posttoday

เข้มแข็งและดุดัน ซื่อสัตย์และสวยงาม

01 ธันวาคม 2555

ไปดูนักพรตเต๋าที่บู๊ตึ๊งก็ไปดูมาแล้ว คราวนี้มาดูเส้าหลินกันบ้าง เส้าหลินมีคนมาเที่ยวดูมากกว่าบู๊ตึ๊ง

ไปดูนักพรตเต๋าที่บู๊ตึ๊งก็ไปดูมาแล้ว คราวนี้มาดูเส้าหลินกันบ้าง เส้าหลินมีคนมาเที่ยวดูมากกว่าบู๊ตึ๊ง

เพราะมีการแสดงที่ดุดันเร้าอารมณ์มากกว่า แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบว่าเต๋ากับเซนใครดีกว่าใคร ผมคงตอบให้ไม่ได้ เพราะไม่มีความลึกซึ้งพอ ดูจากภายนอกเต๋าออกจะสุขุมลุ่มลึกและเข้มแข็งแบบเงียบๆ ส่วนเส้าหลินลุ่มลึกอยู่ภายใต้ความเข้มแข็ง เชื่อว่าทั้งเต๋าและพุทธแท้จริงแล้วต่างก็ว่าเรื่องกฎธรรมชาติด้วยกันทั้งคู่ เต๋าบอกว่าเต๋าคืออะไรไม่รู้ มันไม่มีรูป ไม่มีปริมาณ ไม่มีขอบเขต ซึ่งผมก็อนุมานตามประสาโง่ๆ ว่า การไม่มีปริมาณและขอบเขตก็คือกฎธรรมชาตินั่นเอง พุทธเองโดยเนื้อแท้แล้วก็ว่าเรื่องกฎธรรมชาติเหมือนกัน กฎธรรมชาติเป็นความจริงแท้ ผู้เข้าถึงหลักศาสนาก็คือผู้เข้าถึงความจริงแท้ หรือเป็นหนึ่งเดียวกับความจริงแท้นั่นเอง

เข้มแข็งและดุดัน ซื่อสัตย์และสวยงาม

คณะเราสัมผัสเส้าหลินด้วยรูปปั้นนักบวชยืนพนมมืออยู่ข้างหน้าทางเข้า ภายใต้ละอองหมอกยามเช้า ทำให้รูปปั้นนั้นดูน่านับถือและน่าเกรงขามไปพร้อมๆ กัน ไกด์บอกว่าเรามาเช้าก็ดีแล้ว เพราะเช้าไม่มีคนมาดูมาก ขืนสายไปคนจะมากจนเดินดูลำบาก

ผ่านลานออกกำลังกายของนักเรียนเส้าหลินหลายต่อหลายชั้น การออกกำลังกายของเด็กในวัยนี้เป็นสิ่งจำเป็นและสอดคล้องกับวัย ผมนึกถึงนักเรียนในเมืองไทยที่เอาแต่เรียนๆๆๆ แล้วก็เรียน เรียนทั้งในชั้นเรียนและในโรงเรียนสอนพิเศษ แต่ท้ายที่สุดดัชนีกลับชี้วัดไปว่าเด็กของเราแย่เกือบสุดท้ายของตาราง ผมว่าเราอาจจะต้องทบทวนการเรียนการสอนกันใหม่แล้วว่าทำไมถึงได้เป็นเช่นนั้น

ไปชมการแสดงของศิษย์เส้าหลินที่แต่งชุดสีขาวเทา ผมไม่แน่ใจว่าฟอร์มนี้เป็นฟอร์มก่อนบวชหรือไม่ แต่การแสดงดูดีไม่แพ้พระที่แต่งชุดสีเหลืองเลย น้องที่เคยดูมาก่อนบอกกับคณะว่า หลายปีที่ผ่านมาการแสดงดังกล่าวเป็นการแสดงของพระนุ่งห่มจีวรสีเหลือง ไม่ใช่ชุดเทาอย่างในปัจจุบัน สำหรับผมแล้วถึงผู้แสดงจะแต่งฟอร์มสีเทาอย่างไร การแสดงของศิษย์เส้าหลินก็ดุดันน่าดูเหมือนเดิม และผมก็ไม่เห็นด้วยที่จะเอาพระมาแสดงอะไรต่อมิอะไรต่างๆ ให้ฆราวาสชม เพราะมันไม่ใช่กิจของสงฆ์

เข้มแข็งและดุดัน ซื่อสัตย์และสวยงาม

 

คนไทยที่เคยชินกับวิถีพระไทยหลายคนบ่นว่า เดี๋ยวนี้เส้าหลินเอาการแสดงมาแลกเงิน เรื่องนี้ผมกลับเห็นต่าง เห็นต่างว่าวัดเส้าหลินต้องรับผิดชอบต่อนักเรียนที่มากขึ้นกว่าแต่เดิม ถ้าไม่มีรายได้จากการแสดงเสียแล้ว เส้าหลินจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกศิษย์ที่กำลังอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอนเหล่านั้น จะมีเงินที่ไหนมาปรับปรุงสถานที่ให้ดูสวยงาม พระไม่โกน โกนคิ้ว แบกผู้หญิงข้ามน้ำยังเป็นอรหันต์ได้ อย่าไปติดเรื่องวิธีการเลยครับ สนใจในเรื่องหลักการ หลักวิชาดีกว่า

วันนี้ผมเอารูปภาพการแสดงของศิษย์วัดเส้าหลินมาให้ท่านผู้อ่านได้ดู ดูแล้วอาจจะไม่สนุกเหมือนกับได้ดูของจริงใกล้ๆ เวทีที่มีเสียงประกอบ กล้องที่ผมใช้ถ่ายต่อเนื่องได้เร็วไม่เท่าตาเห็น แถมเลนส์เก่าที่ใช้มานานเกือบ 10 ปี ก็ออกอาการ “วืดวาด” ยามใช้ออโตโฟกัส ถ้ากล้องดีเลนส์ดีผมคงได้รูปดีๆ กว่านี้มาฝากแฟนๆ แน่

เส้าหลินตั้งขึ้นโดยภิกษุชาวอินเดีย ฉายาโพธิธรรม ท่านเป็นผู้นำพุทธนิกายเซน มาเผยแพร่ศาสนาที่เมืองจีนเมื่อราว พ.ศ. 1070 (ก่อนหน้านั้นก็มีภิกษุอินเดียมาเผยแผ่ศาสนามาก่อนแล้ว) เซนไม่เน้นเรื่องพระวินัย แต่มุ่งหาวิธีให้ลูกศิษย์เข้าถึงนิพพานตรงและด้วยความรวดเร็ว วิธีดังกล่าวผู้ที่เป็นอาจารย์จึงมีความสำคัญต่อลูกศิษย์มาก คือนอกจากเข้าใจจริตของลูกศิษย์แล้ว ยังสามารถตั้งปริศนาธรรมให้ศิษย์ได้เข้าถึงนิพพานได้โดยเร็วอีกด้วย

เข้มแข็งและดุดัน ซื่อสัตย์และสวยงาม

 

ส่วนตัวผมชอบอ่านปริศนาธรรมของนิกายเซนครับ เพราะการเข้าถึงสภาวธรรมไม่ใช่เรื่องของการท่องจำ หลายครั้งที่ผมเอาปริศนาธรรมที่เซนเขียนเอาไว้มาเป็นตัวอย่างประกอบการเขียน

นักบวชเซนที่ผมชื่นชอบนอกจากท่านโพธิธรรมแล้ว ก็มีท่านเหวยหล่างผู้ไม่รู้หนังสือ ชื่นชมที่คนผ่าฟืนอย่างท่านเหวยหล่างสามารถชี้ออกมาได้ว่า ถ้าไม่มีกระจก (ตัวตน) เสียแล้ว ฝุ่น (กิเลส) จะไปจับอะไร นี่แสดงถึงการเข้าถึงสภาวธรรมของท่านเหนือกว่าศิษย์เอกของสำนักที่บอกว่าจิตก็เหมือนกระจก ถ้าหมั่นเช็ดถูบ่อยๆ เข้า จิตก็ใสไปเอง

คำตอบของศิษย์เอกเทียบไม่ได้กับคำตอบของท่านเหวยหล่างใช่ไหมครับ

เช้าวันที่เราไปคนออกจะน้อย เพราะเราไปกันตั้งแต่เปิดสำนัก พอสายหน่อยก็มีผู้คนทยอยมาเที่ยวกันมาก ในจำนวนนั้นก็มีนักเรียนทหารของจีนทั้งหญิงและชายจำนวนหนึ่ง เที่ยวแล้วก็ไม่สนใจในธรรมเหมือนคนทั่วไป ดูได้จากการคุยไปถ่ายรูปไปเหมือนคนอื่นๆ

เข้มแข็งและดุดัน ซื่อสัตย์และสวยงาม

“น้อยหน่า” ไกด์สาวพาไปป่าเจดีย์ หรือที่เขาเรียกว่า “ถ่าหลิน” ซึ่งเป็นหมู่เจดีย์กว่า 200 องค์ ผมเห็นอิฐเจดีย์แล้วดูใหม่มาก เข้าใจว่าเจดีย์เก่าคงพังไป หรือไม่ก็โดนเรดการ์ด เยาวชนแดงที่เหมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง “ทำลายลง” พวกคอมมิวนิสต์เป็นพวก Materialism ไม่สนใจในเรื่องจิต ที่เป็นเช่นนั้นเพราะนักคิดฝ่ายคอมมิวนิสต์เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม จึงว่าด้วยเรื่องวัตถุเป็นหลัก ทั้งๆ ที่โลกนี้ประกอบไปด้วยจิตและวัตถุ คอมมิวนิสต์สู้พระพุทธเจ้าหรือผู้นำศาสนาอื่นๆ ในโลกไม่ได้ก็เพราะเรื่องนี้แหละ

‘กวนอู’ เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์

ไปเส้าหลินแล้วก็ต้องไปดูศาลเจ้ากวนอูที่เมืองลั่วหยาง ว่ากันว่าที่ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ฝังศพของแม่ทัพกวนอู แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยสามก๊กของเล่าปี่ ว่ากันว่ากวนอูตัวจริงสูงถึง 6 ศอก หน้าแดงเหมือนพุทราสุก ตายาวรีและมีหนวดยาวถึงอก ใช้ง้าวหนัก 82 ชั่งจีนเป็นอาวุธ กวนอูแพ้สงครามต่อลกซุนและลิบองทหารของซุนกวนในยุทธการปิดฟ้าข้ามทะเล ซุนกวนตัดศีรษะกวนอูส่งไปให้ “โจโฉ” แต่โจโฉชื่นชมในความสามารถและความซื่อสัตย์ของกวนอู จึงฝังศีรษะกวนอูให้อย่างสมเกียรติในที่ดังกล่าว ความซื่อสัตย์ของกวนอูทำให้เขากลายเป็นที่เคารพของคนจีนเสมอเทพเจ้าทั้งในเมืองจีนและในหมู่จีนโพ้นทะเล ในเต๋าและพุทธก็ผนวกเอาความดังของกวนอูไปเป็นส่วนหนึ่งในเทพทางศาสนาของตนด้วย (เข้าใจว่าเอาความซื่อสัตย์มาเป็นเครื่องมือมากกว่า เพราะผู้เข้าถึงพุทธที่แท้จริงคงไม่จำเป็นต้องผนวก)

เข้มแข็งและดุดัน ซื่อสัตย์และสวยงาม

 

 

ข่าวล่าสุด

Sponge City Tourism เมื่อเมืองเลิกสู้กับน้ำ แล้วหันมา “อยู่ร่วมกับมัน”