ณัฐกิตติ์ สุทธิวัฒนโรจน์ จากสนามแข่งสู่สนามชีวิต
ผู้ชายกับความเร็วเป็นของคู่กันที่แยกไม่ออก แต่เมื่อได้ลิ้มลองกับความฝันในวัยเด็กที่อยากจะเป็นนักแข่งรถ
โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
ผู้ชายกับความเร็วเป็นของคู่กันที่แยกไม่ออก แต่เมื่อได้ลิ้มลองกับความฝันในวัยเด็กที่อยากจะเป็นนักแข่งรถ เมื่อจังหวะในชีวิตมาถึง บิ๊กณัฐกิตต์ สุทธิวัฒนโรจน์ ก็พร้อมจะออกจากสนามแข่งเข้าสู่สนามชีวิต ด้วยการเดินหน้าธุรกิจแรกในชีวิตของตัวเองอย่างแข็งขัน
ปัจจุบันบิ๊กนั่งแท่นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาวาว่า บริษัทเอเยนซีที่ให้บริการแบบครบวงจร ทั้งจัดอีเวนต์ ทำประชาสัมพันธ์ และซื้อสื่อ ดูผิวเผินอาจเหมือนว่าบิ๊กฉีกแนวจากตัวตนที่เป็นมาสู่โลกธุรกิจ แต่จริงๆ แล้ว บิ๊กบอกว่า ธุรกิจนี้ใกล้ตัวกว่าที่คิด เพราะลูกค้ากว่า 60% ยังวงเวียนอยู่กับแวดวงรถยนต์
บิ๊กบอกว่า ถึงจะมีฝันอยากเป็นนักแข่งรถมาตั้งแต่เด็ก แต่เส้นทางชีวิตก็ไม่ได้วิ่งเป็นเส้นตรง เพราะกว่าจะได้เข้าสนามแข่งจนได้ตำแหน่งรองแชมป์ประเทศไทย ในรายการชื่อ RAAG ของราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อปี 2548 นั้น เขาก็คือพนักงานบริษัทคนหนึ่ง
“ความฝันเริ่มขึ้นเพราะตั้งแต่เด็กผมได้มีโอกาสคลุกคลีกับรถ เนื่องจากที่บ้านทำธุรกิจเบาะรถยนต์ ผมเองเลยมีโอกาสขับรถไปส่งรถให้คุณพ่อ ตั้งแต่อายุ 12 ปีก็อยู่หลังพวงมาลัยแล้ว แต่ที่ภูมิใจที่สุดคือ ได้ขับรถเบนซ์ตั้งแต่เด็ก เพราะโชคดีที่บ้านทำเบาะให้ศูนย์รถเบนซ์แห่งหนึ่ง เลยต้องขับรถไปส่งให้ลูกค้าที่ศูนย์”
จากจุดนี้เองเลยกลายเป็นความผูกพันทำให้ชอบขับรถ ชอบศึกษาเรื่องรถยนต์ แต่เมื่อเติบใหญ่ บิ๊กกลับเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่บริษัทของเล่นสัญชาติญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ชีวิตที่เหมือนไม่น่าเฉียดเข้าสู่สนาม แต่เมื่อพรหมลิขิต มีรุ่นพี่ขายรถแข่งต่อให้ ทำให้บิ๊กได้มีโอกาสสัมผัสสานฝันให้เป็นจริงในที่สุด แม้ว่าทางบ้านจะไม่ค่อยสนับสนุนก็ตาม
ทว่าเมื่อก้าวถึงจุดที่ฝันแล้ว ดูเหมือนว่าเป้าหมายที่จะเป็นผู้ชนะหรือที่ 1 จะไม่ได้อยู่ในเรดาร์ของผู้บริหารหนุ่มอีกต่อไป เพราะหลังจากวิ่งตามความฝันคู่ไปกับการหาประสบการณ์ในการทำงาน สุดท้ายเมื่อจังหวะและโอกาสมาถึง บื๊กก็ไม่รอช้าที่จะก้าวออกจากสนามแข่งเพื่อทุ่มเทเวลาอย่างเต็มที่ให้สนามชีวิตจริง
“ถามว่าเสียดายไหม ก็แอบเสียดายเล็กๆ นะที่ตอนนั้นไม่ไปต่อ แต่ถ้าวันนั้นผมไปต่อ วันนี้ผมคงไม่ได้มีธุรกิจของตัวเองแบบนี้ ดังนั้นถ้าเทียบกันผมก็ไม่เสียใจ เพราะยังไงก็ยังได้อยู่ในแวดวง ได้ทำทีมรถแข่งของตัวเอง”
บิ๊กบอกว่า ตอนนี้เขาคือผู้ที่มีความสุขอยู่นอกสนาม เพราะออฟฟิศก็ตั้งอยู่ที่มอเตอร์สปอร์ตแลนด์ หรือ แดนเนรมิตเก่า วันไหนทำงานเบื่อๆ ก็เอารถออกมาขับด้วย ผมว่ามันเป็นความสุขคนละแบบ ตอนอยู่ในสนามมันมีทั้งสุขและความเครียด สุขเวลาได้ขับ ได้ซ้อม ได้แข่ง วัดไหวพริบว่าโค้งหน้าจะทำยังไง แต่ที่เครียดคือ ต้องอาศัยการวางแผนมาก ผมจำได้ว่ามีคนบอกว่า คนที่เร็วที่สุดไม่ใช่ผู้ชนะ แต่คือคนที่วิ่งครบรอบจนเข้าเส้นชัยได้
ส่วนอนาคต บิ๊กตั้งเป้าไว้เมื่อใดก็ตามที่นึกถึงแบรนด์สินค้าเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ รถยนต์อยากหาอีเยนซี ให้คิดถึงชาวาว่า เพราะเราเจาะกลุ่มนี้โดยตรง
ของสะสมสุดหวง
รถมอเตอร์ไซค์ Ducati 998S มี 400 คันทั่วโลก แต่ในเมืองไทยมี 4 คัน
รถมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า มังกี้ เป็นรุ่นฉลองครบรอบ 40 ปี ในเมืองไทยมีไม่ถึง 10 คัน
รถมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า มอเตอร์ คอมโป คอลเลกชัน
และในขณะนี้กำลังหมายตา รถมอเตอร์ไซค์ Ducati Paul Smart 1000 ซึ่งเป็นรถที่นักสะสมกำลังมองหากัน มีเพียง 1,500 คัน ทั่วโลก


