มะนัง กะ ละงู
โดย... กาญจน์ อายุ
โดย... กาญจน์ อายุ
ทางขึ้นถ้ำภูผาเพชร อ.มะนัง จ.สตูล มีตะไคร่จับเพราะความชื้นจากน้ำฝนที่ตกติดต่อกันหลายวัน แต่วันนี้โชคดีไม่มีเมฆดำมาเทน้ำให้ลื่น เป็นโชคดีต่อเท้าที่ได้ก้าวอย่างมั่นใจ และเป็นโชคดีต่อต่อมเหงื่อที่ทำงานไม่ค่อยหนัก เพราะความชื้นในดินยังทำให้เย็นอยู่บ้าง
เจ้าหน้าที่ถ้ำสร้างแรงฮึดด้วยข้อมูล 342 ขั้น จำนวนขั้นบันไดที่ทุกคนต้องผ่าน คิดอยู่ว่าจะมีใครนับขั้นบันไดนั้นหรือเปล่า เพราะมันคงเป็นการบั่นทอนกำลังใจไม่น้อย แต่ถ้านับเป็นนาทีประมาณได้ว่า 20 ก็จะได้มายืนอยู่หน้าปากถ้ำ
ถ้ำภูผาเพชรถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2534 ด้วยนิมิตของพระธุดงค์นามหลวงตาแผลง เมื่อท่านนิมิตเห็นก็นำชาวบ้านออกค้นหาจนพบถ้ำนี้ และเมื่อปี พ.ศ. 2541 ได้มีการสำรวจถ้ำอย่างเป็นทางการ และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวใน จ.สตูล
เมื่อมุดลอดทางเข้าไป ภายในเป็นถ้ำขนาดใหญ่ เพดานถ้ำสูง และมีหินงอกหินย้อยสลับซับซ้อน ด้านในจะมีทางบันไดไม้ให้เดินชม มันจะพาไปยังห้องต่างๆ อันได้แก่ ห้องปะการัง ห้องผ้าม่าน ห้องโถงใหญ่ ห้องโดมศิลาเพชร ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้คือจุดครึ่งทางที่นักท่องเที่ยวสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเดินต่อไปหรือออกเลย
ถ้าคิดจะเดินต่อ ทางเดินจะพาไปยังห้องแสงมรกต ห้องที่มีแสงอาทิตย์ลอดเข้ามากระทบกับหินสีเขียวใจกลางห้อ
งพอดี ทำให้ทั้งห้องกลายเป็นสีเขียวมรกตที่งดงามมาก ห้องอ่างน้ำ อดีตแอ่งน้ำที่ตอนนี้น้ำเหือดหายไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงแอ่งลดหลั่นไปตามระดับถ้ำ และห้องพญานาค ห้องที่เคยมีน้ำท่วมขังทำให้เกิดการสะสมตัวของตะกอนเป็นสันนูนยาวไปรอบห้อง จินตนาการเป็นลำตัวพญานาคที่เลื้อยพันทั่วห้อง ระยะทางครึ่งหลังนี้น้อยคนนักที่คิดเดิน เพราะส่วนใหญ่จะหมดแรงและไม่มีเวลาเหลือให้ครึ่งหลังแล้ว แต่หากมีครั้งหน้าสามารถมาเริ่มที่ครึ่งหลังได้เลย เพราะมีทางเดินลัดโดยไม่ต้องเดินผ่านครึ่งแรก
ลอดมุดออกทางเดิมแล้วเดินลงบันได 342 ขั้น ลาจากถ้ำภูผาเพชรแบบครึ่งๆ กลางๆ (เป็นครั้งที่สองในชีวิต) แล้วไปยังแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งของ อ.มะนัง เขาว่ากันว่าบ้านวังสายทองมีเรือแคนูมากที่สุด เพราะทุกบ้านมีอาชีพให้เช่าเรือล่องแก่งแม่น้ำวังสายทอง แม่น้ำสายนี้เกิดจากน้ำตกชื่อเดียวกัน มีน้ำตลอดปี เกาะแก่งไม่ยาก ผู้ที่หัดเล่นเดี๋ยวนั้นก็สามารถเล่นได้
และเมื่อคิดล่องแก่งแล้วอยากให้นั่งแคนูไปสำรวจถ้ำเจ็ดคตด้วย ถ้ำที่ต้องพายเรือชมความงาม แบ่งออกเป็น 7 ช่วง หรือ 7 คดโค้ง ได้แก่ สาวยิ้ม นางคอย เพชรร่วง เจดีย์สามยอด น้ำทิพย์ ฉัตรทอง และส่องนภา ชื่อแต่ละคตดูไม่ธรรมดาแต่ไม่ได้โม้ เพราะชื่อที่ตั้งมาจากสิ่งที่เห็น ชื่อว่าอย่างไร ของจริงก็เป็นแบบนั้น
ถ้ำเจ็ดคตมีความยาวประมาณ 700 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดคือ 9 โมงเช้าถึง 3 โมงเย็น
ทั้งถ้ำภูผาเพชร ล่องแก่งวังสายทอง และถ้ำเจ็ดคต ล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวดูดเงินของ จ.สตูล แต่เป็นเรื่องน่าแปลกเสียหน่อยที่ถ้านักท่องเที่ยวมาจะติดต่อกับโลกภายนอกไม่ได้เพราะ “ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ” ดังนั้น ก่อนมาต้องศึกษาเส้นทางให้ดี หรือถ้าจองโปรแกรมทัวร์ชาวบ้านไว้ก็นัดแนะสถานที่และแจ้งชื่อกันไว้ให้แม่น ไม่เช่นนั้นคุณอาจถูกทัวร์เจ้าอื่นสวมรอยแล้วต้องผิดหวังกับบริการที่ตกลงกันไว้
ขับรถออกจากพื้นที่ไร้สัญญาณมายังทิศตะวันตกของ อ.มะนัง แต่ก่อนที่จะถึงจุดหมาย ณ บ้านบ่อเจ็ดลูก อ.ละงู เราได้เจอเซอร์ไพรส์ระหว่างทาง “ทะเลสีชมพู”
ไม่รู้ว่าแสงอาทิตย์หักเหหรือตกกระทบกันทีท่าไหน แสงอาทิตย์ยามเย็นที่บ้านบ่อเจ็ดลูกถึงกลายเป็นสีบานเย็นแบบนั้น ประจวบกับเป็นช่วงน้ำลงจึงทำให้ทั้งหาดทรายและน้ำทะเลกลายเป็นสีหวานเย็น ตัดกับท้องฟ้าที่กำลังเข้าสู่โหมด Blue Hour สีทั้งสองจึงตัดกันและเข้ากันยิ่งกว่าอะไร ภาพพระอาทิตย์ตกที่บ้านบ่อเจ็ดลูกจึงเป็นอีกที่ที่ขอปักหมุดแนะนำให้มาชม
เซอร์ไพรส์จากธรรมชาติเกิดขึ้นไม่ถึง 15 นาที เมื่อทุกอย่างมืดสนิทไฟที่บ้านบ่อเจ็ดลูกก็เปิดต้อนรับ คนในชุมชนกำลังรอให้ข้อมูลเด็ดๆ ในบ่อเจ็ดลูก
เด็ดแรก คือ ความเข้มแข็งในชุมชน บ้านบ่อเจ็ดลูกเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อปี พ.ศ. 2549 หลังจากชาวบ้านลงพื้นที่ทำวิจัย “ค้นหาตัวเอง” ค้นว่าบ่อเจ็ดลูกมีดีอะไร จากนั้นพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจเข้ามาศึกษา เป็นการสืบทอดประวัติศาสตร์ของบ้านบ่อเจ็ดลูก และสร้างรายได้เสริมให้คนในชุมชน
เด็ดที่สอง คือ ของเด็ดในชุมชน ตั้งแต่ที่มาของชื่อบ้าน บ้านบ่อเจ็ดลูกนั้นมีบ่ออยู่ 7 ลูกจริง มีที่มาไม่ฟันธงว่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือมนุษย์เป็นคนขุด ซึ่งทั้ง 7 ลูกอยู่บริเวณเดียวกัน มีน้ำในบ่อตลอดปี บางช่วงน้ำเค็มมากเค็มน้อยแล้วแต่ฤดูกาล แต่ถ้าได้ไปดูแล้วนับได้ 6 บ่อ อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะอีกบ่ออยู่ข้างหลังป้าย เหตุที่ทำไมไม่สร้างป้ายให้อยู่หลังบ่อทั้ง 7 ลูก คำตอบคือเป็นการผิดพลาดทางเทคนิค
นอกจากบ่อทั้ง 7 บ้านนี้เขามีคำขวัญที่รวบรวมของเด็ดของดีไว้แล้ว คำขวัญกล่าวว่า “มะพร้าวสองปาง เขาช้างหมอบ ถ้ำลอดเสือสิ้นลาย หินตาหินยาย ผาใช้หนี้ มีบ่อเจ็ดลูก” มะพร้าวสองปางเห็นได้ที่บ่อเจ็ดลูก มีอยู่ต้นเดียวที่มีลำต้นเดียว แต่แตกเป็นสองก้าน เขาช้างหมอบเป็นเขารูปร่างช้างกำลังหมอบ ถ้ำเสือสิ้นลาย มีตำนานที่น่าตื่นเต้น สรุปได้ว่าบ้านบ่อเจ็ดลูกมีเสือมารังควานจึงให้นักโทษการเมืองมาฆ่าเสือ สุดท้ายเสือโดนยิงแล้วไปตายอยู่ในถ้ำ หินตาหินยาย ชื่อเหมือนหินตาหินยายที่สมุย แต่ของบ้านบ่อเจ็ดลูกใหญ่กว่า เพราะมันเป็นช่องเขาให้เรือผ่านได้ และผาใช้หนี้ มีเรื่องเล่าว่าชาวบ้านบ่อเจ็ดลูกไปกินกาแฟแล้วไม่ยอมจ่าย จึงขอปลดหนี้ด้วยการโดดหน้าผา ถ้าไม่ตายหนี้จะถูกปลดทันที ซึ่งสุดท้ายเขามีชีวิตรอดและปลดหนี้ได้ ทุกสถานที่ในบ่อเจ็ดลูกมีตำนาน เขาตั้งใจสร้างเป็นจุดขายให้คนไปสืบหาความจริง
ตะลอนมะนังจรดละงู ทำให้รู้ว่า จ.สตูล บนบกแบบไม่มีน้ำเค็มก็มีที่เที่ยวหลายแห่ง บางแห่งยังไม่โด่งดัง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับการเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ไปถึง แต่มาสตูลแล้วไม่ลงทะเลมันก็กระไรอยู่ เตรียมครีมกันแดด แล้วพบกันวันเสาร์หน้า (20 ต.ค. 2555) จะพาไปเหยียบเปลือกหอยนับล้านและวิ่งแข่งบนหลังมังกร แต่มังกรจะพยศหรือไม่โปรดติดตาม
ล้อมกรอบ
ติดต่อเยี่ยมชมชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก ติดต่อคุณยูหนา หลงสมัย โทร. 081-542-0071
สอบถามข้อมูลท่องเที่ยว จ.สตูล ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตรัง โทร. 075-215-867 อีเมล [email protected]


