Young Celeb @ เชียงใหม่ ไม่มีคำว่าธรรมดา
โดย...ตุลย์ จตุรภัทร / ภาพ ภูมิ นริศชาติ (FINE DAE Magazine) หน้าผม ซี เนตรระตรี
โดย...ตุลย์ จตุรภัทร / ภาพ ภูมิ นริศชาติ (FINE DAE Magazine) หน้าผม ซี เนตรระตรี
ถ้าให้นึกถึงเชียงใหม่ เราจะนึกถึงอะไรดี? หนุ่มหล่อ สาวสวย อาหารเหนือ อากาศหนาว ร้านเหล้าชื่อดัง ร้านกาแฟย่านนิมมานเหมินทร์ และอีกมากมายก่ายกองที่นึกถึงได้ไม่รู้จบ
และถ้าหากให้นึกถึงเหล่าบรรดาคนที่มีชื่อเสียง หรือที่เราเรียกกันจนติดปากว่า เซเลบ (Celebrity) ของเชียงใหม่ โดยเฉพาะเซเลบรุ่นใหม่ที่แสงไฟกำลังสาดส่องอยู่ ณ ขณะนี้ ใครหลายคนอาจนึกไม่ออก (เพราะถ้าไม่ใช่คนในแวดวงสังคมเชียงใหม่ คงไม่มีใครรู้จัก)
แต่เพราะเชียงใหม่ ณ พ.ศ.นี้ มีความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้างสรรพสินค้า หรือคอมมูนิตีมอลล์ที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด (ไม่แพ้กรุงเทพมหานคร) ทำให้งานอีเวนต์ผุดขึ้นมาไม่เว้นแต่ละวัน และเซเลบรุ่นใหม่ก็จำเป็นต้องออกงานเพื่อให้แสงไฟสาดส่อง ไม่แพ้เซเลบในเมืองกรุง
โพสต์ทูเดย์ฉบับนี้ จึงได้รับเกียรติจากผู้บริหารฟายน์ เด แมกกาซีน และฟายน์ เด ครีเอทีฟ ออร์แกไนซ์เซอร์ ให้ร่วมสาดแสงไฟส่องดูเซเลบรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงที่สุดในขณะนี้ เมื่อเราได้ทำความรู้จักพวกเขาและเธอเหล่านี้แล้ว บอกได้เลยคำเดียวว่า “ครบเครื่องสุดๆ จนหยุดกดไลค์ไม่อยู่”
รัมย์ เสาวภาคย์พงษ์
หนุ่มลูกเสี้ยวไทยเดนมาร์ก สูง 184 เซนติเมตร คนนี้ จบคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทั่วไปของ หจก.ณ นว อินเตอร์เนชั่นแนล (ณ นว เซรามิค) ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวนั่นเอง
“ที่บ้านผมเป็นโรงงานทำเซรามิกส่งออกต่างประเทศ ส่งในประเทศบ้างครับ แต่ไม่เยอะเท่าไร”
นอกจาก รัมย์ จะทำธุรกิจร่วมกับครอบครัว เขายังได้เลือดศิลปินมาจากคุณพ่อและคุณแม่ที่เป็นนักวาดรูป ซึ่ง รัมย์ บอกว่าการวาดรูปทำให้เขาลดความใจร้อนลง และทำให้จิตละเอียดขึ้น สงบนิ่งขึ้น
“งานศิลปะทำให้จิตของเราละเอียดมากขึ้นครับ ทำให้เราเห็นความงามของทุกสิ่งรอบกายได้อย่างชัดเจน และทำให้เราใจเย็นลงด้วย”
สำหรับการออกงานสังคมของชายหนุ่มคนนี้ มีบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่ออกงานก็สร้างความหวือหวาให้กับงานได้ไม่น้อย และยังเป็นนายแบบมือสมัครเล่นอีกด้วย
“ผมไม่ค่อยได้ออกงานบ่อย แต่ก็ไปงานที่สำคัญๆ บางงานแปลกแหวกแนว กล้าเชิญผมมา ผมก็กล้าไป (หัวเราะ) นอกจากไปงาน ก็ยังได้รับเชิญเดินแบบ ถามว่าชอบมั้ย ก็ชอบนะครับ สนุกดี ผมถือว่าเป็นการผ่อนคลายจากงานที่เราทำประจำ สำหรับงานในวงการบันเทิง ถ้าได้ทำ ก็ยินดีครับ”
ปาย-ปณิดา ตุวานนท์
หนึ่งในผู้บริหารร้าน เดอะ สลัด คอนเซปท์ ย่านนิมมานเหมินทร์ คนนี้ เป็นลูกสาวคนสุดท้องของอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จบจากคณะนิติศาสตร์ ทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เช่นเดียวกัน
“หลังจากเรียนจบ ปายก็เปิดร้านนี้ร่วมกับพี่สาวคนที่สอง เปิดมาได้ 3 ปีแล้ว ช่วงแรกๆ ที่เปิดร้าน บอกได้เลยว่าเหนื่อยมาก ตอนหลังขยายร้าน มีพนักงานเพิ่มขึ้น ก็เลยวางระบบ ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ เริ่มอยู่ตัวแล้ว”
เมื่อชีวิตเข้าสู่วงจรการทำธุรกิจ แน่นอนว่าการออกงานสังคมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“การไปงานคือการสร้างคอนเนกชัน ได้รู้จักผู้ใหญ่ที่ให้ความรู้และคำแนะนำที่ดีกับเรา และทำให้เราได้มีโอกาสทำอะไรอีกหลายอย่างที่เราไม่เคยทำ อย่างการเป็นดีเจ หรือเดินแบบ แต่ถามว่าเล่นหนัง เล่นละครด้วยหรือเปล่า ยังไม่ถึงขั้นนั้นค่ะ (หัวเราะ)”
สำหรับเคล็ดลับการออกงาน ปณิดา เผยว่า เวลาเจ้าภาพเชิญมา จะทำการบ้านด้วยการเน้นสีที่ถูกต้องกับงานไว้ก่อน แต่งกายไม่เน้นโป๊ เสื้อผ้าหน้าผมทำเองเพื่อความประหยัด และที่สำคัญที่สุด ต้องใส่ส้นสูง เพราะจะทำให้มั่นใจ และอกผายไหล่ผึ่งไปโดยปริยาย
บิ๊ก-อาชวฤทธิ์ ดิศกุล
ด้วยความที่หุ้นส่วนผู้จัดการภัตตาคารฝรั่งเศส เลอ คริสตัล คนนี้ เมื่อจบการศึกษาด้านโบราณคดีจากอเมริกา และกลับมาช่วยงานภัตตาคารของคุณพ่อ (ฤทธิ์ดำรง ดิศกุล) ทันที ทำให้จากหนุ่มขี้อาย ต้องออกงานอยู่เสมอๆ จนเป็นที่จับตามองของคนในแวดวงสังคม
“เมื่อก่อนผมเป็นคนไม่ชอบพูดกับคนแปลกหน้า ชอบหลบสังคม งานไหนเลี่ยงได้ก็เลี่ยง แต่เดี๋ยวนี้งานไหนเชิญไปก็ไป มีไมค์ มีกล้อง ก็ไม่เกร็งแล้ว พูดคล่องขึ้น ออกงานได้สบายๆ ขึ้นครับ”
นอกจากนี้เขายังขลุกอยู่ในครัวเพื่อทำอาหารและขนมหวาน เช่น พาย บราวนี และเค้ก ตามสไตล์ที่เขาถนัด บริการให้กับลูกค้าที่มารับประทานอาหารในร้านอีกด้วย
“ตอนนี้ก็นานๆ ทำทีครับ ไม่ได้ทำทุกวัน”
เมื่อถามถึงความรัก อาชวฤทธิ์ เผยพร้อมรอยยิ้มบางๆ ว่า กำลังดูๆ อยู่ ยังไม่ได้ลงหลักปักฐานที่ใคร แม้ว่าครอบครัวจะเร่งให้คิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง
“ก็ยังดูๆ อยู่ครับ ยังชอบมีพื้นที่ส่วนตัว ตอนที่อยู่อเมริกาเคยมีคู่ แต่ก็อึดอัด ไปไหนต้องแชร์กับคู่ แต่พออยู่คนเดียวก็สบายๆ ขึ้น แต่ที่บ้านก็รีบๆ เร่งๆ เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เอาเป็นว่ายังหาที่ถูกใจไม่ได้ครับ ยังไงคงต้องรอไปก่อน (หัวเราะ)”
ผึ้ง-องค์อร วัฒนานิกร
สาวสวยผิวขาวร่างบางคนนี้ เป็นลูกสาวคนเล็กของศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.กิตติชัย วัฒนานิกร และ พญ.โสภา วัฒนานิกร จบเอ็มบีเอจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และจบด้านการจัดการการแต่งงานจากสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเป็นผู้จัดการ เอกา เดคอร์ บริษัท เอกาวนา
“นอกจากงานที่ทำอยู่ปัจจุบัน ผึ้งก็ยังสนใจงานด้านเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งอาจจะเป็นงานที่ทำต่อจากนี้”
ด้วยความที่เป็นคนชอบออกงานสังคม ทำให้เธอมีเพื่อนเยอะ และเมื่อใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มถูกเชิญให้ไปออกงาน ก็จะต้องมีการขายแพ็กทีมไปด้วยเช่นเดียวกัน
“สมมติเพื่อนในกลุ่มมี 8 คน ถ้ามีใครถูกเชิญไปร่วมงาน คนคนนั้นก็จะถามแม่งานว่าเอาเพื่อนไปด้วยมั้ย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะรู้ว่าถ้าจะเอาคนนี้ ต้องเอาไปทั้งแก๊ง (หัวเราะ)”
สำหรับ องค์อร แล้ว การได้ออกงานสังคมถือเป็นสีสันของชีวิตอีกอย่างหนึ่ง เมื่อได้ออกงาน เธอจึงต้องจัดเต็ม ไม่มีเกี่ยงงอน
“เวลาไปงานต้องจัดเต็ม ถ้าเราไม่จัดเต็มก็จะไม่สวย ก็เลยสนุกด้วยการสู้กันด้านความสวยกับเพื่อนๆ (หัวเราะ) เรามีกรุ๊ปในไลน์ ถ้าสมมติไปงานไหน ทุกคนจะส่งชุดมาให้ดู แล้วเราจะดูว่าดีไม่ดี ก็จะแนะนำกันไป เวลาไปงานก็แอบดูชุดคนอื่นบ้าง แต่คนอื่นจะตรวจสอบชุดเราหรือเปล่า ก็คงมีนะ แต่เขาคงไม่บอกเรา (หัวเราะ)”
นนท์ธาร ภัสสรภิญโญสกุล
ใครจะเชื่อว่าหนุ่มโสดหน้าใสคนนี้ อายุ 25 ปีแล้ว แถมยังทำงานในตำแหน่งโคโปรดิวเซอร์ บริษัท ลักชัวรี ซูเปอร์วิชั่น เป็นเจ้าของร้านหมาแถวสุขุมวิท และเป็นหนึ่งในเจ้าของร้านซาชิมิ ที่เปิดขายที่เชียงใหม่ถึง 5 สาขาแล้วอีกด้วย
“สำหรับการทำธุรกิจ พ่อแม่ผมสนับสนุนให้ลองทำ ให้คำปรึกษา แต่ไม่ให้ความช่วยเหลือเยอะ อย่างเงินที่ลงทุน ผมก็หาเอง เขาให้เราเผชิญชีวิตเอง เขาอยากให้เราเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ถ้าเราจะกลับมาทำธุรกิจที่บ้าน เราต้องกลับมาทำอย่างคนที่ทำอะไรเป็น ไม่ใช่ไม่เป็นอะไรเลย”
ด้วยความเป็นลูกชายของเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังอย่างริมปิง ทำให้คนในแวดวงสังคมเชียงใหม่ต่างจับตามองทายาทรุ่นต่อไปอย่างเขา
“ผมคงต้องกลับมาทำธุรกิจของครอบครัวแน่นอน แต่คงยังไม่ใช่ตอนนี้ ผมขอทำอะไรด้วยตัวของผมเองก่อน อยากลุยทำงานทุกอย่าง เพื่อพิสูจน์ให้พ่อแม่และคนในสังคมเห็นว่าผมทำได้ ถ้าจะกลับมาทำธุรกิจครอบครัว ต้องกลับมาด้วยการทำอะไรที่เป็นแล้ว ไม่ใช่มาตัวเปล่า”
เขายังเป็นคนชอบแต่งตัว ชอบแฮงเอาต์กับเพื่อน และออกงานสังคมทั้งที่กรุงเทพฯ และที่เชียงใหม่บ้าง
“ถ้าได้ไปงานที่ให้แต่งตัวหลุดโลก ผมคงแต่งตัวแบบไม่เหมือนของคนอื่นๆ อาจจะแต่งแบบหลงยุค เนี้ยบผิดปกติ หรือเยอะผิดปกติ น่าจะดูพิเศษขึ้นมาได้นะ”
ขิม-มนัสวัฑฒก์ ชุติมา
ผู้หญิงคนนี้กำลังทำวิทยานิพนธ์ด้านการจัดการวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ที่มาสานต่องานในตำแหน่งผู้ช่วยหุ้นส่วนผู้จัดการ “ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่” ที่มีอายุครบ 42 ปีแล้ว
“ขิมเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ก่อตั้งโดยคุณปู่ ชื่อว่า บวร และคุณย่า ชื่อว่า อุณห์ ชุติมา โดยรุ่นที่ 2 คือคุณพ่อของขิมเอง ท่านชื่อ จุมพล ชุติมา หน้าที่ของขิมคือดูแลเรื่องการบริการลูกค้า และกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่แห่งนี้”
ใครหลายคนอาจมองว่าเธออยู่สูง ไฮโซ เป็นเซเลบ แต่ใครจะรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของ มนัสวัฑฒก์ ติดดินเป็นที่สุด
“ขิมเป็นคนง่ายๆ ลุยๆ ทานอาหารข้างถนนได้ เน้นอร่อย มีคติว่า อะไรก็ได้ ขอให้อร่อย บางทีการที่เราไปทานอะไรที่หรูเริ่ด ผลที่ได้มาไม่คุ้มกับที่เราไปนั่งเกร็งเพื่อทานแบบพิธีรีตอง ขิมเลยชอบทานอะไรง่ายๆ ที่อร่อยถูกปาก”
ด้วยความที่ มนัสวัฑฒก์ ต้องออกงานบ่อย ทำให้เธอค้นพบว่าการออกงานสังคมทำให้เธอมีโอกาสพบปะผู้คน เพื่อปูทางให้เธอก้าวไปสู่การเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ที่จะทำให้เธอปกป้องรักษาวิญญาณของความเป็นเชียงใหม่ให้ยังคงอยู่ได้อย่างเต็มที่
“หน้าที่ของขิมในตอนนี้ คือ รักษาวิญญาณของความเป็นเชียงใหม่ที่ยังคงเหลืออยู่ให้นานที่สุด แม้ว่าร่างกายจะหายไปบ้างแล้ว ถ้าขิมได้ทำงานการเมืองในระดับท้องถิ่น นั่นจะทำให้ขิมได้ทำประโยชน์ให้กับคนเชียงใหม่ในด้านศิลปวัฒนธรรมได้อย่างเต็มที่ ซึ่งก็คงต้องติดตามกันต่อไปค่ะ”


