posttoday

‘เจสสิก้า’ สาวไทย+เอเชียเน็กซ์ท็อปโมเดลคนแรก

13 มีนาคม 2556

คุณรู้จัก “เจสสิก้า อมรกุลดิลก” บ้างไหมครับ?

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

คุณรู้จัก “เจสสิก้า อมรกุลดิลก” บ้างไหมครับ?

สำหรับผม ก่อนหน้าวันที่ 25 พ.ย. 2555 จนถึงวันที่ 17 ก.พ. 2556 พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า “ไม่รู้จัก” แต่ช่วงเวลาดังกล่าวมาจนกระทั่งวันนี้ ผมสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่า “ผมรู้จักเธอแล้ว” และผมก็ได้จับเข่าคุยกับเธออย่างออกรสชาติเสียด้วย

เพราะเธอคือ “เอเชียเน็กซ์ท็อปโมเดลคนแรกและเป็นคนไทย”

“ที่มาประกวดเอเชียเน็กซ์ท็อปโมเดล ไม่ได้มีใครดันให้ประกวดหรอกค่ะ เจสอยากประกวดเอง เพราะเจสมีเป้าหมายอยากเป็นนางแบบระดับโลก และระดับท็อปอย่าง เคต มอส หรือโคโค”

ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนนี้นี่เอง ทำให้เจสสิก้าส่งใบสมัครพร้อมรูปถ่ายไปยังรายการ ซึ่งเท่าที่รู้มีคนส่งใบสมัครมาเป็นพันๆ คนทั่วเอเชีย บางคนอาจอยากดัง บางคนอาจอยากได้ของรางวัล แต่สำหรับเจสสิก้า เธออยากได้โอกาสในการทำงาน

“เจสไม่ได้ดูรางวัลเป็นหลัก แต่เจสต้องการไปทำงานในระดับโลกมากกว่า สิ่งนี้เลยทำให้เจสมีความอดทนในการเขียนใบสมัครที่มีหัวข้อให้กรอกประมาณ 50 ข้อเห็นจะได้ เยอะมาก แต่เราก็ทดสอบความแข็งแกร่งในการนั่งเขียนประวัติของตัวเองได้ นั่งเขียนทั้งวันเลย พอส่งไปอีกวันหนึ่งเขาก็ตอบกลับมา โดยให้เราส่งวิดีโอพรีเซนต์ความเป็นตัวเองส่งไป พอทำเสร็จแล้วส่ง อีกสองสามวันเขาก็ติดต่อกลับมาให้เราไปแคสติงที่สิงคโปร์”

เมื่อเจสสิก้าเดินทางถึงสิงคโปร์ เธอก็ได้รู้ว่า เธอคือ 1 ใน 45 คนที่เขาคัดเลือก เพื่อจะคัดให้เหลือเพียง 14 คนสุดท้าย โดยทั้ง 45 คนนี้ เข้าพักคนละโรงแรม เจอกันก็ห้ามทักทาย ห้ามยิ้มให้กัน

“ตอนคัดเลือกเจสไม่เจอนางแบบคนอื่นเลย เขาแยกกันอยู่คนละโรงแรม ถึงเจอกันก็ห้ามทักทาย ห้ามยิ้มให้กัน เจสคิดว่านี่เป็นการทดสอบสภาพจิตใจของเราอย่างหนึ่ง ซึ่งขอบอกว่ารายการนี้ กรรมการเขาเทสต์ทุกอย่าง ทั้งอีคิว ไอคิว ซึ่งเขามีมาตรฐานที่เข้มข้นมาก”

หลังจากเจสสิก้าผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้น เธอก็ได้เป็น 1 ใน 14 เอเชียเน็กซ์ท็อปโมเดล ซีซันที่ 1 ซึ่งเธอเผยว่า เมื่อได้เจอกับคู่แข่งอีก 13 คน แวบแรกอาจน่ากลัว แต่ด้วยเป้าหมายที่เธอวางไว้อย่างชัดเจน เธอถึงทุ่มเทเต็มร้อยเพื่อไม่ให้ใครสามารถทำให้เธอเป็นจุดอ่อนของเกมการแข่งขันนี้ได้

“ช่วงแรกๆ เจสอาจจะยังไม่เข้าใจคอนเซปต์ ตอนหลังก็ฟังกรรมการมากขึ้น จดโน้ตไว้ แล้วก็ปฏิบัติตาม ฝึกหน้ากระจก แล้วก็ลุยเต็มที่ หลังๆ ก็ตั้งใจมากขึ้น เลยได้รางวัลชนะเลิศในรอบ 7 8 9 10 ที่เจสชนะคงเป็นเพราะกรรมการเห็นถึงความตั้งใจของเจส เห็นถึงความไม่ได้มาเพราะอยากดัง อยากออกรายการ หรืออยากได้ของรางวัล แต่มาเพราะอยากได้โอกาสการทำงาน รวมทั้งการทุ่มสุดตัวกับทุกโจทย์ที่ได้รับมา”

จนมาถึงรอบที่ 13 ซึ่งเป็นรอบตัดสิน เจสสิก้าคือ 1 ใน 3 คนสุดท้าย ซึ่งต้องทำงานหนักมากกว่ารอบที่ผ่านๆ มา โดยต้องแข่งขันทั้งการเดินแบบบนแคตวอล์ก ถ่ายโฆษณา และถ่ายแบบลงนิตยสาร ซึ่งในที่สุดกรรมการก็ได้เลือกเธอให้เป็นผู้ชนะในเกมการแข่งขันนี้

“ตอนประกาศเป็นชื่อเรา เจสช็อกไปเลย พยายามถามตัวเองตลอดว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า มันเหมือนอยู่ในความฝันมาก มันอะเมซิงมาก”

เมื่อให้เจสสิก้าได้ทบทวนว่า เพราะเหตุใดเธอถึงได้ตำแหน่งนี้ เธอตอบผมอย่างตรงไปตรงมาว่า “คงเพราะเธอคือคนที่เหมาะสมที่สุด”

“จากการแข่งขันในครั้งนี้ เจสได้เรียนรู้ว่า ไม่ใช่ง่ายๆ ที่ใครจะเป็นท็อปโมเดลได้ คนที่จะได้ต้องตั้งใจสูง ขยันทำงาน ที่นี่เหมือนเป็นโรงเรียนสอนให้เจสทำงานระดับโลกแบบมืออาชีพ ซึ่งเจสก็ต้องขอบคุณรายการนี้ด้วย ที่ทำให้เจสได้โอกาสในการทำงานอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้”

ขึ้นชื่อว่าเป็นการแข่งขัน ย่อมต้องมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รวมทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจสสิก้าอายุเยอะ และลุคไม่ใช่เอเชีย เธอบอกว่าเธอมีคำตอบให้กับเสียงวิจารณ์นั้น

“ทางรายการบอกไว้แต่ต้นแล้วว่า จะหน้าตายังไง ขอให้มีเชื้อชาติเอเชีย มีความเป็นเอเชีย ในส่วนเรื่องอายุ เขาก็ถามว่าทำไมถึงมาเริ่มต้นเอาตอนนี้ (ปัจจุบันเจสสิก้าอายุ 27 ปี) เจสก็เล่าให้เขาฟังว่า เราเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย อีกอย่างเวลาก่อนหน้านี้อาจจะยังไม่ใช่เวลาของเจส แต่เมื่อเวลาของเจสมาถึง และเจสพร้อมแล้วทั้งรูปร่างหน้าตาที่ดูแลตัวเองมาอย่างดี รวมทั้งจิตใจที่แจ่มใสอยู่ตลอดเวลา นั่นทำให้เจสเชื่อว่าเรื่องอายุไม่ได้เป็นอุปสรรคบนเส้นทางเดินของเจสเลย”

กับเส้นทางเดินนี้ เจสสิก้าเชื่อว่าเธอยังเดินทางไปได้อีกไกล

“เจสเชื่อว่าเจสไปได้เรื่อยๆ ถ้าเราดูแลตัวเองดี และมีความมุ่งมั่น อย่างไฮแฟชั่น เขาไม่จำกัดอายุเลย เคต มอส ใกล้ 40 ยังได้งานเยอะกว่าเด็กๆ ถ้าเราดูแลตัวเองดี และมีคนให้การยอมรับ เราก็จะได้งานเยอะ ขอเพียงพัฒนาตัวเอง มุ่งมั่น ไม่ยอมหยุดฝัน ยังไงเราก็ไปได้” เจสเชื่ออย่างนั้น

เจสสิก้า อมรกุลดิลก ชื่อเล่น เจสซี่ เกิดเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2528 ที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี จากนั้นก็ได้ย้ายไปอยู่กับคุณยายที่ จ.ชัยนาท เมื่ออายุ 2 ขวบ แล้วหลังจากนั้น เมื่ออายุได้ 3 ขวบ คุณแม่ก็เสียชีวิต และไม่เคยพบหน้าคุณพ่อ

เมื่อตอนที่ยังเด็ก เจสสิก้าเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมต่างๆ ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น ไม่ว่าจะเต้น ถือป้ายตามงานต่างๆ รวมทั้งทุกปีจะเป็นตัวแทนในการเป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียน

หลังจากจบชั้นมัธยมศึกษา เจสสิก้าได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ มาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่บุญธรรมที่ดูแลมาตั้งแต่ยังเด็ก และเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ซึ่งก็มีโมเดลลิงมาติดต่อให้ถ่ายแบบและถ่ายโฆษณา จนมีรุ่นพี่ชวนให้ประกวดอีลิท โมเดล ลุค ไทยแลนด์ ครั้งที่ 1 ปี 2004 ผลคือได้อันดับที่สอง หลังจากนั้นเจสสิก้าก็เรียนไปด้วย เดินแบบและถ่ายแบบไปด้วยทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ทำให้ต้องดร็อปเรียนไปหลายเทอม จึงได้ตัดสินใจย้ายไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

ระหว่างที่ทำงานไปด้วย และเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งเหลืออีก 2 วิชาก็จะเรียนจบ มีเพื่อนคนหนึ่งส่งลิงก์ของการประกวดเอเชียเน็กซ์ท็อปโมเดลมาให้ดู พอเข้าไปดูก็ไม่รีรอที่จะส่งใบสมัครไปประกวด จากกว่าสองพันคนสู่สี่สิบห้าคน จนกลายเป็นนางแบบ 14 คนสุดท้ายในรายการได้ในที่สุดสมความตั้งใจจริง

รายการเอเชียเน็กซ์ท็อปโมเดลเริ่มต้นออกอากาศในประเทศไทย ทางช่อง 8 วันแรก 25 พ.ย. 2555 จนถึงวันตัดสินคือ วันที่ 17 ก.พ. 2556 ในรอบการแข่งขันที่ 7 8 9 และ 10 เจสสิก้าได้ถูกเรียกชื่อเป็นคนแรก และไม่เคยตกเป็นสองคนสุดท้ายที่จะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งถูกคัดออก จนในที่สุดเจสสิก้าก็ได้เป็นเอเชียเน็กซ์ท็อปโมเดลคนแรกในซีซันที่ 1 ด้วยเหตุผลจากกรรมการ คือ “เจสสิก้าสามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างงดงามสม่ำเสมอ รวมถึงชนะโจทย์บ่อยครั้ง และไม่เคยตกเป็นสองคนสุดท้าย”

ยุ้ย-รจนา เพชรกัณหา

นางแบบชาวไทยที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศระหว่างปี พ.ศ. 25372545 เป็นนางแบบนิตยสารโวค ฉบับเอเชีย เดินแบบแฟชั่นในฝรั่งเศส อิตาลี สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ และติดอันดับ 1 ใน 12 ซูเปอร์โมเดลโลก ชีวิตการงานเริ่มตกต่ำหลังจากเริ่มใช้ยาเสพติดเมื่ออายุ 20 ปี และใช้ชีวิตเที่ยวเตร่ เมื่ออายุ 2425 ปี เธอติดโคเคนและสุราอย่างหนัก จนทำให้เสียการงาน จนถูกยกเลิกสัญญา และต้องเดินทางกลับประเทศไทยในปี พ.ศ. 2545 หลังจากกลับประเทศไทย เธอไม่มีงานทำ ประกอบกับติดสุราเรื้อรัง ต้องไปทำงานโรงงาน อีกทั้งยังมีข่าวอื้อฉาวเรื่องวิวาทกับมารดา และกับสามีชาวไทย ปัจจุบันมีงานถ่ายแบบ เดินแบบ และเป็นอาจารย์สอนเดินแบบ

สตางค์-ดิษย์ลดา ดิษยนันท์

ลูกสาวคนโตของ ตุ๊กตา จิตรลดา กับ โอ๋ ฐาปกรณ์ บอสใหญ่แห่งค่ายกันตนา ที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ลอสแองเจลิส เลยถือโอกาสหอบพอร์ตผลงานที่เคยถ่ายแบบและเดินแบบที่เมืองไทยติดมือไปด้วย เผื่อเอาไปเสนอให้เอเยนซีที่นั่นแล้วเขาสนใจ จะได้เปิดประสบการณ์ของตัวเอง ปรากฏว่าทุกเอเยนซีอ้าแขนรับหมด แม้แต่โมเดลลิงดังๆ อย่าง ฟอร์ด เอเยนซี แอลเอ เอเยนซี ทำให้เธอเริ่มมีกำลังใจฮึกเหิม ตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินไปเสนองานต่อที่เมืองแฟชั่นอย่างนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาทันที แต่ที่นั่นสตางค์กลับพบว่ามันยากกว่าลอสแองเจลิสเป็นร้อยเท่า แต่ในที่สุดก็มีเอเยนซีมีชื่อแห่งหนึ่งอ้าแขนรับเธอไว้ในสังกัด จนได้เริ่มเป็นนางแบบที่นิวยอร์กนับแต่นั้นมา

แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์

เข้าวงการบันเทิงจากการเข้าประกวดและได้รับตำแหน่ง “ไทยซูเปอร์โมเดล 2004” และได้เป็นตัวแทนนางแบบไทยไปประกวด “สุดยอดนางแบบโลก” ณ เวที โมเดล ออฟ เดอะ เวิลด์ 2004 ประเทศจีน และเธอก็ได้ทำให้นางแบบไทยได้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อเธอคว้าตำแหน่งสุดยอดนางแบบโลกมาครองได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากกลับมาเธอก็รับงานเดินแบบถ่ายแบบบ้างประปราย จนกระทั่งได้เข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ด้วยการเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 7 สี แสดงละครเป็นหลัก และประสบความสำเร็จจนเป็นนางเอกแถวหน้าของวงการบันเทิงมาจนถึงทุกวันนี้

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ วูล์ฟ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68