พบรักในเฟซบุ๊ก แต่ไม่กล้านัดเจอกันทำไงดี?
สมัยก่อนวิธีการหาคู่มักจะหาคู่กันทางนิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ แล้วติดต่อกันทางจดหมาย ที่เรียกว่า “เพ็นเฟรนด์”
โดย...ตุลย์ จตุรภัทร
สมัยก่อนวิธีการหาคู่มักจะหาคู่กันทางนิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ แล้วติดต่อกันทางจดหมาย ที่เรียกว่า “เพ็นเฟรนด์” เมื่อเขียนจดหมายถึงกันบ่อยเข้า ก็เริ่มให้เบอร์โทรศัพท์ เพื่อคุยกัน แล้วค่อยนัดเจอตัวกันตามสเต็ป
แต่วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีได้ทำให้ยุคสมัยนี้ คนหาคู่กันทางออนไลน์ได้ง่ายดายขึ้น เช่น ถูกใจใครคนหนึ่งในเฟซบุ๊กของเพื่อนก็แอดไป เมื่อเขาตอบรับมา ก็หาวิธีตีสนิทกับเขา จะกดไลค์ คอมเมนต์ จะส่งข้อความทางกล่องข้อความ หรือวิธีใดก็ได้ เพื่อให้เขารู้ว่าเราสนใจและอยากรู้จักมากเกินกว่าเพื่อน ถ้าเขาเล่นด้วยก็สานต่อทางไลน์ หรือแลกเบอร์โทรศัพท์เพื่อคุยกันต่อ
แต่ปัญหามันติดอยู่ตรงที่ว่า เมื่อถึงเวลาต้องนัดเจอกัน เรากลับเป็นฝ่ายบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบ ไม่กล้าเจอ เพราะไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาตัวเอง กลัวเขาไม่ถูกใจ แล้วจะตัดความสัมพันธ์
สถานการณ์
“เลโอ” พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งไร้คู่มานานแรมปี หลังจากถูกตาต้องใจใครคนหนึ่งในเฟซบุ๊กของเพื่อน ก็แอดไป แล้วเขาตอบรับมา หลังจากนั้นก็ไลค์กันไป คอมเมนต์กันมา คุยเล่นกันไปเรื่อยๆ จนเริ่มคุยกันทางโทรศัพท์แบบเกินเพื่อน พอคุยกันไปได้สักระยะ อีกฝ่ายเริ่มอยากพบเจอตัวจริง แต่เลโอกลับบ่ายเบี่ยง ไม่ว่างบ้างล่ะ หาวันลงตัวไม่ได้บ้างล่ะ จนอีกฝ่ายเริ่มสงสัย ว่าที่ไม่กล้าเจอ เพราะกลัวว่าเจอแล้ว ตัวจริงจะไม่เหมือนในรูปหรือเปล่า ทั้งๆ ที่สาเหตุแท้จริงที่เลโอไม่กล้านัดเจอ เป็นเพราะไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาตัวเอง กลัวเขาเจอแล้วจะเมินหน้าหนี ที่สำคัญคือกลัวตัวเองผิดหวัง ต้องมานั่งเสียใจอีกครั้งนั่นเอง
ทางออก
ในเมื่อคุยกันมาไกลซะขนาดนี้แล้ว นัดเจอให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย คนเราจะคบกันได้ ต้องกล้าที่จะอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง มัวแต่หวานในโลกออนไลน์ หรือหวานทางโทรศัพท์ ไม่ได้ช่วยให้ความสัมพันธ์มันพัฒนาไปไกล อย่าลืมว่าการนัดเจอกันมันเหมือนการดูตัว เธอพึงพอใจไหม ฉันพึงพอใจไหม นัดกินข้าวกัน เพื่อจะได้รู้ว่าคุยแล้วถูกคอไหม ความเป็นตัวเขา เรารับได้ไหม และความเป็นตัวเขา เรารับได้ไหม ถ้าเขาไม่สานต่อ เพราะติดที่รูปร่างหน้าตา ก็จะได้ตัดใจเร็ว หรืออาจเป็นเราที่เลือกขอบายจากเขาก็ได้ ยุคสมัยนี้ต้อง “ชัดเจน” มัวอมพะนำ ก็ไม่มีแฟนกันพอดี ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ จะได้จบ แล้วเปิดโอกาสทั้งเราและเขา เพื่อก้าวเดินไปหาคนใหม่ ที่อาจไปกันได้ ทั้งโลกออนไลน์และโลกแห่งความเป็นจริง
อย่าลืมว่าหน้าตาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญก็จริงและนิสัยใจคอที่ไปกันได้ต่างหาก ที่จะทำให้คนสองคนคบกันแล้ว “ไปรอด”
Ask the Expert
Q: เด็กๆ ในบ้านถามว่า หนูจะเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร เราจะตอบเขาว่าอย่างไรที่เป็นคำตอบที่ดีที่สุด
A: ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กจากสถาบันอินไซน์คิดส์ บอกว่า เด็กทุกบ้านชอบถามอย่างนี้เสมอ เพราะพวกเขายังไม่เข้าใจในชีวิต ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กจากสถาบันอินไซน์คิดส์ แนะนำว่า เมื่อถามเด็กๆ ถามว่า “เราเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร?” เชื่อหรือไม่ว่าคำตอบส่วนใหญ่เด็กๆ จะตอบว่า เพื่อจะสอบได้คะแนนดีเพื่อเป็นที่รักของคุณพ่อคุณแม่ หรือเพื่อจะได้ทำงานดีๆ ฯลฯ คำตอบเหล่านี้คือแรงจูงใจที่มาจากภายนอกทั้งสิ้น
แรงจูงใจที่มาจากภายนอก (Extrinsic Motivation) สำคัญ เพราะเป็นเหมือนรางวัลที่จะได้รับเมื่อเราได้อดทนฝ่าฟันทำงานบางอย่าง แต่ก็แตกต่างจากแรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motivation) ซึ่งจะเป็นรางวัลด้วยตัวของมันเอง เช่น วาดรูปเพราะอยากค่อยๆ สร้างสรรค์รูป ค้นคว้าเพิ่มเติมเพราะสนใจในความรู้นั้นจริงๆ สิ่งที่ทำให้แรงจูงใจภายในมีความพิเศษกว่าแรงจูงใจภายนอก คือ “แรงจูงใจภายในทำให้เด็กๆ รู้สึกสนุก และมีความสุขในแต่ละย่างก้าวของการเรียนรู้”
เด็กๆ ที่เรียนรู้จากแรงจูงใจภายในจะมีความสุข มุ่งมั่น รับผิดชอบ เป็นตัวของตัวเอง และสามารถเรียนรู้ได้อย่างยั่งยืน ดังนั้นในฐานะผู้ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ผู้ปกครอง คุณครู หรือบุคคลใกล้ชิด สามารถที่จะช่วยส่งเสริมให้เด็กๆ ได้พัฒนาแรงจูงใจที่มาจากข้างในของตัวเอง ด้วยการสร้างบรรยากาศความสนุก ความสบายใจ และความสุขในการเรียนรู้ ทำให้เด็กๆ ได้รู้สึกมีส่วนร่วมในการ
ตั้งเป้าหมายและเลือกทำ รู้สึกตื่นเต้นกับการค้นคว้า ทดลอง และค้นพบสิ่งต่างๆ เรียนรู้เพื่อการเติบโตของตัวเอง เพื่อตอบสนองความอยากรู้ เพื่อประโยชน์ในการทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง และช่วยเหลือผู้อื่นได้มากขึ้น โดยผ่านการทำกิจกรรม เช่น การเล่นเกม แก้ปัญหาชวนคิดงานประดิษฐ์ การอ่านและฟังนิทานและประสบการณ์จริงจากการเล่นกับเพื่อน ได้ช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ ได้ทัศนศึกษาและท่องเที่ยว เป็นต้น
He Said/She Said
กบ พนักงานบริษัท
“ผู้หญิงในสเปกผมไม่มีอะไรมากครับ ขอให้สวยไว้ก่อน (หัวเราะ) แต่สวยนี่ไม่ใช่เฉพาะหน้าตานะครับ ต้องสวยที่ใจด้วย ผู้หญิงที่สวยด้วยใจผมว่าพิเศษกว่าหน้าตาสวยแต่นิสัยแย่เสียอีกนะครับ”
กิ่ง พนักงานบริษัท
“ขึ้นชื่อว่าผู้ชายก็งั้นๆ น่ะค่ะ เจ้าชู้ ชอบผู้หญิงหลายคน ดิฉันเบื่อจะอดทนกับผู้ชายจำพวกนี้ สเปกดิฉันไม่มีอะไรมากค่ะ ขอแค่หน้าตาพอดูได้ แต่นิสัยนี่สำคัญเลยว่าต้องไม่เจ้าชู้”
Quote
“ที่บางคนมีร่มเงาให้นั่งพักพิงได้ทุกวันนี้ ก็เพราะเมื่อวันก่อนๆ หน้า นานมาแล้วนั้น ได้มีบางคนริเริ่มปลูกต้นไม้เอาไว้น่ะสิ”
วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักการเงินชื่อดังของโลก


