posttoday

หน้ามืด ปวดหัวจี๊ด อย่าวางใจ

30 เมษายน 2556

ไปเดินชอปปิ้งที่ตลาดนัดจตุจักรกับเพื่อนสนิท อยู่ๆเพื่อนสาววัยต้น 40 ก็บ่นร้อน หน้ามืด หัวหมุนติ้ว เธอบอกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาต้องหาที่นั่งพัก

โดย...กันย์ / ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์

สถานการณ์

ไปเดินชอปปิ้งที่ตลาดนัดจตุจักรกับเพื่อนสนิท อยู่ๆเพื่อนสาววัยต้น 40 ก็บ่นร้อน หน้ามืด หัวหมุนติ้ว เธอบอกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาต้องหาที่นั่งพัก ถามไถ่ได้ความว่าเธอมีความดันโลหิตสูงไปหน่อย แต่คิดว่าไม่ซีเรียสอะไร ฟังเธอเล่าแล้วบอกว่าอย่าวางใจนะเธอ หาความรู้เกี่ยวกับโรคที่เป็นไว้มั่งก็ดีนะตัวเอง เลยต้องหาข้อมูลมาบอกเล่าให้เธอฟัง

ทางออก

ความดันโลหิตสูง อาจเป็นอันตรายกว่าที่คิด เมื่อก่อนคนไทยดำรงชีวิตแบบเรียบง่ายกินอยู่อย่างไทย ไม่ค่อยมีปัญหาความดันสูงกันเท่าไหร่ (ความดันปกติคือ 120/80) แต่ในสภาวะปัจจุบันความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ทำให้คนไทยเกิดความเครียดส่งผลให้สถิติการเกิดโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้น และยังเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่มีการระบาดไปทั่วโลก องค์การอนามัยโลกได้ประมาณไว้ว่าจำนวนผู้ป่วยความดันโลหิตสูงทั่วโลก จาก 194 ประเทศ มีจำนวนถึง 970 ล้านคน โดย 330 ล้านคนอยู่ในประเทศพัฒนา และ 640 ล้านคนอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา และในปี 2025 คาดว่าจะมีผู้ป่วยความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นเป็น 1.56 พันล้านคน

สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขคาดว่า จะมีผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงประมาณ 10 ล้านคน ซึ่ง 70% ของคนกลุ่มนี้ไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะดังกล่าว ทำให้ไม่ได้รับการรักษาหรือการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเหมาะสม อันจะนำไปสู่การเกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย อาทิ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ด้วย ถ้าเกิน 160/110 ควรต้องรักษากินยาคุมความดัน

สถานการณ์

เมื่อรู้ข้อมูลแล้วต๊กกะใจ อั๊ยย่ะ นี่มันเพชรฆาตเงียบชัดๆนี่นา เลยต้องพากันไปตรวจสุขภาพ เป็นอะไรจะได้รักษาป้องกันได้ทันท่วงทีนะเพื่อนรัก จะได้อยู่ด้วยกันนานๆนะจ้าเพื่อน เพราะความดันของเพื่อนก็ 140/90 ก็เข้าข่ายเฝ้าระวังแล้วนะเธอ ก็คนปกติเขา120/90 เท่านั้นเองนะ

ทางออก

เพราะเป็นโรคที่มักไม่มีอาการ จากการที่เป็นโรคเรื้อรังที่รุนแรง ถ้าไม่สามารถควบคุมโรคได้ และไม่มีอาการ จึงเรียกโรคความดันโลหิตสูงว่า “เพชฌฆาตเงียบ (Silent killer)” ทั้งนี้ส่วนใหญ่ของอาการจากโรคความดันโลหิตสูง เป็นอาการจากผลข้างเคียง เช่น จากโรคหัวใจ และจากโรคหลอดเลือดในสมอง หรือ เป็นอาการจากโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น อาการจากโรคเบาหวาน หรือ จากโรคอ้วน หรือเป็นอาการจากโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น โรคเนื้องอกต่อมใต้สมอง

การป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ที่สำคัญ คือ การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดย กินอาหารมีประโยชน์ 5 หมู่ให้ครบทุกวัน ในปริมาณที่เหมาะสม กล่าวคือ ไม่ให้เกิดโรคอ้วน และน้ำหนักตัวเกิน และจำกัดอาหารไขมัน แป้ง น้ำตาล และอาหารเค็ม เพิ่มผัก และผลไม้ชนิดไม่หวานให้มากๆ รวมทั้งออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวัน ตามสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าลืมรักษาสุขภาพจิต ให้ร่าเริงแจ่มใสเข้าไว้ ควรตรวจสุขภาพประจำปี (การตรวจสุขภาพ) ซึ่งรวมถึงตรวจวัดความดันโลหิต เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 1820 ปี หลังจากนั้นตรวจสุขภาพบ่อยตามแพทย์ แนะนำ

ข่าวล่าสุด

ไทยเบฟคว้า 2 รางวัลอาหารจากเวที RED TABLE AWARDS 2025