โกหก ทำไมในโลกออนไลน์
โดย...ชายโย
โดย...ชายโย
สถานการณ์ – ภาพสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งโพสต์รูปตัวเองบนเตียงนอนแต่เช้า ทำหน้าแอ๊บแบ๊วตามสมัยนิยม พร้อมข้อความบอกว่า เพิ่งตื่นนอน รูปนั้นมีคนกดไลค์เป็นพันพร้อมข้อความชื่นชมในตัวเธอตามมามากมาย จนกระทั่งสายตาเหลือบเห็นข้อความคอมเมนต์โดนใจอย่างจังข้อความหนึ่งว่า “เพิ่งตื่นนอน พ่...(เซ็นเซอร์)...ง เครื่องสำอางเต็มหน้า ขนตายาวเฟื้อย ลิปสติกก็ทา ตอ...(เซ็นเซอร์)...จริงๆ”
เป็นข้อความแรงๆ ที่สะท้อนอะไรหลายๆ อย่างในโลกกลมๆ กลวงๆ ไร้แก่นสารสาระ แล้วเราควรจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้
ทางออก ในยุคสมัยแห่งข่าวสารล้นโลก ไม่มีอะไรช่วยเราได้ดีกว่าการใช้หลักธรรมเข้ากลั่นกรองข่าวสารเหล่านี้ คือ กาลามสูตร หลักในการเชื่อ และโยนิโสมนสิการ หลักในการพิจารณาอย่างแยบคาย และที่สำคัญ คือการตั้งสติแห่งการรู้สึกตน ในสถานการณ์นี้ผิดตั้งแต่คนโพสต์ที่โกหกแม้กระทั่งตัวเอง นำไปสู่การหลอกลวงผู้อื่น เพื่อหวังคำชื่นชมและลาภยศสรรเสริญ
คนตอบความเห็นก็โกหกตอบไปทั้งที่รู้ว่าสภาพคนตื่นนอนไม่มีใครในโลกสวยเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว แต่ก็โกหกด้วยความนิยมชมชอบส่วนตัว เพราะได้สิ่งต่างตอบแทนคือภาพวาบหวิว สถานการณ์แบบนี้จึงมีแต่เสียกับเสื่อม ผู้หญิงก็เสีย คนตอบก็เสื่อม
ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ หยุดการโกหกในโลกออนไลน์ หยุดแม้กระทั่งการโกหกสีขาวเพื่อให้คนอื่นสบายใจ เราควรแสดงออกทางความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา โดยเลือกใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม หากคุณไม่ชอบใจในอะไรบางอย่าง ก็ไม่จำเป็นต้องแสดงออก และเลือกแสดงความคิดเห็นในมุมมองทางบวกต่อเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในเฟซบุ๊กไม่มีปุ่มกดอันไลค์ มีแต่กดไลค์เท่านั้น ในโลกออนไลน์เราก็ควรโพสต์สิ่งดีๆ เพื่อสร้างสังคมออนไลน์ให้น่าอยู่เช่นกัน
เพราะการโกหกในโลกออนไลน์มีแต่จะสร้างพิษร้ายทางความคิดแก่คนในสังคม โกหกกลับไปกลับมา จนไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จ สุดท้ายเราทุกคนก็ตกเป็นเครื่องมือของคนโกหก และคนที่เจ็บนั้นไม่ใช่ใคร ก็คือเราทุกคน เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคุณจะยังเลือกใช้คำโกหก หรือปั้นเรื่องหลอกลวงในโลกออนไลน์อยู่อีกไหม ลองคิดดู
Ask the expert
Q : เด็กในบ้านขี้วีนจะจัดการอย่างไรดี
A : พญ.รัตโนทัย พลับรู้การ หัวหน้าแผนกจิตเวชเด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้คำแนะนำว่า ทุกอย่างต้องเริ่มต้นจากการสอนให้หนูน้อยรู้จักควบคุมตัวเองตั้งแต่เล็กๆ จึงเป็นเรื่องจำเป็น เพราะสิ่งนี้จะเป็นทักษะที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคต
ถ้าเป็นเด็กวัย 35 ขวบ ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มจะเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ที่อยู่ในวัยเดียวกัน หรือเป็นการเล่นระหว่างพี่น้อง แน่นอนว่าจะต้องมีการทะเลาะ แย่งของเล่น ถ้าเด็กโกรธน้องเมื่อน้องแย่งของเล่น แล้วเอะอะโวยวาย หรือตีน้อง สิ่งที่ต้องจัดการคือการแยกเด็กออกมาเข้ามุมสงบ และบอกเด็กให้รู้ว่าตอนนี้หนูกำลังโกรธ หนูหงุดหงิด หนูต้องพยายามสงบตัวเอง ถ้าทำได้เร็วก็จะได้ออกจากมุมสงบนี้ได้เร็ว ถ้าทำช้าก็ต้องอยู่ตรงนี้นานขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะเป็นแนวทางที่ดีในการฝึกการควบคุมอารมณ์ให้กับเด็ก และเมื่อลูกน้อยได้รับคำแนะนำที่ถูกวิธี เขาก็จะปฏิบัติตัวได้ดีขึ้นในที่สุด ที่สำคัญเมื่อลูกแสดงความสามารถในการควบคุมตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องไม่ลืมที่จะชื่นชมกับสิ่งที่เขาทำ เพื่อเป็นแรงเสริมในแง่บวก ให้ลูกเห็นว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง
นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่อาจฝึกให้ลูกวัยอนุบาลให้หัดรับผิดชอบหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ ภายในบ้าน เช่น เก็บผ้าใส่ตะกร้า หรือช่วยตั้งโต๊ะอาหาร เพราะมีงานวิจัยที่ระบุว่า เด็กๆ ที่ได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ ภายในบ้าน ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ จะประสบความสำเร็จในชีวิตเร็วกว่าหนูน้อยที่ไม่มีหน้าที่ความรับผิดชอบอะไรเลย
He Said She Said
กี้ ช่างภาพ
“ผู้หญิงในสเปกสำหรับผมก็คือเป็นคนง่ายๆ กินง่าย อยู่ง่าย แต่ไม่ใช่ใจง่าย (หัวเราะ) รับในความเป็นเราได้ เพราะผมเป็นคนไม่หวาน เอาใจไม่เป็น ใช้ชีวิตง่ายๆ พาขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ ถ้าไม่ไกลก็เดินไปด้วยกัน ถ้าเป็นสาวที่รักครอบครัวได้ยิ่งเจ๋ง ยิ้มแย้มเฮฮายิ่งได้ใจ แบบน้องแอน โพลิติก ยิ่งโดนครับ (หัวเราะ)”
แพร กราฟฟิกดีไซน์
“ชอบผู้ชายที่บุคลิกดี ไม่จำเป็นต้องหล่อ แต่ต้องดูแลตัวเองเป็น ถ้าเขาดูแลตัวเองเป็นเท่ากับว่าเขาต้องดูแลเราได้ดีด้วย และต้องให้ความเข้าใจเราเป็นอย่างมาก เพราะว่าเราเป็นคนติดเพื่อน และต้องเข้ากับเพื่อนเราได้ดีด้วยค่ะ”
Quote
“พระคัมภีร์ไบเบิล สอนให้เรารักเพื่อนบ้าน เช่นเดียวกับที่สอนให้เรารักศัตรู ซึ่งจริงๆ แล้ว พระเจ้าอาจจะทรงรู้ทรงเห็นว่า พวกเขาก็คือคนคนเดียวกันนั่นเอง”
กิลเบิร์ต เค. เชสเตอร์ตัน นักเขียน/กวี/นักหนังสือพิมพ์ชาวอังกฤษ


