สะสมสติในห้องน้ำ
...สาวหนึ่งงามสดใส เยื้องกรายเดินผ่านมา พบเธอที่อินทรา ลักษณางามสมใจ...
โดย...ดนัย จันทร์เจ้าฉาย [[email protected]] ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
...สาวหนึ่งงามสดใส เยื้องกรายเดินผ่านมา พบเธอที่อินทรา ลักษณางามสมใจ...
...เอ๊ะเธอจะไปไหน เอ๊ะเธอพูดกับใคร เอ๊ะเธอพูดอะไร เอ๊ะใยเธอยิ้มมา...
...เอ๊ะเธอเดินมาหา เอ๊ะเธอมองสบตา แล้วเธอก็ถามว่า สุขาอยู่หนใด สุขาอยู่หนใด สุขาอยู่หนใด...
หากท่านผู้อ่านอยู่ในวัยเดียวกันกับผม คือ รุ่นลายคราม กึ่งทศวรรษ (เก่าเชียว) คงจะพอจำเพลง สุขาอยู่หนใด ขับร้องโดย คุณชัยรัตน์ เทียบเทียม จากภาพยนตร์เรื่องวัยอลวน เมื่อปี พ.ศ. 2519 แสดงนำโดย คุณไพโรจน์ สังวริบุตร และคุณลลนา สุลาวัลย์ กำกับการแสดงโดย คุณเปี๊ยก โปสเตอร์ ได้บ้าง
หากผู้อ่านท่านใดไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร แสดงว่า เราคนละรุ่นกัน!
บทเพลงนี้ทำให้เราตระหนักถึงความจำเป็นของมนุษย์ทุกรูปนาม ไม่ว่าสาวสวย หนุ่มหล่อ ผู้อาวุโสหรือเด็กน้อย ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่สามารถขาดห้องสุขาได้ในชีวิตนี้ ต้องใช้บริการวันละหลายๆ รอบ ทั้งเช้าเย็นและระหว่างวันอีกพอประมาณ วันก่อนผมก็ได้อ่านข่าวบันเทิง มีการเขียนแซว หนุ่มเคน ธีรเดช ดารายอดนิยมคนหนึ่งในปัจจุบัน ที่ไม่สามารถฝ่าด่านแฟนคลับไปเข้าห้องน้ำได้ เล่นเอาหน้าเขียวหน้าดำ เพราะข้าศึกบุกประชิดด่าน ในขณะที่แฟนคลับก็มัวแต่กรี๊ด ขอถ่ายรูป ขอลายเซ็น โดยไม่ได้สังเกตสีหน้าพี่เคนเลย!
ในเมื่อเราต้องเข้าไปใช้บริการห้องน้ำ ทั้งที่บ้านเราเอง ที่ทำงาน และหลากหลายสถานที่กันทุกวันอยู่แล้ว เราควรใช้ประโยชน์จากห้องน้ำให้เป็นสถานที่สะสมสติสัมปชัญญะไปด้วย ก็ในขณะที่เรากำลังปลดทุกข์ สร้างสุขแล้ว ก็ควรสะสมสติไปในตัว ทีละเล็ก ทีละน้อยๆ ดีกว่านั่งกด BB เล่น Facebook หรือส่งไลน์กันจนไม่เป็นอันได้ทำธุระที่ควรทำ แถมบางคนยังแอบเอางานเข้าไปนั่งทำในห้องน้ำด้วย ตาวิเศษเห็นนะ!
ผมมักได้รับคำถามบ่อยๆ ว่า เอาเวลาช่วงไหนเจริญสติบ้าง เห็นงานยุ่งๆ วิ่งวุ่นแทบไม่เว้นแต่ละวัน ผมก็ตอบว่า ทุกวันต้องสวดมนต์ นั่งสมาธิเป็นประจำก่อนนอน และที่ทำเป็นประจำคือ ระหว่างอาบน้ำเช้าเย็น ระหว่างที่อาบน้ำชำระกาย ก็ภาวนาชำระใจไปด้วย เป็นการสะสมสติสัมปชัญญะทีละนิด นอกจากนั้น ระหว่างที่เดินเข้าห้องสุขาในแต่ละวัน ก็ได้โอกาสทองในการเจริญสติ เพราะวันๆ เข้าบ่อยมาก!
เอาละครับ ในเมื่อเราต้องเข้าห้องสุขาเพื่อปลดทุกข์ทางกายแล้ว ลองมาดูวิธีการง่ายๆ ในการปลดทุกข์ทางใจกันบ้าง แน่นอนครับ ทุกข์ทางใจนั้นเกิดจากความคิด เราทุกข์เพราะคิด หากไม่คิด ก็ไม่ทุกข์ ดังนั้น วิธีการในการเปลื้องทุกข์ทางใจ เริ่มต้นด้วยการไม่นำเอาโทรศัพท์มือถือ หรือสิ่งเสพติดทางจิตติดตัวเข้าไปด้วยระหว่างเข้าห้องสุขา เราคงไม่เสียชีวิตหรือเป็นอะไรขึ้นมาหรอกครับ หากไม่ได้เช็กโซเชียลเน็ตเวิร์กสัก 5 นาที แฟนคลับคงรอได้กระมัง! หากเขารอไม่ได้ ก็ให้ Unfriend ไปเลย หรืออาจขึ้นสถานะไว้ก็ได้ว่า กำลังติดธุระสำคัญ (ปลดทุกข์อยู่) ขณะนี้ขอเวลาสงบสุขส่วนตัว
ระหว่างที่เข้าไปในห้องสุขา ให้หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ เอาลมหายใจเป็นบันไดแห่งสติ เป็นวิหารธรรมที่อยู่อาศัยของสติ แล้วสังเกตการสัมผัสของร่างกายกับเสื้อผ้า สัมผัสความรู้สึกที่อัดอั้นเต็มกลั้น แล้วค่อยๆ เบาลงๆ สบายขึ้นๆ ทุกข์ที่หนักทึบเมื่อชั่วครู่ ค่อยผ่อนหายกลายเป็นความสุขมากขึ้น เบาสบายมากขึ้น สังเกตความรู้สึกตรงนั้นให้ชัดเจน ได้สะสมสติสัมปชัญญะเต็มที่แล้วครับ
จากนั้น ระหว่างที่ล้างมือ สังเกตและสัมผัสน้ำกับมือ สัมผัสสบู่และความรู้สึกที่เกิดขึ้น สังเกตตอนที่เอามือไปรับไอร้อนของเครื่องเป่า ตอนเดินออกมาจากห้องน้ำ สังเกตการก้าวเท้า การกระทบของฝ่าเท้าลงบนพื้น การแกว่งแขวน สังเกตสบายๆ อย่างมีความสุข จำไว้ครับ ... ความทุกข์จะไม่อยู่กับคนฉลาดเป็นอันขาด!
ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ เราก็ได้สะสมสติสัมปชัญญะไปเรียบร้อย ส่วนอีกสองวาระที่สำคัญในชีวิตประจำวัน เรียกได้ว่าเป็น Private Moment ช่วงเวลาส่วนตัว นั่นคือการอาบน้ำเช้าเย็น ซึ่งคนส่วนใหญ่จะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 15 นาที รวมแล้ววันละครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ช่วง Private Moment นี้ ควรเป็นช่วง Happiness Moment ช่วงที่มีความสุขที่สุด หากเราเข้าใช้เทคนิคในการสะสมสติไปด้วย
อันดับแรก เราควรประกาศอาณาบริเวณห้องน้ำให้เป็นเขตปลอดความคิด เพราะคนเราทุกข์เพราะคิด เราจึงไม่ควรพกพาความคิดทุกชนิดเข้าไปในห้องน้ำด้วย ฟังดูอาจจะง่าย แต่ปฏิบัติได้ยากมาก เพราะแค่แปรงฟันประเดี๋ยวเดียว จิตของเราก็เตลิดเปิดเปิงเข้าไปจมอยู่ในสารพัดความคิด แบบติดเบรกไม่อยู่ เทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้เราปลอดจากความคิด กลายเป็น ThoughtFree Zone มีดังนี้
สลับใช้มือข้างที่ไม่ถนัดในการทำธุระต่างๆ เช่น สลับมือแปรงฟัน สลับมือหยิบกระดาษชำระเช็ดบริเวณนั้น (ต้องทำด้วยความระมัดระวังยิ่ง) สลับมือในการถูสบู่ หรือมีท่ายืนที่แปลกๆ ไม่ซ้ำกัน เพื่อให้ร่างกายไม่อยู่ในความเคยชิน การทำสิ่งใหม่ๆ ในกิจกรรมต่างๆ ทำให้เราเกิดการเรียนรู้ใหม่ กลับไปเป็นเด็กใหม่ ทำให้เราไม่ถนัด ไม่เคยชินในการทำกิจวัตรต่างๆ และต้องใช้ความตั้งใจ มีสมาธิ และสติสัมปชัญญะ
ในขณะที่อาบน้ำ ให้สังเกต Touch & Feel การกระทบสัมผัสของน้ำบนศีรษะลงมาทั่วตัว ความเย็นความอุ่นของน้ำ สัมผัสกลิ่นหอมของแชมพูและสบู่ สังเกตการเคลื่อนไหวของกาย และความรู้สึกที่เกิดขึ้นทางใจ อาบน้ำช้าๆ โดยการลูบไล้ร่างกายช้าๆ ไม่ต้องรีบร้อน ให้ตักตวงความสุขที่สุด ตลอดจนถึงการเช็ดหน้า เช็ดตัว การทาโลชันต่างๆ ให้กิจกรรมทั้งหมดเป็นเวลาแห่งการเจริญสติ และอย่าลืมยิ้มงามๆ ให้กับคนที่อยู่ในกระจกด้วย ใครกันนะ หน้าตาดูดีจัง มีความสุข แถมมีสติเต็มเปี่ยม!


