โจนาธาน วิกลีย์ อีสติน ยู แอนด์ ME
ถ้าโรงแรมในกลุ่มอีสติน (Eastin) และยู โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต (U Hotels & Resorts) เป็นลูก คุณ “โจนาธาน วิกลีย์” (Jonathan Wigley) ก็ต้องเป็น “พ่อ” เพราะเขาคือผู้กำเนิดทั้งสองแบรนด์
โดย...กาญจน์ อายุ
ถ้าโรงแรมในกลุ่มอีสติน (Eastin) และยู โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต (U Hotels & Resorts) เป็นลูก คุณ “โจนาธาน วิกลีย์” (Jonathan Wigley) ก็ต้องเป็น “พ่อ” เพราะเขาคือผู้กำเนิดทั้งสองแบรนด์
เขาไม่ได้เป็นเจ้าของตึก อาคาร และที่ดิน แต่เขาคือผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท แอ็บโซลูท โฮเต็ล เซอร์วิส ดำรงตำแหน่งประธานบริหาร ซึ่งบริษัทนี้มีหน้าที่เข้าไปบริหารเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้น ภายใต้ชื่อแบรนด์อีสตินและยู พูดง่ายๆ คือ ถ้าคุณอยากมีโรงแรมในแบบที่อีสตินและยูเป็นคุณก็ติดต่อมาหาแอ็บโซลูทฯ แอ็บโซลูทฯ จะเข้าไปบริหาร คุณรับทรัพย์อยู่บ้าน แอ็บโซลูทฯ ก็ได้รายได้ตามข้อตกลง
แต่คอลัมน์นี้ไม่ได้เน้นเรื่องธุรกิจ เรื่องตัวเลขจึงไม่สำคัญ แต่เรื่องที่ให้ความสำคัญคือ คำว่า “แบบที่อีสตินและยูเป็น” และเรื่อง “อินเดีย” ที่คุณจะได้อ่านในบรรทัดด้านล่าง
ทำไมต้องไทย
คุณโจนาธานเลือกสร้างโรงแรมอีสตินที่ประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. ... และยังคงให้บริการอยู่ที่มักกะสัน ตั้งแต่ปีแรกจนถึงปีนี้ (พ.ศ. 2555) อีสตินได้ขยายไปสู่ประเทศเวียดนาม โอมาน และอินเดีย และขยายสู่อีกสองแบรนด์ย่อย อีสตินเรสซิเดนซ์ และอีสติน อีซี โรงแรมในกลุ่มอีสตินเป็นโรงแรมในเมืองตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ เดินทางสะดวก มีห้องพักบริการจำนวนมาก และตอบโจทย์นักธุรกิจและนักเดินทาง แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ “ทำไมต้องไทย”
คุณโจนาธานตอบว่า เพราะเขามีความใกล้ชิดกับประเทศไทย เคยทำงานที่กรุงเทพฯ มาตั้งแต่ปี 2539 กรุงเทพฯ จึงเป็นที่ที่เขาเลือกเข้าไปบริหารเป็นที่แรก “ไทยเข้มแข็งมากด้านการท่องเที่ยว การบริการของไทยก็ดี ดังนั้นผมจึงเริ่มที่ไทยแล้วขยายจากไทยนี่แหละไปข้างนอก”
เขายังกล่าวด้วยว่า ด้วยประสบการณ์ที่อยู่ในวงการโรงแรมมาเกือบทั้งชีวิต ทำให้เขารู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี “อะไรที่ดีอยู่แล้วผมก็ทำให้มันดีต่อไป แต่อะไรที่ไม่ดีผมก็จะทำให้มันดีกว่านั้น” และสิ่งที่คุณโจนาธานคิดว่ามันคือ จุดด้อยคือ “Head Office”
“ตามแบรนด์ใหญ่ๆ เขาจะบริหารจากที่ที่เดียว ซึ่งมันสามารถบริหารให้ดีกว่านี้ได้ ถ้าแต่ละประเทศมีเฮดออฟฟิศและมีพนักงานท้องถิ่น เพื่อให้รู้ว่าบ้านเมืองเขาเป็นยังไง คนที่นั่นเป็นยังไง การบริหารก็จะสอดคล้องกับพื้นที่ เราต้องปรับให้เข้ากับสถานที่นั้น ไม่ใช่ประเทศนั้นปรับตัวเข้าหาเรา”
ส่วนยูสร้างครั้งแรกที่ จ.เชียงใหม่ และยังคงให้บริการอยู่เช่นกัน ลักษณะของยูต่างจากอีสตินอย่างสิ้นเชิง นั่นคือหนึ่ง ยูมีลักษณะเป็นรีสอร์ต สอง แต่ละที่ออกแบบไม่เหมือนกันขึ้นกับว่าสถานที่นั้นมีเอกลักษณ์ท้องถิ่นอย่างไร สาม จำนวนห้องจำกัดให้ไม่เกิน 200 ห้อง และสี่ ต้องตั้งอยู่ในสถานที่ที่มีความเป็นยูนีก (Unique) เท่านั้น
แต่ยูมีทิศทางเกือบเหมือนอีสตินคือ ขยายจากไทยไปสู่เวียดนาม อินเดีย และอินโดนีเซีย ประเทศที่เพิ่มเข้ามาคือ อินโดนีเซีย นั่นเพราะอินโดนีเซียมีเมืองที่สุดจะยูนีก “บาหลี”
“ยู เอกาธิส เปกาตู บาหลี จะเหมือนอยู่ในป่า ส่วนยู พาชา เซมินยัก บาหลี จะออกแนวแฟชั่นชิกๆ” คุณโจนาธานกล่าวต่อ “ก่อนที่จะสร้างยู เราจะไปดูที่แห่งนั้นว่ามีอะไรดีให้เป็นยูมั้ย และเจ้าของที่จ้างเราไปบริหารก็ต้องพร้อมเป็นยูด้วย” เขายกตัวอย่างให้ใกล้ตัว “อย่างยู ภูเก็ต ที่จะเปิดให้บริการปีหน้า ผมกล้าพูดเลยว่าไม่เหมาะกับคนแก่ เพราะพื้นที่เป็นภูเขาหินชัน สร้างออกมาเป็นแนวแอดเวนเจอร์ดูท้าทายและสนุก”
“ลูกค้าของยูเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์เป็นรีเทิร์น เกส (Return Quest) คือ เคยพักที่อยู่จังหวัดนี้ก็จะไปพักยูอีกจังหวัดหนึ่งด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าพวกเขาอยากรู้ว่ายูอีกแห่งเป็นยังไง แต่ส่วนสำคัญคือการบริการ ‘เขาอธิบาย’ ยูทุกแห่งในโลกจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เช่นว่า ลูกค้าคนนี้ชอบทานเครื่องดื่มอะไร ยูอีกแห่งที่ลูกค้าคนนี้ไปเช็กอินก็จะทราบโดยที่ไม่ต้องถาม คนที่มาใช้บริการยูจึงประทับใจและกลับมาหายูเรื่อยๆ”
ทำไมต้องอินเดีย
คุณโจนาธานเล่าถึงสองแบรนด์พอสมควร แต่เรื่องที่อยากทราบต่อจากนี้ ทำไมต้องไทยคือ “ทำไมต้องอินเดีย”
“อินเดียยังมีที่ว่างและมีความต้องการด้านตลาด” คุณโจนาธานพูดด้วยศัพท์ผู้บริหาร ซึ่งสามารถอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่า อินเดียยังขาดแคลนโรงแรมที่ดีที่จะให้บริการลูกค้าระดับ 4-5 ดาว อีสตินและยูจึงเข้ามาและตั้งเฮดออฟฟิศในอินเดีย เขายังให้ข้อมูลที่น่าสนใจด้วยว่า
“ธุรกิจในอินเดียเติบโตเร็วมาก คนอินเดียหาเงินได้เยอะขึ้น ท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่ง 60 เปอร์เซ็นต์ของคนอินเดียที่ออกนอกประเทศเลือกมาเมืองไทย” มันคือข้อมูลวิจัย “และเมื่อคนอินเดียมาเห็นโรงแรมดีๆ ในไทยแล้ว เขาก็อยากมีโรงแรมแบบนั้นในประเทศเขาเองบ้าง” และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมอีสตินไปบุกอินเดีย
“ประเทศอินเดียมีขนาดใหญ่เท่าทวีปยุโรป” เขากล่าวเสริม “ด้วยขนาดที่ใหญ่จึงทำให้คนอินเดียท่องเที่ยวภายในประเทศจำนวนมาก วัดได้จากสัดส่วนของผู้ใช้บริการอีสตินที่เป็นคนอินเดียเองถึง 95 เปอร์เซ็นต์”
ลักษณะของโรงแรมต้องแตกต่างจากที่อื่นไหม “มาตรฐานโรงแรมจะเหมือนกัน แต่จะต่างกันบ้างตรงรายละเอียด สำหรับอินเดียจะมีห้องอาหารและห้องจัดเลี้ยงมากกว่าในไทย เพราะที่อินเดียไม่ค่อยมีห้องอาหารดีๆ เราก็เสนอเป็นทางเลือกให้” ส่วนเรื่องวรรณะในอินเดีย “โรงแรมของเราเป็นระดับ 4-5 ดาว คนที่มาใช้บริการก็จะเป็นคนมีฐานะหรือมีวรรณะสูง เรื่องวรรณะในอินเดียจึงไม่ใช่ปัญหา เพราะพวกเขาเลือกใช้โรงแรมที่ต่างกันอยู่แล้ว”
และในอนาคตคุณโจนาธานจะขยายแบรนด์ทั้งสองไปสู่ทวีปแอฟริกาด้วยเหตุผลเดียวกันคือ “พื้นที่เหล่านั้นยังไม่มีโรงแรมที่ดีมาก” ซึ่งเขาเรียกทวีปนี้ว่าเป็น “The Next Big Thing” เพราะจำนวนโรงแรม จำนวนนักท่องเที่ยว และตัวสถานที่เองที่มีความเป็นยูนีกพอให้สร้างยูแน่นอน
ได้มาสัมภาษณ์ประธานบริหารแห่งแอ็บโซลูทฯ ต้องไม่ลืมคำถามนี้ “มีวันหยุดบ้างมั้ย” คุณโจนาธานยิ้มนิดๆ ก่อนตอบ “มันพูดยาก” ยากแล้วทำไมยิ้ม “เพราะทุกวันนี้สิ่งที่ผมทำมันก็คืองานอดิเรก ผมไม่เครียด” สามารถเขียนเป็นซาวด์แทร็กได้ว่า “My work is my hobby” จบการสนทนา


