เผยพินัยกรรม เนื่อม ชานาญชาติศักดา
นี้คือความตั้งใจขอคุณยายเนื่อม เศรษฐินีผู้ใจบุญที่มุ่งทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงถาวร แต่ปุถุชนคนมีกิเลสมาเปลี่ยนแปลงเจตนา ผลกรรมไม่ดีจึงตามสนองตามที่เป็นข่าว
นี้คือความตั้งใจขอคุณยายเนื่อม เศรษฐินีผู้ใจบุญที่มุ่งทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงถาวร แต่ปุถุชนคนมีกิเลสมาเปลี่ยนแปลงเจตนา ผลกรรมไม่ดีจึงตามสนองตามที่เป็นข่าว
โดย...สมาน สุดโต
จากการที่กรรมการ ป.ป.ช. มีมติเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2553 ว่า นายเสนาะ เทียนทอง เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการจดทะเบียนโอนมรดกและโอนสิทธิขายที่ธรณีสงฆ์ที่ จ.ปทุมธานี จำนวน 732 ไร่ ของวัดธรรมิการามวรวิหาร จ.ประจวบคีรีขันธ์ และละเว้นไม่ดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนการโอนที่ดินโดยมิชอบดังกล่าว สมัยเป็น รมช.มหาดไทย เมื่อปีพ.ศ. 2533 นั้น
ก่อนที่จะพิจารณาชี้ขาด ป.ป.ช. พิจารณาก่อนว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกที่ นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ยกให้วัดธรรมิการามวรวิหาร ประจวบคีรีขันธ์ เป็นที่ธรณีสงฆ์ ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาและมีมติไปแล้ว
นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินจำนวน 732 ไร่ ให้กับวัดธรรมิการามวรวิหาร จ.ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 22 พ.ย. 2512 ต่อมาคุณยายเนื่อมได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2514 จึงมีการตั้งผู้จัดการมรดก แทนที่ที่ดินดังกล่าวจะถูกจดทะเบียนโอนให้เป็นกรรมสิทธิ์ของวัดก็หาไม่ เพราะพระราชเมธาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาส แสดงเจตจำนงจะขายที่ดินของวัด แต่ผู้จัดการมรดกเดิมที่มีจำนวน 3 คนไม่ยอม อดีตเจ้าอาวาสจึงตั้งมูลนิธิมหามกุฏฯ ให้เป็นผู้จัดการมรดก ต่อมาได้โอนที่ดินทั้งสองแปลงให้แก่มูลนิธิมหามกุฏฯ แล้วจดทะเบียนขาย ให้แก่บริษัท อัลไพน์ เรียลเอสเตท กับ บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับ ในวันที่ 31 ส.ค. 2533 ในราคาไร่ละ 1.5 แสนบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 130 ล้านบาท
บริษัทดังกล่าวมีนางอุไรวรรณ เทียนทอง และนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ เป็นผู้ถือหุ้น
ปีพ.ศ. 2540 นายเสนาะ เทียนทอง ได้ขายสนามกอล์ฟอัลไพน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ในราคาประมาณ 500 ล้านบาท
นี่คือที่มาที่ไปของที่ธรณีสงฆ์ที่เกี่ยวข้องกับสนามกอล์ฟอัลไพน์ และเสนาะ เทียนทอง
หนังสือปกิณกศิลปวัฒนธรรม เล่ม 2 ที่กรมศิลปากร พิมพ์เนื่องในโอกาสถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดธรรมิการามวรวิหาร วันที่ 9 พ.ย. 2539 เล่ารายละเอียดของวัด และพินัยกรรมยายเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ค่อนข้างละเอียด จึงนำมาถ่ายทอดให้อ่านกันดังต่อไปนี้
ประวัติวัด
วัดธรรมิการามวรวิหาร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยพระยาดำรงธรรมสารและคุณหญิง ที่มาสร้างวัดถึงประจวบฯ ก็เนื่องจากบุตรคนหนึ่งที่เกิดจากคุณหญิงตาย มีผู้บอกว่าบุตรที่ตายนั้นมาเกิดที่ประจวบฯ ทั้งสองจึงเดินทางมา เห็นที่เหมาะจึงสร้างวัดขึ้นเมื่อ วันที่ 28 เม.ย. 2465 บนเนื้อที่ 32 ไร่ 2 งาน 20 วา ได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง ปีพ.ศ. 2503
ผู้มีอุปการคุณ
คุณหญิงดำรงธรรมสาร (ใหญ่ วิเศษศิริ) ซึ่งเป็นภรรยาของพระยาดำรงธรรมสาร มีชื่อเดิมว่า ใหญ่ นามสกุล วิเศษศิริ เป็นพี่สาวต่างมารดาของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ผู้อุปการะวัดธรรมิการาม และทำพินัยกรรมยกที่ดินให้วัดที่ตกเป็นข่าว
นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา นามเดิม เนื่อม นามสกุล วิเศษศิริ เป็นน้องต่างมารดาของคุณหญิงดำรงธรรมสาร (ใหญ่ วิเศษศิริ) ที่สร้างวัดธรรมิการาม เกิดเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ปีพ.ศ. 2439 ที่บ้านหัวลำโพง กรุงเทพฯ ท่านกำพร้าบิดามารดา ตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่ออายุ 25 ปี ได้สมรสกับ ร้อยเอกหลวงชำนาญชาติศักดา นายแพทย์ทหารบก ซึ่งได้รับพระราชทานยศครั้งสุดท้ายเป็น พันโท พระชำนาญชาติศักดา
ทั้งสองไม่มีบุตรธิดาเป็นทายาท นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา จึงมุ่งบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ และบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นการสำคัญ ดังที่วัดธรรมิการามวรวิหาร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เขียนไว้ใน “ปฏิการพจน์” ในหนังสืออนุสรณ์พระราชานเพลิงศพ ของนางเนื่อม ตอนหนึ่งว่า
“การบริจาคทรัพย์เพื่อสาธารณประโยชน์ คุณเนื่อมเป็นคนหนึ่งที่ปรากฏเด่นในวงการนักบุญ จนได้รับพระราชทานตรามงกุฎไทย ชั้นที่ 2 จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์อธิราชเจ้า นับว่าเป็นเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งยากที่จะมีผู้เสมอเหมือนได้
สำหรับวัดธรรมิการามวรวิหาร ได้รับการบริจาคทรัพย์จากคุณเนื่อม ชำนาญชาติศักดา มีทั้งเงินทอง ตึกห้องแถวในกรุงเทพฯ พร้อมทั้งที่ดินหลายร้อยไร่
นอกจากนี้ คุณเนื่อม ยังได้จัดมูลนิธิหาดอกผลบำรุงวัดนี้อีกด้วยเจตนาจะบำรุงส่งเสริมให้วัดนี้ดีขึ้นทั้งในด้านการศึกษา การปฏิบัติและถาวรวัตถุ ปูชนียสถานของวัด”
นอกจากจะยกทรัพย์มรดกส่วนใหญ่ให้แก่วัดธรรมิการาม|วรวิหารแล้วท่านยังมอบให้แก่โรงพยาบาลสงฆ์ และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก
นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา บำเพ็ญกุศลและประพฤติตนอยู่ในคุณธรรมความดี จนถึงวาระสุดท้าย ท่านถึงแก่กรรมโดยสงบที่บ้านของท่าน เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ปีพ.ศ. 2514 สิริรวมอายุได้ 76 ปี
พินัยกรรมของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา
เขียนที่ ที่ว่าการอำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร
วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512
ข้าพเจ้า นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา อายุ 74 ปี ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านเลขที่ 6 ตรอกศรีคาม ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร
ทำพินัยกรรมต่อหน้า ว่าที่ ร.ต.เสมอใจ พุ่มพวง นายอำเภอดุสิต และนางสาวสมใจ เทียมสมบูรณ์ พยาน กับนายทองหล่อ ใจดี พยาน ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ถ้าข้าพเจ้าถึงแก่ความตายไปแล้ว บรรดาทรัพย์สินของข้าพเจ้าที่มีอยู่และที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า ข้าพเจ้ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ที่ได้ระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ให้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนที่ซึ่งกำหนดไว้ดังต่อไปนี้ คือ
(1) บรรดาพินัยกรรมซึ่งข้าพเจ้าทำไว้ก่อนพินัยกรรมฉบับนี้ เป็นอันระงับไปทั้งสิ้น และให้ถือพินัยกรรมฉบับนี้เป็นคำสั่งครั้งสุดท้ายของข้าพเจ้า
(2) คำว่า “วัดธรรมิการามวรวิหาร” ซึ่งระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ ให้หมายถึง วัดธรรมิการามวรวิหาร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
(3) เมื่อข้าพเจ้าป่วยหนักและไม่สามารถสั่งการงานได้ด้วยตนเองแล้ว ขอให้ผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นผู้จัดการรักษาพยาบาลข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรมแล้ว ขอให้เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร หรือผู้แทนและผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นผู้จัดการศพ และทรัพย์มรดกของข้าพเจ้าตามรายการดังต่อไปนี้
(ก) ที่ดินโฉนดที่ 6411 อยู่ที่ตรอกศรีคาม ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร เนื้อที่ 1 งาน 98-4/15 วา พร้อมด้วยเรือนไม้ 2 ชั้น เลขที่ 159,161 และ 163 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทั้งบ้านและที่ดิน
ส่วนเรือนไม้ 2 ชั้น เลขที่ 159/1, 159/5 และ 159/6 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการาม|วรวิหารทั้งบ้านและที่ดิน โดยเจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหารมอบให้มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยเก็บผลประโยชน์ เพื่อประโยชน์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร
(ข) ที่ดินโฉนด 2401 อยู่ที่คลองห้าออก ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ 45 ไร่ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดหัตถสารเกษตร จังหวัดปทุมธานี
(ค) ที่ดินโฉนดเลขที่ 5972 อยู่ที่ตรอกศรีคาม ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร พร้อมด้วยตึก 2 ชั้น เลขที่ 6 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์
(ง) ที่ดินโฉนดเลขที่ 20 ตำบลคลองซอยที่ 5 ฝั่งตะวันออก (บึงตะเคียน) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ 730 ไร่ 1 งาน 51 วา ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
(จ) ที่ดินโฉนด 1446 อยู่ที่ทุ่งบึงอ้ายเสียบ ตำบลบึงอ้ายเสียบอำเภอคลองหลวง จังหวัดธัญบุรี (ปทุมธานี) เนื้อที่ 194 ไร่ 1 งาน 24 วา ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
ข้อ 2.ข้าพเจ้าขอยกเงินจำนวน 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ และขอยกเงินจำนวน 3,000 บาท (สามพันบาทถ้วน) ให้แก่นายสวง เสตะสุนทร
ข้อ 3.เมื่อจัดการปลงศพของข้าพเจ้าแล้ว ยังมีเงินเหลือเท่าไร รวมทั้งทรัพย์สินอื่นซึ่งมิได้ระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
ข้อ 4.ขอให้เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร จัดการมอบอสังหาริมทรัพย์และจำนวนเงิน (ถ้ามี) ซึ่งได้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร รวมทั้งสิ้นแก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ช่วยจัดทำผลประโยชน์เพื่อใช้ประโยชน์นั้นบำรุงจตุปัจจัยแก่ภิกษุสามเณรหรือจรรโลงพระพุทธศาสนาโดยประการอื่น เช่น การส่งเสริมศึกษาคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ หรือบูรณะถาวรวัตถุในวัดธรรมิการามวรวิหาร สุดแต่เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร จะพิจารณาตามสมควรแก่กรณี
ข้อ 5.พินัยกรรมนี้ทำเป็น 4 ฉบับ มีข้อความตรงกัน ให้นายอำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร เก็บไว้ 1 ฉบับ ผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เก็บไว้ 1 ฉบับ ผู้ทำพินัยกรรมเก็บไว้ 1 ฉบับ |เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหารเก็บไว้ 1 ฉบับ โดยมีข้อความตรงกัน
ข้อ 6.ข้าพเจ้าขอมอบพินัยกรรมฉบับนี้ให้แก่เจ้าอาวาสวัดธรร|มิการามวรวิหารหรือผู้แทนและผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นผู้จัดการมรดกของข้าพเจ้าตามพินัยกรรมนี้ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ
ข้อ 7.ข้อความแห่งพินัยกรรมนี้ นายอำเภอได้อ่านให้ข้าพเจ้าและพยานฟังโดยตลอดแล้วเป็นการถูกต้องตรงความประสงค์ของข้าพเจ้าที่ได้แจ้งให้นายอำเภอจดลงไว้ และขณะทำพินัยกรรมนี้|ข้าพเจ้ามีสติสมบูรณ์ดี จึงลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้านายอำเภอและพยานเป็นสำคัญ
(ลงชื่อ) เนื่อม ชำนาญชาติศักดา ผู้ทำพินัยกรรม
(ลงชื่อ) สมใจ เทียมสมบูรณ์ พยานรับรองพินัยกรรมและลายมือชื่อ
(ลงชื่อ) ทองหล่อ ใจดี พยานรับรองพินัยกรรมและลายมือชื่อ
สุดท้ายเป็นบันทึกของ ว่าที่ ร.ต.เสมอใจ พุ่มพวง
นายอำเภอดุสิตที่ลงลายมือชื่อและประทับตราตำแหน่งเป็นสำคัญ
นี้คือความตั้งใจขอคุณยายเนื่อม เศรษฐินีผู้ใจบุญที่มุ่งทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงถาวร แต่ปุถุชนคนมีกิเลสมาเปลี่ยนแปลงเจตนา ผลกรรมไม่ดีจึงตามสนองตามที่เป็นข่าว


