ภรณ์จิตรา กวางอุเสน นักวิจัย(เครื่องสำอาง)หน้าหวาน
สาวเหนือหุ่นดีขาวสวยหมวยน่ารัก น้องเฟี๊ยซ-ภรณ์จิตรา กวางอุเสน เธอเป็นสาว จ.แพร่ แท้ๆ เจ้า กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2
สาวเหนือหุ่นดีขาวสวยหมวยน่ารัก น้องเฟี๊ยซ-ภรณ์จิตรา กวางอุเสน เธอเป็นสาว จ.แพร่ แท้ๆ เจ้า กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2
โดย...ชมดาว ภาพ พรพิสุทธิ์ คิดขำ
สาวเหนือหุ่นดีขาวสวยหมวยน่ารัก น้องเฟี๊ยซ-ภรณ์จิตรา กวางอุเสน เธอเป็นสาว จ.แพร่ แท้ๆ เจ้า กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 ที่สำนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง สาขาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เรียกว่าเกิดและเติบโตในภาคเหนือโดยแท้
สาวเหนือรักบ้านเกิด...
จบมัธยมปลายที่ จ.แพร่ แล้วข้ามจังหวัดมาเรียนที่ จ.เชียงราย ชีวิตนี้มากรุงเทพฯ อยู่ไม่กี่ครั้ง ไม่คิดจะมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะน้องว่า
“กรุงเทพฯ มันใหญ่ แต่วุ่นวายและแออัดเกิ๊น อยู่ทางภาคเหนือนี่แหละดี อบอุ่น คุ้นเคย ไม่ต้องปรับตัวมาก รู้สึกปลอดภัยดีค่ะ ไปกรุงเทพฯ ทีไรรู้สึกกังวลใจอยู่ตลอดเวลา ชีวิตดูเร่งรีบแก่งแย่งจนน่ากลัว” น้องเฟี๊ยซเปิดใจคำตอบสุดท้ายก็คือเรียนอยู่ทางเหนือบ้านเราน่ะดีแล้ว นอกจากจะเรียนดีได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่า แล้วเธอยังเป็นนักกิจกรรมตัวยงเลยนะจะบอกให้ ทั้งเป็นเป็นดาวมหาวิทยาลัย ช่วยกิจกรรมวันรับน้อง ไปปลูกป่า ช่วยทำงานวิจัยด้านเครื่องสำอางให้กับสำนักวิชาที่เรียน เพราะชอบเรื่องสวยๆงามๆ ก็เลยเลือกเรียนคณะนี้ เพราะผู้หญิงกับความงามเป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่เรื่องความงามก็ไม่เคยห่างหายไปจากชีวิตคุณผู้หญิงได้
จะทำงานในธุรกิจเครื่องสำอาง...
“คณะนี้ตรงใจหนูสุดๆ มีความสุขในการเรียนมากแล้วก็สนุกด้วย ไม่เคยเบื่อที่จะไปเรียนเลย ได้ทดลองอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ หากเรียนจบหนูก็จะทำงานในวงการเครื่องสำอางนี่ล่ะค่ะ อาจจะเป็นนักวิจัยด้านนี้ หรือไม่ก็ไปทำงานที่บริษัทเครื่องสำอางใหญ่ๆ ที่ไหนสักแห่ง” เธอกล่าวอย่างมุ่งมั่น
น้องเฟี๊ยซเปิดเผยความในใจว่า เรื่องการทำงานนั้น ฝันเอาไว้ 2 อย่าง คือ อยากทำงานด้านความงาม หรือไม่ก็ไปทำงานในธุรกิจการบิน ตอนเรียนจบ ม.6 เธอก็ไปสอบเรียนการบินที่หัวหิน แต่ได้ที่แม่ฟ้าหลวงก่อน ก็เลยตัดสินใจเลือกที่นี่ ไม่แน่ว่าหากเรียนจบแล้วยังหางานในบริษัทเครื่องสำอางไม่ได้ ก็จะเรียนปริยญาโทต่อด้านชะลอวัย เรียกว่าจะเอาดีด้านนี้ แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะทำธุรกิจด้านเครื่องสำอางหรือไม่
แม้ว่าเพิ่งเรียนได้เพียงปี 2 แต่น้องเฟี๊ยซก็ลองซ้อมมือด้วยการเปิดร้านเครื่องสำอางเล็กๆ ในตึกแถวหน้ามหาวิทยาลัยเป็นของตัวเองได้ 6 เดือนกว่าแล้ว “บังเอิญมีตึกว่างให้เช่าหน้ามหาวิทยาลัย หนูเลยสนใจข้างบนเราอยู่เอง ชั้นล่างทำร้านเครื่องสำอางเปิดบ่ายๆ เย็นๆ หลังเลิกเรียนก็เข้ามาดูร้านเอง ทำเองไม่หุ้นกับใครไปหาเครื่องสำอางมาลงเอง มีคุณแม่มาช่วยดูช่วงวันหยุด เพราะคุณแม่อยู่ จ.แพร่ จะมาหาหนูทุกวันเสาร์อาทิตย์ ท่านสนับสนุนเรื่องนี้เป็นอย่างดี ท่านอยากให้ลองทำการค้าดูบ้างจะได้มีประสบการณ์” เธอบอกอย่างตั้งใจ
ประกวดนางงามเป็นงานอดิเรก...
เรียนก็ดี กิจกรรมก็เด่น หน้าตาก็ไปวัดไปวาได้ เลยมีงานอดิเรกยามว่างจากการเรียนด้วยการไปประกวดนางงาม ซึ่งไม่ว่าจะไปเวทีไหนน้องเฟี๊ยซ ก็มักจะมีรางวัลติดไม้ติดมือกลับมาบ้านเสมอ เรียกว่าเดินสายประกวดมาตั้งแต่อยู่ชั้น ม.6 เวทีดังๆ ทางภาคเหนือเธอขึ้นไปประชันโฉมมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเวทีนางสาวเชียงใหม่ นางนพมาศ ประกวดมิสสวัสดี และอีกสารพัดเวที
“ถ้าเวทีนางงามหนูชอบ เพราะชอบแต่งชุดไทยๆชอบอะไรไทยๆ หวานๆ เวทีไหนมีชุดว่ายน้ำก็ไม่เอา แต่ถ้าเป็นพวกพิธีกร พริตตีแบบนี้ไม่เอา เพราะหนูไม่ชอบแต่งตัวโป๊ แล้วหนูก็พูดไม่เก่งด้วยค่ะ ที่สำคัญคุณพ่อหนูเป็นทหารดุมาก หนูเป็นลูกคนเดียวท่านหวงมาก เรื่องแต่งตัวโป๊นี่ท่านไม่ชอบห้ามเด็ดขาด อะไรท่านไม่ชอบหนูก็ไม่ทำไม่อยากขัดใจพ่อค่ะ ถ้าจะไปประกวดอะไรก็ไปได้เฉพาะวันหยุด พ่อสั่งไว้เลยว่าเรื่องเรียนต้องมาก่อนอย่าให้เสียการเรียน ต้องเรียนเป็นภาษาอังกฤษด้วยก็เรียนหนักอยู่เหมือนกัน”
เธอกล่าวเคร่งเครียด
น้องเฟี๊ยซ บอกว่า ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวก็ไม่อยากทำให้พ่อแม่ผิดหวัง เพราะท่านตั้งความหวังกับเธอไว้มาก คุณพ่อคุณแม่อยู่แพร่ แต่ก็โทรคุยกันทุกวัน ท่านจะมาหาบ่อยเกือบทุกเดือน
เด็กไทยใช้ไอทีให้พอดี...
แอบถามว่า อยากฝากอะไรให้เพื่อนๆ วัยเดียวกันไหม น้องเฟี๊ยซฝากเตือนด้วยความห่วงใยว่า เดี๋ยวนี้เด็กไทยดูติดไอทีกันมากบางคนมีโทรศัพท์ 2 เครื่อง มีไอแพด มีโน้ตบุ๊กสารพัดสิ่ง หาเวลาว่างไม่ได้เพราะแชตหรือไม่ก็ออนไลน์กันอยู่ตลอดเวลา กลับบ้านไปก็ไม่ค่อยได้คุยกับพ่อแม่เอาแต่ส่งข้อความ ลองถามตัวเองว่าแต่ละวันเราเสียเวลาไปกับเทคโนโลยีวันละกี่ชั่วโมง หนูตั้งเป้าไว้ว่าวันหนึ่งหนูให้ไม่เกิน 34 ชั่วโมงก็พอแล้ว
“หนูว่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาแชต สุขภาพจะเสีย คร่ำเคร่งเกินไปจนอะไรมากไปก็ไม่ดี เอาแต่สื่อสารกับเทคโนโลยี แต่คนนั่งอยู่ตรงหน้ากลับไม่ใส่ใจ วันไหนไม่มีพ่อแม่ให้กลับไปหาแล้วจะเสียใจ หนูพูดด้วยความห่วงใยจริงๆ นะคะ”


