เหตุผลที่อยู่ด้วยกัน ทีปกร โลจนะโกสินทร์
อดีตที่เลวร้ายเป็นเหมือนแผลเป็นที่อยากลบแค่ไหนก็ลบไม่ออก แต่สำหรับ “เอกทีปกร โลจนะโกสินทร์”
โดย...กาญจน์ อายุ
อดีตที่เลวร้ายเป็นเหมือนแผลเป็นที่อยากลบแค่ไหนก็ลบไม่ออก แต่สำหรับ “เอก-ทีปกร โลจนะโกสินทร์” เขากลับอยากจำอดีตที่แสนสาหัสไว้เพื่อสร้างแรงผลักดันให้ปัจจุบันและอนาคต
อดีตของเขาคือเด็กเกเรหลังห้อง คือความเหน็ดเหนื่อยของบิดามารดา และคือภาพเปลวไฟมอดไหม้โรงงานที่นอนของครอบครัว แต่ด้วยสติและความเข้มแข็งทำให้คุณเอกเป็นผู้นำครอบครัวพาทุกคนออกจากวิกฤตตรงนั้นมาได้ และสร้างท้องฟ้าผืนใหม่ที่มีรุ้งแห่งความหวังทอดยาว
ปัจจุบันคุณเอกนั่งแท่นกรรมการผู้จัดการใหญ่เครือโลตัสเบดดิ้งกรุ๊ป ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โอมาซ (ประเทศไทย) และมีธุรกิจของครอบครัวอีกกว่า 10 บริษัท แต่ไม่ว่าปัจจุบันจะสวยงามขนาดไหนคุณเอกก็ไม่เคยหลงระเริง เพราะเขาซาบซึ้งดีว่าชีวิตคนเรากลับไปอยู่จุดเริ่มต้นได้ทุกเมื่อแม้ว่าจะมาไกลแค่ไหนก็ตาม
อดีต
คุณเอกเท้าความถึงอดีตโดยปราศจากเสียงเศร้า “ตอนเรียนหนังสือผมเคยเกเร แต่สาเหตุที่หันมาตั้งใจทำงานเพราะเห็นความลำบากของพ่อแม่”
เขาเล่าถึงตอนสมัยเรียนว่า พ่อและแม่อยากให้ลูกมีความรู้และเก่งภาษาอังกฤษ จึงกัดฟันส่งคุณเอกและน้องอีกสามคนไปเรียนต่อที่สิงคโปร์ ถึงแม้ว่าธุรกิจเครื่องนอนโลตัสจะพอไปได้ แต่ท่านทั้งสองก็ต้องเหน็ดเหนื่อยเพราะเป็นคนลงมือทำเอง แม่ดูเรื่องการออกแบบและการผลิต ส่วนพ่อดูบัญชีและการขาย
“บ่อยครั้งที่เห็นแม่ทำงานหนักจนหลับคาจักรเย็บผ้า” คุณเอกกล่าวด้วยความซาบซึ้ง
จากนั้นเมื่อขึ้นชั้น ม.4 คุณเอกก็ข้ามทวีปไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา จนสามารถคว้าปริญญาตรีเกียรตินิยมด้านการตลาดจาก University of Illinois at Chicago ซึ่งเขาใช้เวลาเรียนสามปีครึ่งโดยมีเหตุผลจำเป็น
“ผมต้องขออาจารย์กลับก่อนเพราะที่บ้านกำลังเผชิญมรสุมครั้งใหญ่ไฟไหม้โรงงานที่นอน เรียกได้ว่ายิ่งกว่าหมดตัว ผมต้องกลับบ้านมาช่วยดูแลกิจการที่บ้านต่อทันที” เขายังเล่าด้วยว่าที่ทราบข่าวไฟไหม้โรงงานไม่ได้รู้จากคนที่บ้าน แต่เพราะอ่านเว็บไซต์ข่าวของไทย
ปัจจุบัน
เมื่อเกิดเหตุการณ์ตอนไฟไหม้โรงงานที่นอน คุณเอกต้องเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ทั้งหมดกับตัวเลขติดลบกว่าพันล้านบาท “ผมก็ไม่ท้อนะ” เขากล่าว “พอตั้งสติได้ก็ค่อยๆ ดูว่าจุดอ่อนของธุรกิจเราคืออะไร แล้วแก้ไขไปที่ละจุด สร้างตัวขึ้นมาใหม่หนึ่งปี แบรนด์โลตัสก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง”
เมื่อทุกอย่างกำลังลงตัวแล้ว คุณเอกก็มีไอเดียที่นอนแบบใหม่ “เป็นที่นอนที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาตินำเข้าจากอเมริกาและทั่วทุกมุมโลก ประกอบที่โรงงานเมืองไทยด้วยวิธีสอยมือกว่า 1.6 หมื่นฝีเข็ม และดีไซน์ให้เป็นที่นอนทรงเต้าหู้แบรนด์แรกของโลก”
และเหมือนฟ้าหลังฝน แบรนด์ใหม่ไปได้สวย แบรนด์ดั้งเดิมอย่างโลตัสก็ติดลมบน ทำให้ตอนนี้ครอบครัวโลจนะโกสินทร์มีชีวิตที่ไม่ยากลำบากเหมือนในอดีตอีกแล้ว แต่ทั้งนี้ใช่ว่าจะสบายเพราะธุรกิจยิ่งโตก็ยิ่งต้องบริหารให้ดี งานที่คุณเอกดูอยู่ก็ยังมีมาก แต่สำหรับพ่อและแม่คือการพักผ่อนแล้ว
เหตุผล
“ครอบครัวเราเคยลำบากมาก ถึงตอนนี้ก็อยากให้พ่อแม่สบาย” นี่คือเหตุผลที่ทำให้คุณเอกยอมเสียเงินเป็นล้านสำหรับการเที่ยว 2 วัน เขาเล่าว่า “ผมจะเที่ยวในสิ่งที่ดีที่สุด สบายที่สุด เลือกโรงแรมที่ดีที่สุด เลือกห้องที่แพงที่สุด แล้วพาพ่อแม่ไป มีครั้งหนึ่งไปเกาะกูดสองวัน สิบกว่าคน เหมาประมาณเจ็ดห้องนอน มีพื้นที่ส่วนตัว หมดเงินไปล้านกว่าบาท” ซึ่งเขาแอบกระซิบว่า “แต่บอกแม่ว่าสามแสนกว่า” (หวังว่าแม่คุณเอกคงไม่ถือโทษโกรธหากได้อ่านคอลัมน์นี้)
การเที่ยวแบบคุณเอกถือว่าแพงมากถ้าเทียบกับคนอื่น แต่เขาบอกว่า “เงินในกระเป๋ามีต้องใช้” เพราะตอนนี้เขามีกำลังทรัพย์แล้ว ถ้าเที่ยวไปไม่เดือดร้อนก็ไม่ผิดอะไร และที่สำคัญเกือบทุกครั้งที่เขาไปเที่ยวจะไปกับครอบครัว และทุกสิ่งที่เขาจ่ายไปก็เพื่อครอบครัวที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน
“ผมจะไปเที่ยวทุกโอกาสที่แม่ยอมไป ผมจะเน้นอยู่กับครอบครัว ไปใช้เวลาร่วมกันโดยใช้การท่องเที่ยวนี่แหละเป็นเหตุผล บางคนหันมาให้เวลากับพ่อแม่ในยามที่พวกเขาใกล้ไปแล้วมันไม่มีประโยชน์ คนเราอยู่ด้วยกันได้ไม่นานหรอก"
คุณเอกพยายามทำทุกอย่างให้เต็มที่ในปัจจุบันกาล เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เขารู้ซึ้งถึงความหมายของมันดี
คุณเอกเป็นกำลังใจให้ผู้ที่กำลังท้อแท้ได้อย่างดี บางคนกำลังท้อเพราะฝันไม่เป็นจริง บางคนท้อเพราะล้มละลาย มันอาจทำให้อยากถอยได้ถ้าไม่ “ลุก” และ “สู้” อีกครั้ง ผลของการ “ลุกขึ้นสู้” มีให้เห็นแล้วในตัวชายคนนี้ และการเริ่มต้นใหม่เกิดขึ้นได้เสมอแม้ว่าจะเริ่มไปสักกี่ครั้งแล้วก็ตาม


