี้อาจจะทำให้แฟนของ ดาฟต์ พังก์ ที่หวังซาวด์ล้ำแปลกแหวกต้องรู้สึกประหลาดใจหรือแม้แต่ผิดหวัง แต่หากลองเปิดใจให้กว้าง การกลับมาครั้งนี้ควรได้รับการต้อนรับอย่างยินดี เพราะนี่คืออัลบั้มเพลงเต้นรำที่ฉลาด ย้อนยุค แต่ไม่เชย เปี่ยมด้วยสีสัน และน่าพึงพอใจ
เป็นประสบการณ์ความบันเทิงที่ไม่รู้จบ
ซูเปอร์สตาร์กับใบหน้าที่ซ่อนเร้น
ครั้งสุดท้ายที่สาธารณชนได้เห็นใบหน้าอันแท้จริงของ ดาฟต์ พังก์ คือเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว
ตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมาพวกเขาตัดสินใจซ่อนใบหน้าแท้จริงไว้ใต้หน้ากากหรือหมวก ซึ่งทำให้พวกเขาดูคล้ายกับหุ่นยนต์
“แรกๆ คนก็คิดว่าเป็นแค่เรื่องการตลาด แต่มันไม่ใช่” พวกเขาต้องการให้คนฟังเพลงและใช้จินตนาการโดยไม่ยึดติดกับตัวตนของศิลปิน
แน่นอนว่านี่เป็นวิธีการเรียกร้องความสนใจได้อย่างดี พวกเขากลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์เพลงแดนซ์ที่มีเอกลักษณ์ น่าค้นหา ไร้กาลเวลา ทั้งยังสามารถเก็บรักษาความเป็นส่วนตัวไว้ได้ ความจริงแล้วหน้าตาพวกเขาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่หรือดูไม่ได้ ทว่า “หุ่นยนต์ทำให้คนรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า...” กี มานูเอล เดอ โอมอง คริสโต บอก
“สิ่งหนึ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับการสวมหน้ากากคือ ไม่มีคนเข้ามาหาและเตือนให้ผมจดจำในสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว” โตมาส์ บองกาลแตร์ พูด “มันเป็นเรื่องดีที่สามารถลืมสิ่งซึ่งเคยทำลงไป” แต่ก็มีข้อเสียในบางครั้ง อย่างเช่นหลายปีก่อน ในคลับที่อิบิซามีคนเมาอ้างว่าเป็นพวกเขา
หมวกของ ดาฟต์ พังก์ เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด รุ่นล่าสุดผลิตโดยบริษัททำเทคนิคพิเศษในฮอลลีวูด ที่เคยมีประสบการณ์กับหนังอย่าง Spider Man มาก่อน ขณะที่สมาชิกทั้งสองของ ดาฟต์ พังก์ หลงไหล Stars War และซูเปอร์ฮีโร่อย่าง Superman เป็นอย่างมาก
“ตอนยังเด็ก ผมดูซูเปอร์แมนแล้วก็อินถึงความรู้สึกที่ได้รู้ว่า คลาร์ก เคนท์ เป็นซูเปอร์แมนและไม่มีใครรู้อย่างมาก” โตมาส์ บองกาลแตร์ ว่าเช่นนั้น สำหรับเขา “จินตนาการเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากกว่าการเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง”


