posttoday

พ่อ แม่ ลูก หลาน ยกครัวเป็น ‘หมอดู’

06 มิถุนายน 2556

หมอดูอยู่คู่กับคนไทยจริงๆ วันก่อนเซ็กชัน Magz “โพสต์ทูเดย์” เป็นปฐมสื่อสัมภาษณ์ “หมอดูเด็ก

โดย...วรธารที / ภาพ ประกฤษณ์ จันทะวงษ์

หมอดูอยู่คู่กับคนไทยจริงๆ วันก่อนเซ็กชัน Magz “โพสต์ทูเดย์” เป็นปฐมสื่อสัมภาษณ์ “หมอดูเด็ก” ที่ไปเรียนกับสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่มี “ธนกร สินเกษม” เป็นนายกสมาคม คล้อยหลังไม่กี่วัน หมอดูเด็กเหล่านั้นก็โด่งดังระเบ้อ เมื่อทีวีหลายช่องเชิญน้องๆ ไปออกรายการ บางช่องบุกกระชากตัว... โอ๊ะๆ บุกสัมภาษณ์เจ้าตัวถึงโรงเรียน เป็นที่ภาคภูมิใจแทนพ่อแม่ ที่ลูกๆ ได้ใช้วิชาที่ร่ำเรียนหาทุนเรียนและไว้ใช้ในครอบครัวแต่ยังเด็ก

ครานี้มีเซอร์ไพรส์อีกแล้วววว... ใครจะคิดว่าอาชีพหมอดูหรือนักพยากรณ์ จะได้รับความนิยมค่อนข้างสูงในสังคมไทย ทั้งในแง่ของผู้เรียนและคนดูหมอ โดยหลังปี 2540 เป็นต้นมา มีคนหันไปเรียนเยอะมาก ทั้งที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทย และสมาคมโหรนานาชาติ ที่มี “ภิญโญ ภู่เจริญ” เป็นนายกสมาคม ไม่นับสถานที่เรียนอื่นๆ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่ที่น่าประหลาดใจ คือ บรรดาผู้ที่มาเรียนนั้นมีครอบครัวหนึ่งขับรถจากต่างจังหวัดมาเรียนที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทย และตอนนี้พวกเขาก็เป็น “หมอดูกันทั้งบ้าน” เสร็จสรรพโรงเรียนสมาคมโหรเรียบร้อย

สองคนยังเห็นได้ทั่วไป สามคนก็ว่ายาก สี่คนยิ่งยากใหญ่...แต่นี่จัดไปเต็มๆ “เจ็ดคน” ตั้งแต่ พ่อ แม่ ลูก หลาน ยันเขย แม้มีบางคนยังไม่ถึงขั้น “สวมหมวกหมอดู” เต็มใบอย่าว่ากัน เพราะเพิ่งเริ่มต้น แต่เชื่อว่าอีกไม่นานคงได้เห็น ส่วนเรื่องการทายแม่น...ไม่แม่น ต้องไปดูเอง บอกแค่ว่าชื่อเสียงของพวกเขาโด่งดังและดังข้ามจังหวัดแบบปากต่อปาก คนดูเยอะ ทั้งดูที่บ้านและดูทางโทรศัพท์ บางวันถึงตีหนึ่งตีสอง บางวันดูจนลืมกินข้าว

พูดแล้วก็อยากดูใช่มะ...ค่าครูไม่เท่าไหร่ จะดูนานแค่ไหน หรือถามซอกแซกเหมือนหาทางขึ้นเขาวงกต จัดไปแค่ 220 บาทขาดตัว ไม่มีชาร์จ โดย 20 บาท เขาหักเอาไว้ทำบุญใหญ่ประจำปีทุกปี นี่คือสัตยาธิษฐานของพวกเขา และครอบครัวที่ว่านี้คือครอบครัว “ใหมอ่อน” แห่ง “บ้านรวมโหรไทย” อยู่ที่บ้านเลขที่ 206/11 ถนนชุมพล ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ถ้าใครผ่านไปแถวนั้นจะเห็นป้ายใหญ่ๆ ติดด้านหน้าบริเวณบ้าน

ผันตัวจากพ่อค้าขายของทะเล

กิตติ์พิพัฒน์ ใหมอ่อน หรือที่คนดูหมอเรียก “อาจารย์พ่อ” มีความเชี่ยวชาญในเรื่องโหราศาสตร์ 12 ราศี ดูดวงชะตา โชคลาภ คู่ครอง การงาน การเรียน การเงิน สุขภาพ รวมถึงอนาคต และเป็นเจ้าพิธีประกอบการมงคล คือ หัวหน้าครอบครัว ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 6 คน (1 ภรรยา 1 ลูกชาย 2 ลูกสาว 1 หลานชาย และ 1 ลูกเขย) โดยก่อนมาเป็นหมอดู เขาและภรรยาได้ประกอบอาชีพขายของทะเล แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงเบนเข็มชีวิตหันมาศึกษาโหราศาสตร์จากตำราหลากหลายเล่ม จนสามารถดูดวงได้ และดูให้ใครต่อใครนับไม่ถ้วน กระนั้นก็ไม่หยุดขวนขวายที่จะศึกษาเพิ่มเติม

“เมื่อก่อนชีวิตผมลำบาก ขายของทะเลพวกกุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึก ที่ฉะเชิงเทรา ขายทั้งวันทั้งคืนแต่ไม่รวย เหนื่อยก็เหนื่อย แถมมีหนี้ จึงคิดว่าไม่ใช่อาชีพที่ใช่ เลยมองหาอาชีพใหม่ คือ หมอดู เพราะผมและภรรยาก็ชอบอยู่แล้ว ปี 2534 จึงหันมาศึกษาโหราศาสตร์จากตำราหลายเล่มอย่างจริงจังจนสามารถดูได้ จากนั้นเริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์เรื่อยมา จนในปี 2549 ได้มาเรียนรู้เพิ่มเติมที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทย” โหรรุ่นใหญ่จากฉะเชิงเทรา เล่าความหลัง

แต่หลายคนอาจสงสัยว่าเป็นหมอดูมาเกือบ 20 ปี ความรู้ระดับขั้นครูบาอาจารย์ แต่ทำไมต้องมาเรียนที่สมาคมโหรฯ เป็นเครื่องหมายคำถามที่ผมคนหนึ่งละอยากรู้ โหรกิตติ์พิพัฒน์ เล่าว่า เรียนพวกนี้ควรมีครูสอน แต่ก็มิใช่ว่าที่ผ่านมาจะไม่มีครู ตนถือว่าผู้ประสิทธิ์ประสาทตำราทั้งหลายขึ้นมา รวมทั้งตำราที่เคยศึกษา คือครูที่บูชาอยู่เสมอ

“ส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้องมาเรียนที่สมาคมโหรฯ กับอาจารย์ธนกร และอาจารย์ท่านอื่นๆ เพราะคิดว่าการเรียนสายนี้ควรต้องเรียนจากครูโดยตรง อีกส่วนหนึ่งเพื่อต้องการศึกษาเพิ่มเติมในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน รวมถึงเคล็ดลับต่างๆ ในการพยากรณ์ ซึ่งก็ได้เคล็ดลับในการทำนายที่หลากหลาย และขยายมุมมองในการพยากรณ์ที่กว้างขึ้น” โหรหน้าเข้มแต่ใจดีให้เหตุผล

ขนครอบครัวมาเรียน

ในการมาเรียนที่สมาคมโหรฯ โหรกิตติ์พิพัฒน์ บอกว่า ได้ปัจจัยหนุนมาจาก “คำพู แก้ววิเศษ” (อ.คำพู แก้ววิเศษ แห่งห้องพยากรณ์ทองชมพู จ.ฉะเชิงเทรา) พี่ชายของภรรยาที่อยากเรียนโหราศาสตร์ แต่ไม่รู้จะเรียนที่ไหน ได้จุดประกายให้ตนและภรรยาอยากเรียนทันที จึงพาลูกๆ ขับรถจากฉะเชิงเทรามาเรียนที่กรุงเทพฯ ทุกเสาร์และอาทิตย์ เป็นเวลา 3 เดือน ในปี 2549

“ครอบครัวเรามาเรียนหมดเลย พี่ภรรยา ผม ภรรยา ลูกชาย และลูกสาว ทุกคนไม่มีใครบังคับใคร มาเพราะอยากเรียนทั้งนั้น เพราะพวกเขาซึมซาบจากที่ได้เห็นผมและภรรยาดูให้คนมาก่อน มาที่นี่แต่ละคนเลือกเรียนตามชอบ ส่วนใหญ่มากกว่า 2 วิชาขึ้น แต่โหราศาสตร์ไทยเรียนทุกคน เพราะนำไปใช้กับการพยากรณ์ในวิชาอื่นๆ ได้” หัวหน้าครอบครัวรวมโหรไทย เล่าปร๋อ

ด้านภรรยา “กุลณิชา” หรือที่คนดูหมอเรียก “อาจารย์แม่” และใช้คำเรียกแทนตัวเองว่า “แม่จ๋า” มีความเชี่ยวชาญในการดูไพ่ยิปซี เล่าว่า ก่อนนี้มีความรู้ด้านนี้มาแล้วแต่ไม่เก่งนัก พอมาเรียนจึงรู้สึกว่าเก่งขึ้น กล้าทาย และคนดูบอกว่าแม่น โดยมีเคล็ดลับอยู่ที่ก่อนทำนายต้องยกมือไหว้ครูบาอาจารย์ ขอให้ช่วยเปิดทางให้เกิดสติปัญญาสว่างไสวลื่นไหลและทายแม่น

“พอทายคนดูบอกแม่น แม่จ๋าคิดว่ามีวิชาเหล่านี้เหมือนมีขุมทรัพย์ติดตัว เวลาตกทุกข์ได้ยากก็ผ่านไปได้ ครั้งหนึ่งกระเป๋าหายไม่มีค่ารถ แทนที่จะขอเงินคนอื่น ก็บอกเขาว่าเป็นหมอดูอยากดูให้ เขาฟังแล้วบอกแม่นก็ให้ค่าครู ได้เงินค่ารถกลับบ้าน อีกอย่างเมื่อก่อนเป็นแม่ค้าไม่มีใครไหว้ ตอนนี้เดินไปไหนมีคนยกมือไหว้ เป็นอาชีพที่มีเกียรติ หากใครว่าต่ำต้อยไม่ใช่แน่นอน ถ้าจะต่ำต้อยก็ต้องที่คนไม่ใช่อาชีพ หากคนนั้นเอาไปใช้ในทางที่ผิด โกหก ไม่ซื่อสัตย์ต่อคนดู แต่ครอบครัวแม่จ๋านอกจากทำนายตามตำราแล้ว เรายึดหลักพุทธศาสนา และรักษาจรรยาบรรณของหมอดูควบคู่เสมอ”

ขณะที่ลูกสาวคนโต “แวว ดังคลี” หรือ อาจารย์ชุณห์ วัย 37 ปี เชี่ยวชาญด้านไพ่ยิปซี มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษ เพราะจบท่องเที่ยวการโรงแรม แต่งงานกับสามีชาวต่างชาติ มีลูกชาย 1 คน คือ สุวพิชชาก์ จอห์น ดังคลี หรือ ซูวี่ (ที่ตอนนี้กำลังได้รับการถ่ายทอดวิชาสัตตเลขจากคุณตา) ปัจจุบันเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์บริษัทแห่งหนึ่งคุยกับลูกค้าต่างชาติ บอกว่า เรียนโหราศาสตร์ไทยและไพ่ยิปซี แต่ถนัดไพ่ยิปซี ซึ่งเสน่ห์ของไพ่ยิปซี คือ แค่เห็นหน้าและองค์ประกอบไพ่ก็สามารถดูดวงชะตาของคนนั้นออก เคยดูผ่านเว็บแคมให้กับลูกค้าที่ญี่ปุ่น และตอนอยู่อังกฤษกับสามีก็ดูให้กับฝรั่งและคนไทย อนาคตอยากจะมาทำอาชีพนี้เต็มตัว

ขยับมาที่ “พล-พรหมพิมาณ รัตนเดชากร” วัย 32 ปี น้องชายหมอแวว ถือว่ามีความถนัดใกล้เคียงกับผู้พ่อ เพราะเรียนโหราศาสตร์ชั้นสูงและพิธีกรรมมา จึงมีความรอบรู้ในเรื่องพิธีกรรมมงคลต่างๆ และฮวงจุ้ยเป็นอย่างดี จนหลายบริษัทได้เชิญให้เป็นที่ปรึกษา ปัจจุบันประจำอยู่ที่ห้องพยากรณ์บ้านรวมโหรไทย

สุดท้ายที่น้องสาวคนเล็ก “เอม-พิมพ์วลัญช์ ใหมอ่อน” อายุ 22 ปี ที่ควงคู่มากับแฟนหนุ่ม “เบส-พิษณุ พานจันทร์” (ซึ่งก็ไปเรียนที่สมาคมโหรมาแล้วเช่นกันในภายหลัง) เธอจบ ม.6 จากโรงเรียนเซนต์หลุยส์ จ.ฉะเชิงเทรา อดีตเป็นนักเทควันโดของโรงเรียน และมิสไทยแลนด์ เทควันโดแห่งประเทศไทย ปี 2009 ซึ่งจัดประกวดที่เดอะมอลล์โคราช ปัจจุบันทำงานที่คลินิกชื่อดังย่านรัชดาภิเษก

“เอม” สนใจศาสตร์พวกนี้ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ เพราะเห็นพ่อแม่ดูให้คนอื่นแล้วได้เงิน อยากได้บ้างตามประสาเด็ก แต่พอโตขึ้นอยากรู้จริง พอคุณพ่อมาเรียนก็มาด้วย โดยเลือกเรียนโหราศาสตร์ไทยและไพ่ยิปซี กระนั้นเธอมีความสามารถในการตั้งชื่อและชอบเป็นพิเศษ ซึ่งเธอบอกว่าชื่อเป็นสิ่งที่มีเสน่ห์จึงชอบที่จะตั้ง และการจะตั้งชื่อให้ลงล็อกตามเลขที่ต้องการและมีความหมายดีก็เป็นเรื่องท้าทาย แต่ก็การันตีได้นามสกุลพี่ชาย “รัตนเดชากร” ก็เป็นฝีมือของเธอ


เป็นหมอดูรวยไหม?

รวยไหม อาจไม่ใช่ทุกคนที่รวย แต่หมอดูก็มีสิทธิรวยได้ และแม้ครอบครัว “ใหมอ่อน” จะออกตัวว่าพออยู่พอกิน แต่ความพอกินของพวกเขานั้นอยากบอกว่าเมื่อก่อนค้าขายไม่มีอะไร ชีวิตดิ้นรนไปวันๆ แต่หลังไปเรียนหมอดูแล้วกลับมาตั้ง “บ้านรวมโหรไทย” โดย อ.ธนกร สินเกษม เป็นผู้ตั้งให้ แล้วยึดอาชีพหมอดูอย่างเดียว ฐานะทางบ้านก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

“เมื่อก่อนตอนขายของไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรอก ทั้งเหนื่อย ทั้งหนี้ ตอนนี้เรามีบ้านของเรา มีรถยนต์ มีบ้านให้คนเช่า และมีห้องแถวอย่างน้อย 30-40 ห้อง เพิ่งปลูกมา 2 ปี ส่วนแผงขายของที่เคยขายก็ให้คนเช่าที่ตลาดบ่อบัว” โหรกิตติ์พิพัฒน์ พูดถึงฐานะพออยู่พอกินในปัจจุบัน

ด้านอาจารย์แม่ให้ความเห็นสำทับว่า ใครมีอาชีพนี้ติดตัวมีสิทธิรวยได้เสมอ ถ้าเป็นคนดี พูดจริง ทำจริง ไม่โกหกหลอกลวงคนที่มีทุกข์ที่เดินเข้ามาหา ไม่เห็นแก่เงิน เชื่อว่าชีวิตและฐานะจะดีแน่นอน ส่วนคนที่หลอกลวงคนอื่นไม่เจริญ จะพินาศในภายหลัง

ว่าแต่ใครที่อยากดูหมอกับครอบครัว “ใหมอ่อน” เชิญได้ทุกวัน และถ้าอยากเจอทุกคนที่บ้านรวมโหรไทย แนะนำไปวันเสาร์และอาทิตย์ เพราะลูกๆ จะไปรวมตัวกันที่นั่น มีห้องพยากรณ์ของตัวเอง หรือถ้าไปไม่ได้ โทรเลย 081-996-6224, 086-112-1023

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 68