posttoday

เคล็ดลับดูแล สุนัขและแมว ป่วยโรคมะเร็ง-เอดส์ ดูแลอย่างไรให้ปลอดภัย

22 ตุลาคม 2565

หากเพื่อนรักในบ้านของเรา กำลังป่วยเป็นมะเร็งหมาแมว หรือเอดส์แมวอยู่ จะรู้ได้อย่างไรและดูแลเขาอย่างไรให้ปลอดภัย

โรคภัยไข้เจ็บเป็นเรื่องที่เกิดได้ทั้งคนและสัตว์ แต่ต่างกันตรงที่สัตว์นั้นไม่สามารถบอกอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับตัวเขาได้นอกจากเสียจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงจะเป็นผู้สังเกตอาการ ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น และในบรรดาโรคที่เกิดกับสัตว์เลี้ยงทั้งหมด มี 2 โรคที่ไม่มีใครอยากให้สัตว์เลี้ยงเป็นมากที่สุดคือโรคมะเร็งในสุนัข และโรคเอดส์แมว 

•การสังเกตอาการสัตว์เลี้ยง

สพ.ญ.ดร.ชุลีกร วรินทร์รักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Killer T Cell for Pets  แนะนำแนวทางการสังเกตสัตว์เลี้ยงที่ป่วยเป็นโรคนี้ว่า การดูสัตว์เลี้ยงของเราว่ามีอาการป่วยเป็นโรค โรคมะเร็งสุนัข และโรคเอดส์แมวนั้น สามารถสังเกตจากอาการของสัตว์เลี้ยงที่ดูผิดปกติไป เช่น โรคมะเร็งสุนัขและแมว มักพบก้อนเนื้องอกที่มีขนาดโตขึ้นเรื่อย ๆ มักอยู่บริเวณผิวหนังหรือช่องท้อง จนส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกาย ขึ้นอยู่กับว่าก้อนเนื้อนั้นไปกระทบกับระบบใดในร่างกายของสุนัข อาจทำให้สุนัขมีอาการซึม กินอาหารน้อยลง ขับถ่ายไม่เป็นเวลาตามปกติ หรือมีอาการขับถ่ายไม่ออก หายใจลำบากมีน้ำหนักลดลงอย่างชัดเจน

ส่วนโรคเอดส์แมวนั้น มักมีอาการมีไข้ ซึม เบื่ออาหาร ซูบผอม ส่วนมากจะพบอาการอักเสบของเหงือก อาการอักเสบในช่องปาก อาการตาอักเสบ และมีอาการถ่ายเหลวต่อเนื่องหลายวัน แมวจะมีอาการหงุดหงิดกระวนกระวาย จนผิดสังเกต โดยเฉพาะแมวที่เลี้ยงในระบบเปิดจะมีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อ ไวรัส FIV เนื่องจากได้รับเชื้อผ่านทางน้ำลาย จากบาดแผลกัดกันนั่นเอง

•การดูแลรักษา
    
หากเจ้าของพบอาการผิดปกติตามที่กล่าวมา ควรรีบส่งสัตวแพทย์เพื่อทำการตรวจเลือด ร่วมกับการตรวจชุดตรวจไวรัสสำเร็จรูป (test kit FIV) เพื่อหาสาเหตุของโรคเพื่อทำการรักษาโรคอย่างทันท่วงที จำไว้ว่า ยิ่งพบอาการผิดปกติและส่งตัวรักษาเร็วเท่าไหร่ โอกาสรอดน้องหมา น้องแมว ในบ้านเรายิ่งมีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น
    
สำหรับโรคมะเร็งในสุนัขและแมว แพทย์จะทำการรักษาไปตามอาการที่เป็นสำหรับโรคมะเร็งในสุนัข การพิจารณาจะทำการรักษานั้นมีหลายปัจจัย ตั้งแต่ชนิดของมะเร็ง ความรุนแรงของเซลล์มะเร็ง สภาพร่างกายของสัตว์ รวมถึงความพร้อมของเจ้าของสัตว์ เนื่องจากการรักษาจะต้องต่อเนื่อง และระหว่างการรักษาเจ้าของสัตว์จะต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เป็นช่วงเวลาที่สัตว์เลี้ยงอ่อนแอ และต้องการความรัก ความเอาใจใส่ จากเจ้าของมากที่สุด การกอด การป้อนอาหาร และบอกรักกับพวกเขาทุกวันจะช่วยให้สุนัขของเรามีกำลังใจ สู้กับโรคร้ายและกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ในเร็ววัน
 

ส่วนโรคเอดส์แมว (FIV) เป็นไวรัสกลุ่มเดียวกับเชื้อ HIV ในมนุษย์ แต่ติดเฉพาะในแมว ไม่ติดต่อสู่มนุษย์ ไวรัสนี้ส่งผลให้แมวเกิดภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยไวรัสจะเข้าไปให้เม็ดเลือดขาวชนิดทีลิมโฟไซด์ (CD4) ลดลง ทำให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อโรคฉวยโอกาสต่างๆได้ง่าย แมวก็จะป่วยง่าย เช่น ช่องปากอักเสบ ท้องเสียเรื้อรัง โรคระบบทางเดินหายใจ โรคผิวหนัง ไปจนถึง โรคมะเร็ง และเสียชีวิตในที่สุด ไม่มีแนวทางการรักษาที่ชัดเจน และไม่ใช่โรคที่สามารถรักษาได้หายขาด เช่นเดียวกับโรคเอดส์ในมนุษย์ ขึ้นอยู่กับอาการและระบบภูมิคุ้มกันของแมวแต่ละตัวที่มีความแตกต่างกันออกไป โดยแพทย์จะให้ยารักษาตามอาการ ร่วมกับการตรวจเลือดติดตามอาการตามคำแนะนำของแพทย์ แต่สิ่งที่เจ้าของควรระมัดระวังคือ หากแมวตัวใดตัวหนึ่งในบ้านเป็นโรคเอดส์แมว ต้องปรับเปลี่ยนเป็นการเลี้ยงในระบบปิดป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไปสู่แมวตัวอื่นในละแวกใกล้เคียง

•    นวัตกรรมการป้องกันและบำบัดรักษา โรคมะเร็งสุนัขและแมว และโรคเอดส์แมว
    
อย่างไรก็ดีทั้งโรคมะเร็งในสุนัขและแมว และโรคเอดส์แมวนั้น มีแนวทางในการป้องกันและรักษาทั้งสองโรคนี้ด้วยนวัตกรรมการบำบัดรักษาที่ชื่อว่า ภูมิคุ้มกันบำบัดเพื่อรักษาสัตว์เลี้ยง เป็นเสริมกลไกภูมิคุ้มกัน การป้องกันและรักษาทั้งสองโรคด้วยวิธีการ เสริมภูมิคุ้มกันด้วยเซลล์ทีพิฆาต (Killer T Cell) โดยนักวิทยาศาสตร์ กลุ่มวิจัย Operation BIM ร่วมกับ สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกันคิดค้นนวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดเพื่อรักษาสัตว์เลี้ยงที่เป็นมะเร็ง ติดเชื้อรา แบคทีเรีย เอดส์ และไวรัสอื่นๆ ที่ยังไม่มียารักษาตรงจุด

นวัตกรรมล่าสุดดังกล่าวที่ได้ผลดีมาแล้วในการรักษากับมนุษย์ ซึ่งอาจทำให้เกิดความสงสัยได้ว่าแล้วนวัตกรรมนี้สามารถนำมาใช้ในสัตว์ได้อย่างไร ตามรายงานวิจัยจากเว็บไซต์ www.ncbi.nlm.nih.gov มีการรายงานทางการแพทย์ของ Aryana M. Razmara และคณะวิจัย ในปี 2021 ได้พบความคล้ายคลึงกันระหว่างสปีชีส์ที่ขยายไปสู่การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อมะเร็งของสุนัข มีความคล้ายกับของภูมิคุ้มกันในมนุษย์ ซึ่งการค้นพบนี้เป็นก้าวแรกไปสู่แนวคิดการนำแนวทางการรักษาระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของมนุษย์ มาประยุกต์ใช้การรักษาในสัตว์เลี้ยง เพราะระบบภูมิคุ้มกันในการร่างกายสัตว์เลี้ยงมีส่วนที่คล้ายคลึงกับของมนุษย์นั่นเอง

สพ.ญ.ดร. ชุลีกร กล่าวเสริมว่า “เซลล์ทีพิฆาต เป็นหนึ่งในกลไกการรักษาโรคมะเร็งและโรคเอดส์ตามธรรมชาติ ด้วยการกระตุ้นความแข็งแรงและเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวในร่างกาย แต่เซลล์มะเร็งจะมีความสามารถสร้างสารป้องกันไม่ให้เม็ดเลือดขาวมองเห็นว่าเป็นมะเร็ง รวมถึงกดภูมิคุ้มกันร่างกายให้อ่อนแอลง จึงไม่เกิดการทำลายเซลล์ผิดปกติได้ ส่งผลให้เซลล์ผิดปกติพัฒนาเพิ่มจำนวนจนเติบโตเป็นก้อนใหญ่ขึ้น” 

จากการศึกษาวิจัย นวัตกรรมดังกล่าว จะเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพเซลล์ทีพิฆาต ให้เม็ดเลือดขาวสามารถมองเห็นว่าเซลล์มะเร็งเป็นสิ่งแปลกปลอม เพิ่มจำนวนแล้วกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้สารสกัดจากอาหารธรรมชาติ ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่ำ จากการเก็บข้อมูลในการรักษามะเร็งตับระยะที่ 4 ของสุนัขพันธุ์ไทย(ที่ไม่สามารถผ่าตัดได้) ทั้งยังช่วยให้สุนัขมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นระหว่างการรักษา โดยไม่พบน้ำหนักลด ไม่มีอาการเบื่ออาหาร และอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์อื่น ที่พบได้ในการรักษาปกติ

ในขณะที่โรคเอดส์แมว ไวรัส FIV จะเข้าไปทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดทีลิมโฟไซด์ (CD4) ลดลง ทำให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อโรคฉวยโอกาส ทำให้แมวป่วยง่าย แต่การรักษาด้วยนวัตกรรม ภูมิคุ้มกันบำบัดเพื่อรักษาสัตว์เลี้ยง จะเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพให้เม็ดเลือดขาวชนิด CD4 และ CD8 เพิ่มขึ้น ทำให้กำจัดไวรัสเหล่านี้ได้ ช่วยให้แมวมีช่องปากอักเสบลดลง อาการเจ็บป่วยโดยรวมกลับมาดีขึ้น น้ำหนักเพิ่ม ขนมีความเงางามขึ้น อย่างไรก็ตามน้องๆ ที่บ้านของคุณ จำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเสมอ และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษาสัตว์เลี้ยงในบ้าน จำเป็นต้องใช้ความรัก ความเอาใจใส่จากผู้เลี้ยง นั่นย่อมช่วยให้สัตว์เลี้ยงผ่านพ้นช่วงเวลาเจ็บป่วยแล้วกลับมาใช้ชีวิตร่วมกับสมาชิกทุกคนในครอบครัวอย่างมีความสุข
 

ข่าวล่าสุด

สูตรไลฟ์ขายของจาก “จูน-กษมา–เชน ธนา”ทำยังไงให้ขายได้ ไม่ใช่แค่มีคนดู