สาวกแฟชั่นกรี๊ด มือวางอันดับท็อปปักธงเมืองไทย
เย้ๆๆๆ เอช แอนด์ เอ็ม (H&M) แบรนด์ดังจากสวีเดนมาถึงไทยแล้ว แบรนด์นี้เรียกว่าเป็นมือวางอันดับต้นๆ
โดย...อณุศรา ทองอุไร
เย้ๆๆๆ เอช แอนด์ เอ็ม (H&M) แบรนด์ดังจากสวีเดนมาถึงไทยแล้ว แบรนด์นี้เรียกว่าเป็นมือวางอันดับต้นๆ ของวงการ Fast Fashion โลก เตรียมปักธงในไทย วันที่ 29 ก.ย.นี้ ก่อนวันนั้นมาถึง เรามาทำความรู้จักกับแบรนด์แฟชั่นจากสวีเดนว่ามีความเป็นมาและใช้กลยุทธ์ใดบ้าง เพื่อดึงหัวใจลูกค้าที่เป็นคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ตั้งแต่นักศึกษา สาวออฟฟิศ เซเลบ จนกระทั่งถึงซูเปอร์สตาร์
คาดว่าการปรากฏตัวของเอช แอนด์ เอ็ม ในไทย จะเป็น Talk of the Town เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ที่จุดกระแสแฟชั่น Made for All ที่จะเรียกนักช็อปได้มหาศาล หลังจากเริ่มบุกตลาดเอเชียอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ชื่อชั้นของเอช แอนด์ เอ็ม ได้การยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน “เทพ” ของวงการแฟชั่น จากแนวคิดที่ชัดเจนคือ “การนำเสนอแฟชั่นและคุณภาพในราคาที่ดีที่สุด” หลายคนให้คำนิยามว่า “Cheap Chic” ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย ดูเทรนดี้ ในราคาเป็นเจ้าของได้ง่าย
เอช แอนด์ เอ็ม ไม่ใช่แค่แบรนด์แฟชั่นเลื่องชื่อ แต่เป็นแบรนด์ระดับโลกอย่างแท้จริง การันตีได้จากรางวัลแบรนด์ยุโรปที่มีค่ามากที่สุดในปี 2551 จากการจัดอันดับของอินเตอร์แบรนด์ ล่าสุดยังติดอันดับ 21 Best Global Brand ประจำปี 2554 จัดอันดับโดยบลูมเบิร์ก บิซิเนสวีก
ด้วยการออกคอลเลกชันที่ถี่ยิบและการนำเสนอแฟชั่นที่เกาะติดเทรนด์อย่างไม่ลดละ ทำให้เอช แอนด์ เอ็ม จริงจังกับการออกแบบมาก ร่วมกับนักออกแบบแพตเทิร์นและบายเออร์ สร้างสรรค์คอลเลกชันเพื่อให้ตรงใจผู้บริโภคมากที่สุด อีกทั้งยังมีการเลือกสาขาที่จะต้องเปิดในโลเกชันที่ดีที่สุดในย่านนั้นๆ และที่น่าสนใจคือ เอช แอนด์ เอ็ม ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง แต่ใช้ Outsource โดยมีซัพพลายเออร์กว่า 700 ราย เพื่อทำการผลิตใน 16 ประเทศ ทั้งในยุโรปและเอเชีย
แฟล็กชิปสโตร์ไทยใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แบรนด์แฟชั่นระดับอินเตอร์ที่โดดเด่นอย่างมีสไตล์ในราคาที่เหมาะสม พร้อมเปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ ที่สยามพารากอน วันที่ 29 ก.ย.นี้ พร้อมให้เหล่าผู้หลงใหลแฟชั่นจากทั่วกรุงเทพฯ ได้เลือกสรรสินค้าแฟชั่น ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับตระการตาหลากหลายรูปแบบ โดยเอช แอนด์ เอ็ม เตรียมโชว์แรงบันดาลใจจากสไตล์อินเตอร์เต็มรูปแบบ บนพื้นที่กว่า 3,300 ตารางเมตร
ลูกค้าจะได้เลือกชมสินค้าแฟชั่นครบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าสตรี เสื้อผ้าบุรุษ เสื้อผ้าเด็ก รวมถึงเครื่องประดับภายในร้านแบบ Duplex สองชั้น การออกแบบร้านเป็นไปในรูปแบบเดียวกับร้านสาขาใหม่อื่นๆ ของเอช แอนด์ เอ็ม ทั่วโลก และแฟล็กชิปสโตร์ที่สยามพารากอน นับได้ว่าเป็นสาขาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
คาร์ล โยฮาน แพร์สสัน ซีอีโอของเอช แอนด์ เอ็ม กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นที่จะนำแบรนด์แฟชั่น เครื่องแต่งกายที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม มานำเสนอแก่ลูกค้าและเหล่าแฟชั่นนิสตาชาวไทย โดยวางแผนที่จะเริ่มด้วยการเปิด 2 สาขาในปีนี้
การตัดสินใจเปิดสาขาของเราในประเทศไทย เป็นแผนการที่วางไว้ตั้งแต่แรก และได้เตรียมการมาระยะหนึ่งแล้ว โดยมองหา Location ที่เหมาะสมและดีที่สุด จนมาลงตัวที่ 2 แห่ง คือ สยามพารากอน และเดอะมอลล์ บางกะปิ
“เศรษฐกิจในเมืองไทยกำลังฟื้นตัว ความสนใจในด้านแฟชั่นของลูกค้าชาวไทยก็เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน เราจึงมุ่งหวังว่าจะมอบความพึงพอใจให้ลูกค้าชาวไทยได้เป็นอย่างดี ด้วยสินค้าแฟชั่นคุณภาพในราคาที่เป็นที่พอใจของทุกคน ปีนี้เราวางแผนที่จะเปิดร้านสาขาแห่งแรกเพิ่มเติมในอีกหลายประเทศด้วย คือ บัลแกเรีย ลัตเวีย มาเลเซีย เม็กซิโก เป้าหมายของเราคือการเพิ่มปริมาณร้านสาขาให้ได้ร้อยละ 1015 ทุกๆ ปี ทั้งจากภายในตลาดเดิมและการเปิดตลาดใหม่ๆ”
ดึงคนดังสร้างสรรค์คอลเลกชันพิเศษ
กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้เอช แอนด์ เอ็ม อยู่ในใจสาวนักช็อปได้ตลอดเวลา คือ การทำ Brand Collaboration กับดีไซเนอร์ชื่อดังและซูเปอร์สตาร์ มาตั้งแต่ปี 2547 และใช้กลยุทธ์นี้อย่างต่อเนื่องมา 10 กว่าครั้งแล้ว ที่ผ่านมาร่วมมือกับ สเตลลา แมคคาร์ทนีย์ วิคตอร์ แอนด์ รอฟต์ มาดอนนา โรเบร์โต กาวาลลิ กอมม์ เดส์ การ์ซงส์ แมททิว วิลเลียมสัน จิมมี ชู ซอนยา ไรคีล ลองแวง และเวอร์ซาเช
ล่าสุดคือ มาร์นี แบรนด์หรูสัญชาติอิตาลี กับคอลเลกชันสปริง เพิ่มความน่าสนใจอีกขั้นด้วย โซเฟีย คอปโปลา ผู้กำกับหญิงระดับโลก มาแสดงฝีมือกำกับภาพยนตร์โฆษณาของแคมเปญนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีนักเตะซูเปอร์สตาร์อย่าง เดวิด เบคแฮม ที่ร่วมออกไลน์ชุดชั้นในชาย ที่เริ่มจำหน่ายต้นปีนี้ และมีกำหนดออกในแต่ละซีซัน
ล่าสุดยังได้จับมือกับ แอนนา เดลโล รัสโซ ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่ง Fashion Director at Large และที่ปรึกษาฝ่ายสร้างสรรค์ที่ Vogue Japan เธอสร้างสรรค์คอลเลกชัน แอกเซสซอรีดีไซน์เจิดจรัสให้เอช แอนด์ เอ็ม แอนนาถือเป็นแฟชั่นไอคอนและผู้อำนวยการด้านแฟชั่นชื่อดัง ผู้ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในโลกแห่งแฟชั่น บล็อกเสื้อผ้าที่โดดเด่นและสะดุดตาของเธอ ได้รับการบันทึกภาพอย่างนับครั้งไม่ถ้วน โดยบรรดาช่างภาพแฟชั่นมากมาย และยังถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ
การสร้างสรรค์คอลเลกชันแอกเซสซอรีสุดพิเศษให้กับเอช แอนด์ เอ็ม คอลเลกชันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความงดงามมีเสน่ห์แบบน่าจับตามอง เปี่ยมไปด้วยดีไซน์อันล้ำค่าและมีลูกเล่น เป็นการแสดงออกถึงรสนิยมการเลือกใช้เครื่องประดับของเธอ คอลเลกชันนี้จะออกวางจำหน่ายในวันที่ 4 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นช่วงพีกของงานแฟชั่นวีกทั่วโลก โดยจะวางจำหน่ายทั้งทางออนไลน์และร้านเอช แอนด์ เอ็ม 140 แห่ง คอลเลกชันนี้ประกอบไปด้วย เครื่องประดับ แว่นกันแดด รองเท้า กระเป๋า และกระเป๋าเดินทางแบบมีล้อ เปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้เป็นเจ้าของแอกเซสซอรีดีไซน์ชิคในราคาที่ถูกใจ
นับเป็นครั้งแรกที่เอช แอนด์ เอ็ม ให้ผู้อำนวยการด้านแฟชั่นได้มีส่วนเกี่ยวข้องในโปรเจกต์พิเศษ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงวิวัฒนาการที่สำคัญในวงการแฟชั่น งานทุกชิ้นในคอลเลกชันนี้จะทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกสนุกกับการเปลี่ยนวันธรรมดาๆ วันหนึ่งให้กลายเป็นวันแห่งจินตนาการอันเจิดจรัสของแฟชั่น เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความหรูหรา จินตนาการ ความเพ้อฝัน และการประดับตกแต่งต่างๆ เข้าด้วยกัน
ในวันเปิดตัวคอลเลกชันพิเศษแบบนี้ สามารถดึงดูดทั้งแฟนของเอช แอนด์ เอ็ม และแบรนด์ที่มาช่วยเสริมบารมีให้มาต่อคิวเข้าแถวยาวเฟื้อยหน้าร้านทุกครั้งไป ก็เพราะใครๆ ก็อยากจะใส่เสื้อผ้าของดีไซเนอร์ดังในราคาที่ถูกกว่าหลายสิบเท่า แน่นอนว่านอกจากจะเรียกเสียงฮือฮาได้จากผู้บริโภคแล้ว ยังช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทได้อีกด้วย เพราะผลงานร่วมมือกันแบบแน่นแฟ้นนี้มีราคาสูงกว่าคอลเลกชันปกติไม่มากนัก และเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลกอย่างไร้ขีดจำกัด เอช แอนด์ เอ็ม จึงเข้าสู่โลกออนไลน์อย่างเต็มที่ ระดมทั้ง Facebook, Twitter, Google+ และ Youtube รวมถึงโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ของจีน อีกด้วย
เอช แอนด์ เอ็ม แบ่งสินค้าออกเป็นไลน์ผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก และสินค้าตกแต่งบ้าน ไลน์สุดท้ายนี้ขายผ่านออนไลน์ แค็ตตาล็อก และมีช็อปเฉพาะที่สตอกโฮล์ม เฮลซิงกิ โคเปนเฮเกน ลอนดอน และอัมสเตอร์ดัม เท่านั้น
ทีมดีไซเนอร์ 200 คน
แอนน์-โซฟี โจฮานส์ซอน หัวหน้าแผนกดีไซน์ของเอช แอนด์ เอ็ม ได้กล่าวถึงคอลเลกชันล่าสุดว่า เธอชอบที่ในฤดูกาลนี้มีวิธีการและตัวเลือกมากมายที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกด้านต่างๆ ของตัวเรา ความโก้หรูและความเรียบง่ายของเสื้อผ้าแต่ละชิ้นให้ความรู้สึกแปลกใหม่และทันสมัย อีกทั้งยังดูดีเมื่อนำเนื้อผ้าและรูปทรงแบบใหม่มาผสมผสานร่วมกับการประดับประดาตกแต่ง ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงความจัดจ้านอย่างเต็มพิกัด
ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ เอช แอนด์ เอ็ม พร้อมใจนำเสนอคอลเลกชันเสื้อผ้าสุภาพสตรี ที่เน้นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความมินิมอลและแมกซิมอลลิซึม ผ่านการเล่นดีเทลของซีลูเอทเสื้อผ้า ที่ทำให้เรือนร่างของผู้หญิงแลดูเหมือนประติมากรรมที่เรียบหรูแต่งามสง่า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าสวมแยกชิ้นต่างๆ ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญของคอลเลกชันนี้ รวมไปถึงแอกเซสซอรีรูปทรงโดดเด่นสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นกำไลคอสตูมจิวเวลรีแสนสง่า สร้อยไข่มุก หมวกแก๊ปติดลูกปัด และสิ่งประดับตกแต่งไหล่ที่ทำให้ชุดหรูเรียบง่ายแลดูแรงจัดจ้านขึ้นมาทันที
เอช แอนด์ เอ็ม มีทีมดีไซเนอร์ร่วม 200 คน ในการสร้างสรรค์ไอเดียแฟชั่นและผลงานดีไซน์ โดยคำนึงถึงคอนเซปต์หลักของแบรนด์เป็นสำคัญ ทีมดีไซเนอร์ คนทำแพตเทิร์น และบายเออร์ จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ในการออกแบบและผลิตคอลเลกชันแต่ละครั้ง แรงบันดาลใจในการนำเสนอคอลเลกชันได้มาจากการเดินทางเพื่อหาไอเดียสร้างสรรค์รอบๆ ตัว ทั้งจากงานแฟร์ด้านศิลปะ ดนตรี ภาพยนตร์ หรือแม้กระทั่งอาหารการกิน การเดินทางต่างเมืองพบปะผู้คนหลากหลายเชื้อชาติวัฒนธรรม และสไตล์ประจำท้องถิ่นนั้นๆ สามารถนำมาสร้างสรรค์ชิ้นงานแฟชั่นในรูปแบบใหม่ๆ ได้เสมอ
การทำคอลเลกชันเต็มรูปแบบนั้น ต้องเตรียมการล่วงหน้าเป็นเวลานาน ปกติทีมดีไซเนอร์จะทำงานแฟชั่น 3 ซีซันในเวลาเดียวกัน โดย 1 ปีล่วงหน้า ทำงานเรื่องเทรนด์ สีสัน การเลือกใช้ผ้ารวมถึงคอนเซปต์และภาพรวมของคอลเลกชัน ประมาณ 1-6 เดือนล่วงหน้า เน้นเรื่องการเตรียมคอลเลกชันรวมถึงการจัดหาวัสดุและการทำงานในซีซันเพื่อเพิ่มเติมดีไซน์และเทรนด์ล่าสุดที่อยู่ในกระแสของซีซันนั้นๆ หรือการเพิ่มเติมชิ้นงานที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า
สิ่งนี้ทำให้สินค้าแฟชั่นของเอช แอนด์ เอ็มมีความหลากหลายและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าหลากวัย หลากรสนิยม และหลากสไตล์ได้อย่างดี แม้ว่าเอช แอนด์ เอ็มจะมีสาขาทั่วโลกหลายพันสาขา แต่ละสาขาจะยังคงรักษาตัวตนและเอกลักษณ์ของเอช แอนด์ เอ็มไว้อย่างชัดเจน สินค้าแฟชั่นที่วางจำหน่ายที่สโตร์ ไม่ว่าในยุโรป อเมริกา หรือเอเชีย ลูกค้าทั่วโลกก็จะมีโอกาสได้ช็อปปิ้งสินค้าในคอลเลกชันและคอนเซปต์เดียวกัน เพียงแต่จะมีการเลือกสรรสินค้าตามความเหมาะสมทั้งเรื่องภูมิอากาศ วัฒนธรรม และธรรมเนียมปฏิบัติของประเทศนั้นๆ
ด้วยคอนเซปต์ที่ชัดเจน กอปรกับสไตล์และราคาที่โดนใจคนรุ่นใหม่หัวใจเทรนดี้ ทำให้แบรนด์ที่มีอายุอานามกว่า 65 ปี สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างเกรียงไกรและมั่นคงด้วยประการฉะนี้


