posttoday

ปรุงแต่งใจให้เป็นสุข

23 เมษายน 2556

ความสุขจากการรู้จักปรุงแต่งใจให้เป็นสุข ปรุงแต่งใจให้เป็นสุขก็คือ มีโยนิโสมนสิการ

โดย...ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย

ความสุขจากการรู้จักปรุงแต่งใจให้เป็นสุข ปรุงแต่งใจให้เป็นสุขก็คือ มีโยนิโสมนสิการ หมายความว่า เมื่อเราดำเนินชีวิตไปๆ ชีวิตเราจะเจอทั้งด้านดีและด้านร้าย สารพัดจะเจอ เรื่องนั้นก็เจอเรื่องนี้ก็เจอ แต่ถ้าเราปรุงแต่งใจไม่เป็นเราจะทุกข์ เช่น เราทำงานเจอเจ้านายที่เคี่ยวมากๆ ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยเจอใครที่คุณย่าละเมียด คุณแม่ละไม คุณนายละเอียดขนาดนายคนนี้ มันเป็นกรรมอะไรหนอ ถ้าเราคิดในแง่ลบแล้วเราไปปรุงต่อที่บ้านไปเล่าให้เพื่อนฟัง ที่ออฟฟิศโน้นมีหรือเปล่าเจ้านายที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรกับลูกน้อง นี่คือปรุงไม่เป็น แต่ถ้าปรุงเป็นก็จะคิดว่า โอ้...เราแสวงหามานานกว่าจะพบนายที่ Perfectionist นายระดับนี้ถ้าเราอยู่กับเขาหนึ่งปีเราก็จะเก่ง เพราะเราจะซึมซับคุณสมบัติของนายมาได้ทั้งหมด เห็นหรือยัง คู่ต่อสู้ยิ่งเก่งยิ่งเข้มแข็ง เราก็ยิ่งแกร่ง ยิ่งได้วิชา พอมองแบบนี้ปุ๊บ โอ้...มันน่าขอบคุณนายจริงๆ

เมื่อครั้งที่อาตมาเดินทางไปบรรยายธรรมที่อเมริกา ขากลับ อาตมาซื้อตุ๊กตารางวัลออสการ์มาฝากลูกศิษย์สาขา Best Secretary สุดยอดเลขาฯ เพราะอาตมารู้ดีว่าอาตมาใช้งานเขาหนักมากๆ ถ้านายเป็นนายที่อึดจริงๆ เลขาฯ ก็ต้องอึดกว่านายหลายเท่า เราไปถามเลขาฯ ว่าเป็นอย่างไรนายอย่างนี้ดีไหม เลขาฯ ก็บอกสุดยอด พอผ่านวันเวลาที่หนักหนาสาหัสที่สุดไป ผ่าน 5 ปีแรกไปแล้วทุกอย่างที่เราถ่ายทอดก็ไปอยู่ที่เขาทั้งหมด เขาได้เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากเรา

มองในแง่ดีกลายเป็นว่าการที่เราได้อยู่กับคนที่เคี่ยวที่สุดนั้นคือได้อยู่กับครูที่ดีที่สุด ถ้ามองเป็นจะเป็นอย่างนี้ แต่ถ้ามองไม่เป็น เราไปเจอคนที่เก่งที่สุดเคี่ยวที่สุดเราก็จะไปมองว่า โอ้ย ฉันไปทำกรรมอะไรไว้ นรกชังหรือสวรรค์แกล้งก็ไม่รู้ให้ต้องมาเจอะมาเจอคนนี้ พอคิดอย่างนี้แล้วก็จะทุกข์หนักหนาสาหัส

ตัวอย่างคลาสสิกมากของคนที่ปรุงแต่งใจให้เป็นสุข คือ โทมัส อัลวา เอดิสัน ทดลองผลิตไส้หลอดไฟไปถึงครั้งที่ 600 เพื่อนร่วมงานลาออก เพื่อนบอกว่าผมไม่สู้แล้ว ถอยดีกว่า เรามีแต่ล้มเหลวจะทดลองไปทำไม เอดิสัน บอกว่า “ผมไม่คิดว่าล้มเหลว แต่ผมกำลังเรียนรู้ต่างหาก” ประโยคนี้ก็เป็นวรรคทองในประวัติศาสตร์ คือพวกลูกน้องมองความผิดพลาดในการทดลอง 600 ครั้งว่าเป็นความล้มเหลว แต่เอดิสันมองว่ามันคือการเรียนรู้ การเรียนรู้ที่ว่า 600 กว่าวิธีคือวิธีที่จะไม่นำไปสู่ความสำเร็จ ทำให้รู้ว่า 600 วิธีนั้นเราจะไม่ทำซ้ำอีก แต่ลูกน้องไปมองว่า 600 วิธีคือความล้มเหลวทั้งหมด ก็เลยพากันลาออก

ต่อมาเขาก็ทดลองใหม่อีก 9,999 ครั้ง เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรไม่อาจทราบได้ แต่สาระสำคัญอยู่ตรงที่ทำไมเขาไม่ท้อ รู้ไหมว่าคนส่วนใหญ่กลัวอุปสรรค แต่อุปสรรคกลัวคนที่ไม่ท้อ จำไว้ คนส่วนใหญ่เมื่อเจออุปสรรคหวาดกลัวตัวสั่น หารู้ไม่ว่าถ้าเราไปถามนายอุปสรรคว่าคุณกลัวอะไร อุปสรรคมันก็จะบอกว่าฉันเองก็กลัวเหมือนกัน กลัวคนที่ไม่ท้อ ฉะนั้นถ้าเราทำงานแล้วมันไม่ประสบความสำเร็จสักที ทำไมความสำเร็จมันเดินทางมาถึงตัวเองช้าเหลือเกิน ก็ให้บอกตัวเองว่า ตอนที่เรายังไม่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน คนที่จะเป็นมหาบุรุษเขาต้องใช้เวลามากหน่อย อธิบายกับตัวเองอย่างนี้แล้วเราก็จะรู้สึก เรามีน้ำอดน้ำทนในการสู้กับความทุกข์ได้มากขึ้น นี่เป็นวิธีปรุงแต่งใจให้เป็นสุข คือการมีโลกทัศน์เชิงบวกกับทุกสิ่งทุกอย่าง

เคยมีดาราคนหนึ่ง คลอดลูกคนแรกแล้วตายภายในสามวัน ในงานเผาศพลูกเธอร้องห่มร้องไห้ ไม่สามารถขึ้นเมรุเผาลูกได้ พระรูปหนึ่งที่เป็นเจ้าอาวาสสงสาร เดินมาบอกว่า โยมทำไมไม่ขึ้นไปเผาลูก ดาราคนนั้นก็บอกหลวงพ่อว่า หนูลุกไม่ขึ้น คิดถึงลูก ทุกข์ใจแสนสาหัส หลวงพ่อบอกว่า ชีวิตมนุษย์เกิดมามีสองบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ หนึ่ง เราต้องเรียนรู้บทเรียนที่ยาก และ สอง บทเรียนที่ง่าย ลูกโยมตายเป็นบทเรียนที่ยาก ถ้าโยมไม่ยอมเรียนบทเรียนนี้ วันหนึ่งพ่อโยมตาย แม่โยมตาย โยมจะทรงตัวอยู่ได้ไหม ทำไมไม่เรียนบทเรียนที่ยากๆ ก่อน ทำไมจึงเลือกจะเรียนแต่บทเรียนที่ง่ายที่สุดล่ะ เมื่อไหร่โยมจะเข้มแข็ง หลวงพ่อพูดแค่นี้แล้วเดินกลับกุฏิ ดาราคนนี้ฟังแล้วลุกขึ้นปาดน้ำตาขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์งานศพลูก เสร็จแล้วเข้าไปห้องครัวล้างถ้วยล้างจาน วันรุ่งขึ้นก็ขับรถไปทำงานเหมือนเดิม ถือเป็นคติชีวิตเลยว่ามนุษย์ต้องเรียนบทเรียนทั้งยากและง่าย

ฉะนั้น ถ้าวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นในชีวิต ถ้าเราปรุงแต่งใจของเราว่าชีวิตจะต้องเรียนบทเรียนทั้งยากและง่าย ถ้าเราเลือกจะเรียนบทเรียนที่ง่ายๆ เราก็ไม่เข้มแข็งต่อชีวิต เราไม่มีภูมิคุ้มกันชีวิต แต่ถ้าบทเรียนที่ยากๆ ผ่านมาถึงแล้วเราก้มหน้าก้มตาเรียนมันอย่างดีที่สุด วันหนึ่งเมื่อเราผ่านไปได้ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกสำหรับชีวิตนี้ ถ้าเราปรุงแต่งใจให้เป็นสุขได้ ก็จะกลายเป็นว่าเราได้กำไรจากทุกเรื่องที่ประเดประดังถั่งโถมเข้ามาทั้งหมด

อาตมาเคยมีลูกศิษย์ที่เป็นนายพลอยู่คนหนึ่ง ตั้งแต่รับราชการเป็นนายร้อยตำรวจจนกระทั่งเป็นพลตำรวจโท ท่านบอกว่า ท่านอาจารย์ครับผมถูกย้ายมาทั่วประเทศไทยแล้วครับ จนของขวัญชิ้นล่าสุดที่ภรรยาซื้อให้ก็คือหัวโขน หัวโขนจากโรงละครแห่งหนึ่ง ตอนแรกที่ได้รับท่านนายพลก็ตกใจมากว่าภรรยาซื้ออะไรแปลกๆ ให้ พอภรรยาอธิบายว่าพี่ หนูย้ายตามพี่มาทั่วทุกภาคของประเทศไทยละ วันนี้จึงซื้อหัวโขนมาให้พี่ ให้พี่รู้เอาไว้ว่าตำแหน่งของพี่มันแค่หัวโขน สวมเสร็จแล้วถอดเสียบ้าง โอ้โห พออธิบายอย่างนี้ ท่านนายพลดีใจมากเลยที่ภรรยาเข้าใจ เพราะกำลังทำงานดีๆ คำสั่งย้ายมาอีกแล้ว ย้ายกันจนชิน ก็เลยเข้าใจว่าชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้แหละ แล้วท่านนายพลบอกว่า ท่านอาจารย์รู้ไหมครับ ถ้าเกษียณเมื่อไหร่ ผมจะเป็นนักเขียน เพราะผมคิดว่าผมนี่ได้อยู่ครบทุกภาคของประเทศไทยเลย มันคือวัตถุดิบชั้นยอด นั่นคือมองไปในแง่ดี ถ้าปรุงแต่งใจให้เป็นสุขคือคิดเป็นเมื่อไหร่ ถ้าคิดเป็นก็สุขเป็น ถ้าคิดไม่เป็นก็ทุกข์ล้วนๆ

ฉะนั้น วิธีสร้างความสุขประการที่ 4 ก็สำคัญมาก ถ้าเราปรุงแต่งใจให้เป็นสุข เราก็สุขได้เหมือนกัน

ข่าวล่าสุด

ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 12.72 จุด DELTA ฉุดดัชนี-ไร้ปัจจัยใหม่หนุน