เลือกไปส่งไปชมไปชิมไป
ร้านญี่ปุ่นชื่อดังจากสิงคโปร์ ที่คนไทยซื้อแบรนด์มาเปิด อยู่ในซอยสุขุมวิท 49 ไม่ใกล้ไม่ไกล
โดย...โจ เกียรติอาจิณ / ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
ร้านญี่ปุ่นชื่อดังจากสิงคโปร์ ที่คนไทยซื้อแบรนด์มาเปิด อยู่ในซอยสุขุมวิท 49 ไม่ใกล้ไม่ไกล
ชื่อร้านยาวเฟื้อย “อะคาโนยะ โรบาตะยากิ” ฟังครั้งแรกไม่ทัน ต้องพูดซ้ำถึงจะจำได้
ความหมายร้าน ก็ประหนึ่งว่า “ล้อมวงปิ้งย่างในบ้านสีแดง” อืม แต่ร้านที่เราไปเจอ ก็หาได้เป็นบ้านสีแดงไม่ เป็นตึกสีเทาๆ ดำๆ อึมครึมยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก
ผลักประตูเข้าไป ตกใจมากกับการทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่น ที่ตกใจไม่ใช่เขาทักแบบทะลึ่งตึงตัง แต่ตกใจในพลังน้ำเสียงที่พนักงานและเชฟตะโกนออกมาเสียงดัง ฟังชัด ลั่นร้าน
สิ่งที่ประจันหน้าเราคือเคาน์เตอร์เล็กๆ มีเก้าอี้ล้อมรอบ ที่นั่งมีไม่เยอะ ตรงกลางมีเชฟหนุ่มๆ 4 หน่อ นั่งประจำหน้าเตาของตัวเอง แยกข้างข้างละ 2 คน (ชอบเชฟคนไหนก็เชิญเลือกข้างนั้นนะจ๊ะ)
ขณะที่พื้นที่ที่ทิ้งห่างระหว่างเก้าอี้กับเชฟ จะละลานตาด้วยปลา กุ้ง หอย ปู เนื้อสัตว์หลากประเภท และสารพัดผัก วางเรียงราย ประหนึ่งว่ากำลังชูจุดขายเรื่องความสดใหม่ ไม่สดจริง ไม่ใหม่จัง จ้างให้เขาก็ไม่ยอมขาย
แนวคิดของที่นี่ค่อนข้างชัดเจน คุณจะกินอะไร คุณชอบอะไร หรือคุณอยากลองอะไร ก็ต้องเลือกจากวัตถุดิบที่วางตรงหน้านั่นแหละ เลือกเสร็จก็ส่งให้เชฟ จากนั้นเชฟก็ทำหน้าที่จัดการกับวัตถุดิบ ซึ่งส่วนใหญ่จะหนักไปทางปิ้งย่างตามสไตล์ร้านยากิ
พอเชฟทำอาหารเสร็จก็จะเสิร์ฟด้วยไม้พายยักษ์ วางถ้วยชามจานอาหารบนไม้พาย แล้วยื่นให้ลูกค้า แปลกตาดี ไม่ค่อยเห็นร้านญี่ปุ่นทำแบบนี้ในเมืองไทย แต่ที่ญี่ปุ่น วัฒนธรรมยากิ หรือการปิ้งย่าง มีให้เห็นทั่วไป ยิ่งเฉพาะวัฒนธรรมเลือกไปส่งไปชมไปชิมไป คงเป็นเรื่องธรรมดาสามัญมากๆ
สำหรับเมืองไทยและยิ่งเป็นอาหารไทย อาจเป็นเรื่องที่ไม่คุ้นกันนัก ที่จะให้ลูกค้าเลือกวัตถุดิบสดๆ ตรงหน้าแล้วส่งให้เชฟทำอาหาร ณ บัดนาวให้กิน
ถึงอย่างนั้น ใช่ว่าวัฒนธรรมการกินแบบนี้จะไม่มีอยู่ในเมืองไทย เห็นชัดและน่าจะใกล้เคียงสุด ก็คือ ร้านอาหารตามสั่ง ที่ลูกค้าสามารถเลือกว่าจะใส่ หรือไม่ใส่อะไร จากวัตถุดิบที่โชว์อยู่ในตู้กระจก หรือไม่ก็โชว์ทางอ้อมในชื่อเมนูต่างๆ ที่ทางร้านกำหนดไว้
วัฒนธรรมเลือกไปส่งไปชมไปชิมไป ในหมู่ชาวตะวันตกก็เริ่มเห็นชัด จากแนวคิดที่เรียกว่า “เชฟเทเบิล” เชฟกับลูกค้าใกล้ชิดกัน ไม่มีอะไรมาขัดขวางการสื่อสารและส่งสาร ลูกค้าจะกินอะไร หรือเมนูไหนที่เชฟอยากนำเสนอก็ดูจะง่ายขึ้น ไม่ลึกลับซับซ้อน ลูกค้าเห็นจะจะว่าเชฟทำอะไรและยังไง ทำให้ภาพความสนุกนั้นเกิดขึ้นไปพร้อมกับวัฒนธรรมเลือกไปส่งไปชมไปชิมไป
เช่นเดียวกับที่อะคาโนยะ โรบาตะยากิ ก็น่าจะเรียกว่า “เจแปนิส เชฟเทเบิล” ได้ไม่ยาก เพราะนอกจากลูกค้าจะได้สนุกกับการเลือกวัตถุดิบส่งให้เชฟ แล้วชมเชฟทำอาหารกันแบบไม่มีลับลมคมใน กระทั่งสุดท้ายก็ยังได้สนุกกับการกินเมนูในฝันที่แต่ละคนอยากลิ้มลอง
ฟากเชฟก็ทั้งสนุกและท้าทาย กับวัตถุดิบที่ลูกค้าเลือกและส่งมาให้ แล้วทำเมนูปิ้งย่างที่ตัวเองถนัด ก่อนจะเสิร์ฟให้ลูกค้าด้วยไม้พาย
นี่ละเสน่ห์ของวัฒนธรรมเลือกไปส่งไปชมไปชิมไป
(หมายเหตุ วันนั้นเมนูที่เราเลือกไปส่งไปชมไปชิมไป ที่ร้านอะคาโนยะ โรบาตะยากิ มีทั้งหมด 9 จาน แต่ละจานเลือกจากวัตถุดิบที่วางตรงหน้า เสิร์ฟจานเล็กๆ อาทิ ฟักทองย่าง พริกหวานย่าง ปีกไก่ปิ้ง ไก่สับปิ้ง มันฝรั่งย่าง เห็ดย่าง มีเพียง 3 จาน ปลาทอดกับข้าวหน้าปู และมะเขือเทศสด ที่ไม่ได้เข้าข่ายอาหารปิ้งย่าง ก่อนจะปิดท้ายตามธรรมเนียมร้านอาหารปิ้งย่างด้วยผลไม้สด ซึ่งก็เป็นส้มจากฮอกไกโด สนใจไปชิมแนะนำให้จองโต๊ะก่อน เพราะที่นั่งมีน้อย โทร. 02-662-4237 ร้านเปิด 6 โมงเย็น ปิดเที่ยงคืน)


