เมืองกับพื้นที่สีเขียว
ภาสกร พุทธิชีวิน
ภาสกร พุทธิชีวิน
กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในระยะ 4 ปีที่ผ่านมาเป็นจำนวน 5,025 ไร่ และจะทำให้อัตราส่วนพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรเท่ากับ 4.73 ตารางเมตรต่อคน สวนสาธารณะล่าสุดของกรุงเทพฯ ก็คือ สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา มีพื้นที่จำนวน 21 ไร่ 3 งาน 42 ตารางวา
และเร็วๆ นี้ กรุงเทพฯ จะเปิดสวนสาธารณะเพิ่มขึ้นอีก 3 แห่ง คือ ในเขตพื้นที่เขตบางบอน 100 ไร่ บางแค 70 ไร่ และบริเวณแยกต่างระดับวัชรพลเขตบางเขนอีก 21 ไร่
ในปี 2553 ข้อมูลสำนักงานสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร ระบุว่า กรุงเทพฯ มีประชากรตามทะเบียน จำนวน 5,702,595 คน มีพื้นที่สีเขียว 23,378,480.64 ตารางเมตร อัตราส่วนพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรเฉพาะทะเบียนราษฎร์จะเท่ากับ 4.09 ตารางเมตรต่อคน
ในปี 2555 อัตราส่วนพื้นที่สีเขียวขยับเป็น 4.73 ตารางเมตรต่อคน อาจจะเป็นตัวเลขที่ดูดีขึ้น แต่ถ้านับจำนวนประชากรแฝงเข้าไปด้วยอัตราส่วนก็จะน่าลดเหลือ 2 กว่าๆ เท่านั้น
เอาเฉพาะตัวเลขตามทะเบียนราษฎร์ก่อนก็แล้วกันครับ ถ้าเอามาตรฐานของ WHO หรือองค์การอนามัยโลกแล้ว ยังถือว่าเราสอบตกครับ ตัวเลขที่ WHO บอกว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสมระหว่างสีเขียวกับจำนวนประชากรแล้วจะต้องเป็น 9 ตารางเมตรต่อคน
จากสถิติจะพบว่าในปี 2553 มีอยู่เพียง 5 เขตในกรุงเทพฯ เท่านั้น ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของ WHO ได้แก่ เขตประเวศ หลักสี่ ปทุมวัน ทวีวัฒนา และจตุจักร เพราะทั้ง 5 เขตมีพื้นที่สีเขียวของสวนสาธารณะนั้นเอง เช่น สวนลุมพินี สวนหลวง ร.9 สวนวชิรเบญจทัศ
ในปี 2555 คงมีอีกหลายเขตที่ผ่านเกณฑ์ของ WHO เพราะการมีพื้นที่สวนสาธารณะอีกหลายแห่งเพิ่มขึ้นมา อย่างไรก็ตามถ้าเรียงอันดับสัดส่วนสีเขียวต่อประชากรในกรุงเทพฯ 5 อันดับท้ายสุด จะพบว่าประกอบด้วย เขตบางรัก วัฒนา จอมทอง บางกอกใหญ่ และ วังทองหลาง พื้นที่สีเขียวส่วนใหญ่ของทั้ง 5 เขตข้างต้นนั้น ส่วนใหญ่เป็นเกาะกลางถนนและต้นไม้ริมทาง ส่วนที่เพิ่มสีเขียวเป็นกอบเป็นกำ ก็คือสวนของหมู่บ้านจัดสรรที่กระจายอยู่ตามเขตต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ
เขตบางรักอยู่ท้ายสุดของ 50 เขต มีพื้นที่สีเขียวเพียง 8 ไร่ พื้นที่สีเขียวที่ใหญ่ที่สุดของเขตนี้อาจจะดูตลกแต่เป็นเรื่องจริงครับ นั่นคือเกาะกลางถนนของถนนสีลมครับ มีพื้นที่อยู่ 1 ไร่ อัตราส่วนของพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรคือ 0.29 ตารางเมตร/คน ต่ำกว่าเกณฑ์ของ WHO อยู่ถึง 31 เท่า
เขตต่อมาก็คือเขตวัฒนา เป็นเขตที่อยู่กลางเมืองอีกแห่งหนึ่งมีพื้นที่สีเขียวมากกว่าบางรักอยู่นิดหน่อยเท่านั้น คือ 33ไร่ พื้นที่สีเขียวที่ใหญ่ที่สุดของเขตนี้คือแนวต้นไม้ริมถนน และเกาะกลางถนนคิดเป็นพื้นที่ 10 ไร่ อัตราส่วนพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากร 0.65 ตารางเมตร/คน ต่ำกว่าเกณฑ์ของ WHO อยู่ 13.8 เท่า
ลำดับต่อมาคือเขตจอมทอง มีพื้นที่สีเขียว 68 ไร่ พื้นที่สีเขียวใหญ่สุดคือ สวนสุวรรณานนท์ จำนวนพื้นที่ 7 ไร่ อัตราส่วนพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากร 0.68 ตารางเมตร/คน ต่ำกว่าเกณฑ์ของ WHO อยู่ 13.2 เท่า
เขตบางกอกใหญ่ มีพื้นที่สีเขียวอยู่ 32 ไร่ เขตนี้ได้อานิสงส์ของวัดสังข์กระจาย เพราะพื้นที่สีเขียวที่ใหญ่ที่สุดของเขตนี้คือ ต้นไม้ของวัดมีเนื้อที่ 4 ไร่ คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากร 0.69 ตารางเมตร/คน ต่ำกว่าเกณฑ์ของ WHO อยู่ 13 เท่า
สุดท้ายก็คือเขตวังทองหลาง มีพื้นที่สีเขียว 61 ไร่ เขตนี้พื้นที่สีเขียวใหญ่สุดคือ สวนของคอนโดมิเนียมครับ เป็นคอนโดที่อยู่ในซอยรามคำแหงมีพื้นที่ 7 ไร่ สัดส่วนของพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากร 0.85 ตารางเมตร/คน ต่ำกว่าเกณฑ์ของ WHO 10.5 เท่า
หลายคนอาจมองว่าการเติบโตของเมือง และตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ มักสวนทางกับพื้นที่สีเขียวอยู่เสมอ ลองดูตัวอย่างเมืองเซี่ยงไฮ้ของจีนดูนะครับ เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่ประชากรหนาแน่นติดอันดับโลก ตึกสูงหลายตึกติดอันดับโลก และเป็นเมืองที่เติบโตเร็วติดอันดับโลกเช่นกัน
ตอนที่เขาเริ่มพัฒนาเซี่ยงไฮ้ ผู้บริหารของเซี่ยงไฮ้มองเห็นคุณภาพของสิ่งแวดล้อมที่กำลังแย่ลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายผู้บริหารของเซี่ยงไฮ้ประกาศเป็นนโยบายใหม่ออกมาง่ายๆ ว่า “ไม่ว่าเมืองจะเติบโตแค่ไหนคนก็ต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย” พวกเขาจึงเริ่มปลูกต้นไม้ในปี 2001 สัดส่วนพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรเพิ่มเป็น 10 ตารางเมตร/คน เกินเกณฑ์ของ WHO ไปนิดหน่อย
10 ปีต่อมา เซี่ยงไฮ้เจริญถึงขีดสุด ตึกสูงเต็มไปหมด แต่แปลกพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรกลับเพิ่มขึ้นเป็น 36 ตารางเมตร/คน น่าทึ่งนะครับที่เขาสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตคู่ไปกับการพัฒนาเมืองได้อย่างลงตัว
ไม่มีอะไรมากครับ แค่จะบอกว่า อยากเห็นกรุงเทพฯ เป็นแบบนี้บ้างจังเลย


