‘ของเล่นสังกะสี’ สุดคลาสสิค ของ ศุภวุฒิ จิรมนัสนาคร
นอกจากวิสัยทัศน์ด้านการบริหารเมอร์เซเดสเบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย)
โดย...วราภรณ์ ผูกพันธ์ ภาพ : ภัทรชัย ปรีชาพานิช
นอกจากวิสัยทัศน์ด้านการบริหารเมอร์เซเดสเบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) ของ ศุภวุฒิ จิรมนัสนาคร กรรมการผู้จัดการ ให้ธุรกิจมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจแล้ว ศุภวุฒิยังมีสายตากว้างไกลในการเก็บ “ของเล่นสังกะสี” มากกว่า 100 ชิ้น เริ่มสะสมไว้ตั้งแต่เด็ก อาทิ ตุ๊กตายอดมนุษย์แสงจันทร์ ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีแล้ว และเป็นของเล่นชิ้นโปรด ที่เป็นที่ต้องการของนักเก็บสะสมของเล่นสังกะสีโบราณ
ศุภวุฒิ เล่าย้อนวันวานเมื่อครั้งเป็นเด็กและเริ่มเก็บสะสมของเล่นสังกะสี ซึ่งในสมัยก่อนของเล่นสังกะสีเป็นสัญลักษณ์ของความเกิดในตระกูลที่มีฐานะดีพอควร เพราะเด็กในสมัยนั้นจะมีของเล่นดีๆ เช่นนี้เล่นได้ ต้องมาจากครอบครัวที่มีสตางค์ เพราะของเล่นต้องนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น และประเทศทางแถบยุโรป
“ที่ผมเริ่มเก็บสะสมของเล่นชิ้นนี้เพราะผมมีเก็บไว้ตั้งแต่เด็กๆ ก๋งซื้อให้หลานๆ เล่น ซื้อให้หลายชิ้นมาก พอไม่เล่นก็เก็บสะสมไว้นาน บางชิ้นนานเกือบ 40 ปี ผมก็เก็บเป็นที่ระลึกถึงก๋ง คุณย่า ซึ่งเก็บในตู้อย่างดี พอมาถึงยุคหนึ่งประมาณปี 25282530 เมืองไทยเริ่มนิยมเก็บสะสมของเล่นสังกะสี มีคนตระเวนเสาะหาซื้อมาไว้ในครอบครองในท้องตลาด โชคดีที่ผมมีเก็บสะสมอยู่แล้วบางส่วนนับเป็นร้อยๆ ชิ้น กลายเป็นของมีค่าโดยไม่รู้ตัว”
“กระต่ายไขลาน” คือของเล่นสังกะสีที่เขาได้เป็นตัวแรก
“ตอนนั้นจำได้ก๋งไปกรุงเทพฯ ทุกครั้งที่กลับมาก๋งต้องมีของมาฝากหลานๆ เช่น ของเล่น ขนม ผลไม้ ช็อกโกแลต อาหารทะเล พอโตขึ้นเราก็ได้ของเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ วันหนึ่งก๋งซื้อของเล่นสังกะสีกระต่ายไขลานกับคางคกไขลานมาฝาก กระต่ายกระโดดๆ ไม่ค่อยชอบ ดูไม่น่ารัก ครั้งแรกที่ได้รู้สึกสุดยอด มีของเล่นสังกะสีบ้านเดียวในอำเภอ พี่น้อง 45 คน ได้ทุกคนแล้วก็แบ่งกันเล่น รักและหวงมาก ของพวกนี้ถ้าเอาออกจากบ้านไปโดนขโมย ของเล่นเริ่มจากของไขลานก่อน พอโตขึ้นมาของใส่ถ่านของเล่นมีไฟ รถไฟปล่อยไฟ รถวิ่งป๊อปอายก็ส่ายหัว ชนอะไรก็ถอยหลัง เราได้ของเล่นดีขึ้นมาเรื่อยๆ ก๋งกับย่าถ้าหลานไม่เล่น ท่านจะเก็บให้อย่างดี ชิ้นถัดมาเป็นมนุษย์แสงจันทร์ เป็นตัวการ์ตูนที่ฮิตเมื่อ 40 ปีที่มีมอเตอร์ไซค์ขับ มีผ้าคลุมพลิ้ว เพื่อนๆ เห็นตัวนี้รู้สึกทึ่งมาก”
ศุภวุฒิเล่าไลฟ์สไตล์การเล่นของเล่นของเด็กรุ่นก่อนๆ ที่คนในวัย 45 ปีนึกย้อนไปแล้วต้องอมยิ้ม ศุภวุฒิ บอกว่า เด็กๆ สมัยก่อนด้วยเศรษฐกิจไทยไม่ได้ดีมาก รายได้ของครอบครัวมีจำกัด ของเล่นจึงถือว่าเป็นของฟุ่มเฟือย สมัยก่อนตุ๊กตาแสงจันทร์ราคา 400 บาท หากอาก๋งของเขาไม่มีสตางค์ก็คงไม่ได้เล่น แต่คนต่างจังหวัดที่มีฐานะหน่อยก็ต้องนั่งรถไฟเข้ามาซื้อที่ห้างดังๆ ในยุคนั้นอย่าง ไทยไดมารู ห้างสรรพสินค้าย่านราชดำริ ร้านขายของเล่น เช่น ก เจริญ หรือร้านใต้ฟ้า ย่านเยาวราช อยากได้ของดีมากๆ ไปห้างไนติงเกล หรือย่านเยาวราช เจริญกรุง เป็นต้น
“ของเล่นยุคแรกๆ จะมีสังกะสี รุ่นต่อมาเป็นพลาสติกและยาง ลูกคนรวยมีเล่นเป็นตู้เลย พอหลานๆ ไม่เล่นก๋งก็จะเก็บสะสมเข้าตู้ให้ เวลาผ่านมาอีกยุคหนึ่งประมาณเขาเรียนอยู่ธรรมศาสตร์ปี 3 ของเล่นสังกะสีกลับมานิยมอีกครั้ง เพราะคนที่เก็บสะสมของเล่นชิ้นนี้ได้ลงในหนังสือสารคดีของเก็บสะสม คนจึงเริ่มฮิตเริ่มเสาะแสวงหาของเล่นสังกะสียุคปี 5060 เช่น ตุ๊กตามิกกี้เม้าส์ ซึ่งเป็นของเล่นสังกะสีจากยุโรป ก็เป็นที่ต้องการของนักสะสม”
พอของเล่นสังกะสีเริ่มกลับมานิยมอีกครั้ง ศุภวุฒิเหลียวมองไปที่ตู้เก็บของเล่นของเขาเมื่อวัยเด็กที่อาก๋งเก็บไว้ให้ มีเก็บจัดวางเรียงสวยงามเป็นจำนวนมาก และคงอยู่ในสภาพดีมาก ไม่กรอบไม่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ด้วยเป็นคนหัวดี นิสิตคณะรัฐศาสตร์วัย 19 อย่างเขาไปคุยกับนักสะสมจึงรู้ว่าแหล่งไหนที่ยังมีของเล่นสังกะสีจำหน่ายในราคาต้นทุน เขาจึงนำเงินเก็บ 8 หมื่นบาทไปหาซื้อมาในราคาหลังร้านด้วยราคาย่อมเยาชิ้นละไม่กี่สิบถึงร้อยบาท ซึ่งพอเขานำมาเปิดร้านขายของเล่นสังกะสีที่จตุจักรก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่สำหรับของเล่นที่อาก๋งเก็บไว้ให้เขาก็ยังเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันนี้รถไฟเหาะได้ที่เขายังเก็บอยู่มีขายอยู่ในอีเบย์ คันละ 2 หมื่นบาท แต่เขาเคยซื้อได้ในราคาเพียง 250 บาท แถมยังเป็นของแท้ทุกชิ้นที่มีชื่อผู้ผลิต เช่น ไดย่า แอนทีค หรือ Bull Mark และซีเรียล นัมเบอร์ พิมพ์อยู่ที่ของเล่นด้วย
“พอเราซื้อของได้จำนวนมากๆ และราคาไม่แพง ผมกับเพื่อนหุ้นกันเปิดร้านที่จตุจักร ขายดีมากๆ แต่ทำอยู่ไม่ถึงปี ของเริ่มหมดและหาใหม่ไม่ได้ หากวันนี้ผมรู้ว่ามันจะทวีมูลค่า ผมจะไม่ขาย แต่โชคดีที่ผมยังเก็บเฉพาะชิ้นที่ชอบและหายากไว้ ซึ่งก็เป็นร้อยชิ้น แต่เสียดายไม่ได้เก็บของหายากบางชิ้น เช่น ตุ๊กตาเด็กทำจากสังกะสีไขลานจูงหมาเดิน ของเล่นพวกนี้เรานำเข้าจากญี่ปุ่น พอยุคที่ของเล่นหายากคนญี่ปุ่นก็ซื้อกลับไป ตอนนี้รถของเล่นของค่ายโมเดิร์นทอยยุคก่อนขาย 250 บาท ยุคนี้ราคาเป็นหมื่นบาท รถยนต์ของเล่นที่ผลิตปี 1970 ซื้อขายกันในอีเบย์ 1.5 หมื่นบาท แต่ซื้อมาจริงๆ 200 บาทเอง ในความคิดของผมจริงๆ ของที่สะสมในแง่มูลค่าก็มี เห็นแล้วมีความสุข มีความหลังกับมัน ซึ่งคุณค่าทางใจนี้เงินมาแทนไม่ได้ ทำไมของเล่นโบราณแม้ราคาแพงแต่คนซื้อมาสะสม เพราะของเก่าดูคลาสสิกกว่า ของใหม่ซื้อเมื่อไหร่ก็ได้”
ของที่สะสมในแง่มูลค่าก็มี แต่สำหรับคนที่มีความผูกพันกับของเล่นสังกะสีอย่างเช่น ศุภวุฒิ ยังคงเก็บของเล่นเมื่อวัยเยาว์ของเขาไว้ เพราะเห็นแล้วมีความสุข มีความหลังกับมัน ซึ่งคุณค่าทางใจเงินมาแทนไม่ได้
“ผมมองของเล่นทีไรทำให้ผมย้อนมองไปถึงห้องนอนก๋ง มีหลานสามถึงสี่คนนั่งเล่นกันสนุกสนาน บางทีก็ทะเลาะกันเพราะแย่งกัน (ยิ้ม) ท่านสอนให้เรารู้จักการแบ่งปัน ชีวิตวัยเด็กไม่ค่อยมีเรื่องทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ ชีวิตวัยเด็กสดใสมาก หากผมไม่ซน ไม่ช่างสงสัยมาก ของเล่นชิ้นสมบูรณ์คงเหลือเยอะกว่านี้ เพราะตอนเด็กๆ ผมชอบรื้อ ชอบดูกลไกภายในว่าเขาทำอย่างไร บางทีเล่นจนลานขาด ผมก็ซ่อมเอง ของเล่นในยุคนั้นของก๋งช่วยสร้างแรงจูงใจ ทำให้ผมได้ฝึกทักษะเรื่องมือ ไขลานก็ใช้ทักษะมือ ลานพังก็รื้อมาซ่อม ก่อนรื้อต้องจำว่าสภาพเป็นอย่างไร รื้อออกมาแล้วต้องซ่อมให้กลับเป็นเหมือนเดิม พอตอนโตทำให้เราชอบทำอะไรเอง แต่งบ้านเอง ชอบงานไม้เฟอร์นิเจอร์ออกแบบเอง แล้วจ้างช่างมาทำ ได้ฝึกทักษะสมอง การคิด
“จริงๆ เมืองไทยมีคนนิยมเก็บของเล่นสังกะสีเยอะมาก ผมยังเป็นระดับน้องๆ เพราะคนเก็บสะสมจริงๆ ทุกวันนี้เขาก็ยังเดินหาอยู่ แต่ผมหยุดหาตอนปี 2531 เพราะไปเรียนต่อเมืองนอก แต่ของเล่นสังกะสีที่ผมยังสะสมอยู่ก็เก็บอย่างดี เพราะของเล่นเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจ ที่ก๋งกับย่าดูแลให้ ถึงแม้ทั้งสองท่านไม่อยู่แล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกผูกพันกับท่านผ่านของเล่น เพราะท่านให้เราด้วยความรัก ท่านสอนให้เราเล่นกันกับพี่น้องด้วยความมีน้ำใจต่อกัน แบ่งกันเล่น อย่าทะเลาะกัน ถึงแม้มีคนขอซื้อแต่ผมไม่ขาย ยังคงเก็บสะสมต่อไป เพราะความสุขของคนเก็บของสะสมคือความท้าทายเหมือนหาสมบัติ บางคนมีความสุขแบบนี้ แต่เราต้องรู้จักความพอดี”
การดูแลรักษาของเล่นสังกะสี
ศุภวุฒิ แนะว่า ควรเก็บไว้ในตู้ให้มิดชิด ไกลมือเด็ก และป้องกันฝุ่นละอองเกาะ บางชิ้นที่มีรายละเอียด ราคาแพง หรือรักมากเป็นพิเศษ ควรใส่กล่องไม้ปิดมิดชิด เพราะของเล่นสังกะสีไม่ชอบความชื้น อยู่ได้ดีในอากาศแห้งๆ ไม่ชอบแสงแดด โดยเฉพาะของเล่นสังกะสีที่มีส่วนประกอบเป็นพลาสติก หากตากแดดก็จะกรอบเสียได้ง่าย เนื่องจากเทคโนโลยีสมัยก่อนไม่สูงมาก พลาสติกจึงถูกแสงแดดทำลายได้ง่าย รวมไปถึงสีสันที่ทาอยู่บนของเล่นสังกะสีหากบริษัทผู้ผลิตไม่พิถีพิถัน หากเก็บของเล่นไว้นานๆ แล้วโดนแดดสีล่อนเลย นักสะสมบางคนรักษาของมากจนต้องซื้อสเปรย์ที่ใช้หยอดกับกุญแจเพื่อหล่อลื่นมาฉีดพ่นเพื่อให้ของเล่นคงสภาพไปนานๆ บางคนเช็ดน้ำยาเคลือบเพื่อให้ผิวสัมผัสมันๆ แต่ศุภวุฒิเน้นเก็บรักษาให้ของเล่นคงความดั่งเดิมให้ได้มากที่สุด และให้เขาเสื่อมไปตามกาลเวลา ได้มาอย่างไรอยากให้เขาอยู่อย่างนั้น แต่ให้เสื่อมช้าที่สุด
“ของเล่นบางบริษัทคุณภาพการผลิตสู้สมัยนี้ไม่ได้ บางชิ้นโดนความชื้นสีโครเมี่ยมหายแทนด้วยสนิม อีกอย่างหนึ่งคือควรเก็บให้พ้นมือเด็ก เพราะการจับบ่อยๆ มือที่เค็มจะทำให้เกิดสนิมได้ หากว่างๆ ก็ควรนำออกมาเช็ดทำความสะอาดบ้าง”


