posttoday

แรงศรัทธาพันล้าน ‘สรพงศ์ ชาตรี’

16 มีนาคม 2556

หนึ่งในดารานักแสดงพระเอกตลอดกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไทย จากผลงานการแสดงภาพยนตร์กว่า 500 เรื่อง

หนึ่งในดารานักแสดงพระเอกตลอดกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไทย จากผลงานการแสดงภาพยนตร์กว่า 500 เรื่อง

โดย...นิติพันธุ์ สุขอรุณ

หนึ่งในดารานักแสดงพระเอกตลอดกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไทย จากผลงานการแสดงภาพยนตร์กว่า 500 เรื่อง จนมีดีกรีเป็นถึงศิลปินแห่งชาติอย่าง “สรพงศ์ ชาตรี” หรือ “พี่เอก” เปิดใจกับ @weekly ระหว่างรอเข้าฉากถ่ายละครเรื่อง “หลวงตามหาชนผจญภัย” ถึงแรงบันดาลใจของชีวิตที่ฝ่าฟันมาจนประสบความสำเร็จในทุกวันนี้

พระเอกดัง เล่าว่า ชีวิตฝ่าฟันอุปสรรคยากลำบากมามาก แต่ก็ผ่านมาได้ เพราะแรงศรัทธาในพุทธศาสนา มีโอกาสเมื่อใดจะทำบุญให้ได้ทุกวัน หรือว่างก็ทำ ไม่จำเป็นต้องเลือกเวลา เพราะคิดว่าคนเราตายได้ทุกเมื่อ เอาไปได้แค่บุญที่ทำมา ฉะนั้นการทำบุญอย่ารอ อย่ามัวประมาท

แรงศรัทธาทำให้ สรพงศ์ มุ่งมั่นสร้างองค์หลวงปู่โต (สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ภายในวิหารลวดลายงดงาม ตั้งอยู่ที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา บนพื้นที่อุทยานมูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) หรือที่ชาวบ้านมักเรียกว่า “วัดสรพงศ์” เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2542 ซึ่งช่วงเวลานั้นประเทศไทยเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำยุคไอเอ็มเอฟ ทำให้วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างมีราคาแพงมากขึ้น ทว่าเมื่อเริ่มงานแล้วต้องทำให้สำเร็จเสร็จสิ้น

สรพงศ์ บอกว่า ตลอดระยะเวลาที่สร้างองค์หลวงปู่โต มีคนถามว่าจะสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่ เพราะมีขนาดที่ใหญ่มาก ค่าใช้จ่ายสูง ทำไมไม่ไปสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ทำไมต้องมาสร้างพระองค์ใหญ่ แต่พระเอกตลอดกาลยึดมั่นว่า การสร้างหลวงปู่โตเป็นเรื่องของ “ใจ” แตกต่างจากการสร้างโรงเรียน หรือโรงพยาบาลที่เป็นเรื่องของ “กาย” และประจักษ์ชัดทันทีเมื่อคำสอนของพระพุทธเจ้าทรงยกสุภาษิตว่า มะโนปุพพัง ขมาธัมมา มะโนเสฎฐา มะโนมายา หมายความว่า มนุษย์มีใจเป็นใหญ่ มนุษย์มีใจเป็นหัวหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ คนเรามีใจไม่เสมอกัน บางคนก็พึ่งใจตัวเองได้ บางคนต้องมีที่พึ่งทางใจ

ช่วงเวลานั้น สรพงศ์ ได้อธิบายถึงความมุ่งมั่นในความพยายามในการสร้างองค์หลวงปู่โตผ่านทางรายการโทรทัศน์ ทำให้มีผู้คนจำนวนมากโทรศัพท์มาขออนุโมทนาบุญและขอช่วยสมทบทุนก่อสร้างต่อไป บางส่วนก็โทรมาขอขมาลาโทษ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่แจ้งว่าจะต้องขอขมาต่อ สรพงศ์ ให้ได้ และในที่สุดการก่อสร้างเป็นอันสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

“ผมทำบุญแค่เฉพาะการสร้างหลวงปู่โต รวมมูลค่ากว่าพันล้านบาท แต่นั่นยังไม่อาจเทียบกับคุณค่าของธรรมะที่ผมได้ หลักคิดของผมคือ ถ้าเรามีเงินพันล้านหรือแสนล้าน ความสุขมันอยู่ตรงไหนล่ะ มันก็ยังตกนรกได้ถ้าเผลอไปทำชั่ว มีเงินเป็นแสนๆ ล้าน ถ้าไม่เคยทำความดีให้กับตัวคุณเลย ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นความรวยต้องมีศีล มีเมตตา

“ทุกวันนี้ไม่ได้โหยหาเงินทอง ทำให้ไม่ทุกข์ เช่นว่าผมอยากได้นาฬิกาโรเล็กซ์เรือนละล้านบาท แต่ผมไม่จำเป็นต้องซื้อ หรือผมชอบรถเฟอร์รารี ผมไม่ต้องซื้อก็ได้ แค่ชอบเฉยๆ ไม่ต้องเป็นเจ้าของ ดังนั้นความหมายคือ อยู่อย่างมีสติ และจากนี้ผมตั้งใจบำเพ็ญบุญ ให้ทาน รักษาศีล สวดมนต์ภาวนา พยายามละโลภ โกรธ หลง ละอุปาทาน ละสมมติบัญญัติ นั่นล่ะชีวิตผมจากนี้”

สรพงศ์ ย้อนความหลังให้ฟังว่า เหตุที่ทำให้ชีวิตทุ่มเทให้กับการธำรงพุทธศาสนา เพราะได้บวชเรียนแต่วัยเด็กที่บ้านเกิด จ.พระนครศรีอยุธยา ด้วยความเป็นอยู่ของครอบครัวยากจน ทำให้ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ จึงต้องมาอาศัยเป็นเด็กวัดเทพสุวรรณ และวัดแห่งนี้ก็ลำบาก เพราะน้ำท่วมทุกปี ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีรองเท้า ไม่มีทีวี แต่ก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร

“ผมเกิดจากดินลูกรัง เพราะตอนเด็กๆ อยู่บ้านนอก แค่จักรยานยังไม่มีขี่เลย ไม่ค่อยมีรถประจำทาง ต้องอาศัยเกาะรถสิบล้อไป ฝุ่นเต็มหัวเลย เวลาอากาศร้อนผมเอาโคลนมาทาตัว หรือดำน้ำกลั้นหายใจอยู่ใต้น้ำนานๆ ให้เย็นสบาย แต่พอวันนี้ได้มีโอกาสอยู่ในห้องแอร์ นั่งรถยนต์เย็นสบาย สิ่งเหล่านี้คือส่วนเกินของชีวิตแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ผ่านมา 19 ปี จากวัดเทพสุวรรณ สรพงศ์ เดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร มาบวชอยู่ที่วัดดาวดึงษ์ บางยี่ขัน ฝั่งธนบุรี โชคดีที่มีธรรมะคอยสั่งสอนอยู่ตลอด ทำให้ไม่ไขว้เขวหันเหไปพึ่งยาเสพติด ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่

จากนั้นได้ลาสิกขาบทเมื่อปี 2512 และได้มีโอกาสเข้าสู่วงการนักแสดงจนมีชื่อเสียงโด่งดัง

ทว่า เส้นทางนักแสดงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะตลอดมา สรพงศ์ มักถูกคนมองว่าไม่มีทางแสดงเป็นพระเอกได้ เนื่องจากผิวคล้ำ จมูกโต แต่เขามุ่งมั่นทำงานหนักเอาเบาสู้ อยากรู้ต้องลงมือทำ และอดทนฝึกฝนทักษะการแสดงด้วยตนเอง โดยสมัยก่อนไม่มีโรงเรียนสอนการแสดงเหมือนในปัจจุบัน เท่ากับเป็นการพิสูจน์ตัวเองมาตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา

ช่วงชีวิตเข้าสู่วิกฤตครั้งใหญ่เมื่อปี 2529 ในขณะนั้นภาพยนตร์ไทยประสบปัญหามาก เมื่อม้วนเทปวิดีโอภาพยนตร์จากต่างประเทศเข้ามาฉายมากขึ้น กองถ่ายหนังไทยส่วนใหญ่ต้องหยุดสร้าง โรงภาพยนตร์จำต้องรื้อถอนไปมาก ผู้สร้างผู้กำกับเองก็ไม่มีเงินทุน ขณะนั้น สรพงศ์ กำลังสร้างบ้านเนื้อที่ 2 ไร่ ลูกทั้ง 4 คนก็ยังเล็กอยู่ เมื่อไม่มีงานทำ ไม่มีหนังให้ถ่าย เงินก็ต้องหาใช้

“ดาราสมัยนั้นต้องหันมาร้องเพลงกันหลายคน ยอมรับว่าตอนนั้นเครียดมาก จ่ายเช็คเงินก็ไม่ผ่าน ยิ่งเป็นดาราจะขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์เรื่องนี้ไม่ได้ ทำให้สู้อดทนทำงานทุกอย่างที่ทำได้ ตอนนั้นก็เลยมาออกเทป มาร้องเพลงหัวใจไม่ได้เสริมใยเหล็ก”

เมื่อเงินกำลังจะหมด สรพงศ์ จำใจต้องขายบ้านหลังแรกที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ทั้งที่ไม่อยากขาย ทำให้จิตใจร้อนรนมาก จึงไปปรึกษาหลวงพ่อพระครูไพศาลประชานุกูล หรือหลวงพ่อสมพงษ์ วัดเขาประตูชุมพล อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาต่อหลวงพ่อที่มีมาตั้งแต่เมื่อปี 2529 ระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องลูกสาวพระอาทิตย์ ที่ป่าหินงาม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดแห่งนี้ หลวงพ่อถามกลับว่า ตั้งแต่เล็กจนโตเคยย้ายบ้านมากี่ครั้งแล้ว หลวงพ่อเองก็ย้ายมาหลายครั้งแล้วเช่นกัน

“จากนั้นท่านตั้งสมมติว่า ถ้าเราอยู่ในแม่น้ำใหญ่แต่ไม่มีปลาจับกิน มันทุกข์ไหม...ทุกข์ แต่ถ้าอยู่ในคลองแต่มีปลาชุกชุมจับปลากินเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะปลามีอยู่เต็มหัวบันได สุขไหม...สุข เป็นเช่นนี้จะเลือกอยู่ที่ไหน ผมถึงกับตาสว่างเลย จึงตัดสินใจขายบ้านหลังนั้นได้โดยไม่อาลัยอาวรณ์ แล้วย้ายมาอยู่บ้านขนาดเพียง 100 ตารางวา เพียงแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว”

มนุษย์ทุกคนย่อมต้องหาผู้ชี้นำชีวิตเพื่อยึดถือเป็นแบบอย่าง สรพงศ์ เลือกเดินตามคำสอนของหลวงพ่อสมพงษ์ ที่มักสอนอยู่เสมอว่า ธรรมะมีค่ากว่าความตาย อย่าไปสนใจกับความตาย เพราะชีวิตนี้ไม่ใช่ของเรา แต่เป็นชีวิตที่มีกรรมเป็นเจ้าของ ถ้าเราปลงชีวิตนี้ตก ยกให้เป็นของกรรม ธรรมะก็จะเกิด นักปฏิบัติธรรมถ้ากลัวความตาย กลัวความยากลำบาก กลัวความยากจน จะไม่มีหนทางเห็นธรรมได้เลย เพราะธรรมะนี้ย่อมกำจัดอวิชชา อุปาทาน การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ดังนี้

คราใดที่เกิดความทุกข์ขึ้นในจิตใจ สรพงศ์ จะเดินทางมาหาหลวงพ่อ เมื่อได้ก้มลงกราบมักเกิดความรู้สึกเหมือนได้รับการปลดปล่อยโดยไม่รู้สาเหตุ และทุกครั้งเขามั่นใจว่าทุกอย่างที่ทำต้องสำเร็จ ทุกอย่างที่อยากได้ต้องได้ สิ่งที่อยากได้ก็ได้ทุกครั้ง เพราะเขายังเป็นมนุษย์ปุถุชน อยากได้ อยากมีเช่นมนุษย์คนอื่นๆ

ความพยายามมุ่งมั่นทำงานการแสดง ยึดหลักหนักเอาเบาสู้ ทำให้เขาสามารถผลักดันตัวเองจนได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ปี 2551 ปีต่อมาได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ศิลปศาสตร์ สาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และได้รับมอบโล่เกียรติคุณ “พุทธคุณูปการ” เป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพุทธศาสนาจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เมื่อปี 2555

แม้วันนี้หลวงพ่อสมพงษ์ผู้มอบคำสั่งสอนล้ำค่าจะละสังขารไปแล้ว แต่จุดหมายปลายทางของชีวิตของ สรพงศ์ จะขอยึดคำสอนของหลวงพ่อที่เน้นเรื่องการทำบุญให้ทาน การปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ลดละความชั่ว โลกนี้ไม่มีอะไรที่น่าเข้าไปยึดถือ มีเพียงแต่จิตใจดวงเดียวนี้ จงทำจิตให้หลุดพ้นจากสิ่งทั้งปวงต่อไป และที่สำคัญจะดูแลอุปัฏฐาก พระ แม่ชี วัดเขาประตูชุมพล เหมือนเช่นเดิมที่ทำมากว่า 26 ปี

“หลวงพ่อสมพงษ์ ทำให้ผมพบแสงแห่งธรรม ทางบุญทางกุศล ไม่ใช่คิดเอาเอง ท่องเอา จำเอา ทำจริงเห็นผลจริง ผมจะปฏิบัติตามคำสอน เพื่อประโยชน์สุขของตัวเองและประโยชน์สุขของผู้อื่น เป็นการตอบแทนเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ตามบุญตามวาสนาตามวิสัยของผม วาสนาน้อยทำได้น้อย วาสนามากทำได้มาก อย่างที่ผมปฏิบัติอยู่” พระเอกตลอดกาล ระบุ

 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68