posttoday

บัญชี บันเทิง บันดาลใจ จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล

05 สิงหาคม 2555

หลังจากผู้กำกับ “มะเดี่ยว” ส่งภาพยนตร์ “โฮม (Home) ความรัก ความสุข ความทรงจำ” ลงโรงเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

โดย...น้องสาวตัวร้าย

หลังจากผู้กำกับ “มะเดี่ยว” ส่งภาพยนตร์ “โฮม (Home) ความรัก ความสุข ความทรงจำ” ลงโรงเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พระเอกหนุ่มวัย 19 “มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล” ก็ขึ้นแท่นดาวรุ่งหนุ่มที่ผู้คนถามถึงมากที่สุดคนหนึ่ง

ความหล่อใสและลุคเรียบเท่ของ มาร์ช จุฑาวุฒิ ในบทของ “เน” นักเรียนรุ่นพี่โรงเรียนมงฟอร์ต กับความสัมพันธ์ไม่มีชื่อเรียกที่มีต่อรุ่นน้องนักบาสหนุ่มนักเรียนมัธยมต้นนั้น สร้างแรงผลักให้เป็นดั่ง “รักแห่งสยาม 2012” ได้ไม่ยาก แม้ว่าจะเป็นการแสดงหนังเรื่องแรกของมาร์ช แต่เขาก็เต็มที่กับงาน และทำให้คนดูหลงรักไปพร้อมกัน

น้องสาวตัวร้ายได้ยินคำถามแรกๆ หลังคนดูชมการแสดงว่า “เขาเป็นเหมือนในบทที่เล่นหรือเปล่า” “ตัวตนของหนุ่มคนนี้เป็นอย่างไรและเป็นใคร มาจากไหน” น่าร้าก...อ่ะ

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจสอบกลางภาคยาวนานตลอดสัปดาห์ บ่ายวันหนึ่งน้องสาวตัวร้ายนัดกับหนุ่มพาณิชยศาสตร์และการบัญชี แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น โอกุ โอกุ อาคารปาร์ค เวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ เพื่อทำความรู้จัก

มาร์ชในชุดนิสิตกับส่วนสูงและรูปร่างที่สะดุดตา เดินมาถึงที่นัดหมายและเริ่มต้นพูดคุยกับดิฉัน “ผมและคุณแม่ชอบจุฬาฯ แต่ระหว่างนิเทศศาสตร์กับพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จะเลือกอะไรดี หลังจากได้คะแนนสอบเอนทรานซ์มาก็กลับมาคิดทบทวน ปรึกษาคุณแม่แล้วก็จบลงที่อันนี้ พอได้มาเรียนแล้วชอบนะครับ รู้สึกว่าเป็นตัวเรา มันต้องวิเคราะห์ และบริหารการเงิน การวางแผนของธุรกิจองค์กร ดูแนวโน้มในอนาคต

บัญชี บันเทิง บันดาลใจ จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล

 

ตอนเรียนมัธยมก็มาจากสายวิทย์ วิชาที่เก่งและสนใจสุดคงเป็นชีววิทยา เพราะเคยคิดจะเรียนเป็นแพทย์ แต่พอลองไปเข้าค่ายเก็บตัวหมอตอนมัธยมปลาย ไม่ชอบ...น่ากลัว ผมกลัวเลือด กลัวตับไตไส้พุง (หัวเราะ) ก็เลยเบนเข็มมาเลือกคณะของสายศิลป์ ปัจจุบันจะหลงรักกลุ่มวิชาเศรษฐศาสตร์อะครับ พวกใช้ความเข้าใจ ไม่ใช้ความจำ ไม่ใช้การคำนวณ ผมจะทำได้ดีแนววิชาพวกนี้ ตอนนี้ผลการเรียนก็เฉลี่ยอยู่ราวๆ 3.3-3.4 ครับ

ผมมีเพื่อนหลายๆ มหาวิทยาลัย เนื่องจากเรียนชายล้วนมา พอเข้ามาจุฬาฯ ก็มีชีวิตที่ต่างไป ไม่ได้มุ่งเรียนอย่างเดียว แต่ต้องให้มีกิจกรรมทำบ้าง แตะฟุตบอล กิจกรรมคณะ หรือแบ่งไปทำงานพิธีกรที่เพลย์ แชนแนล และงานบันเทิงด้วย

เวลาว่างปกติผมแตะบอล อาจมีว่ายน้ำ แบดมินตัน หรือปิงปองบ้าง แต่กับฟุตบอลผมเป็นตัวแทนของคณะในการแข่งขันกีฬาบอลบัญชีฯ จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ปกติผมเล่นปีกขวาหรือไม่ก็กองหน้าครับ วันเสาร์-อาทิตย์ผมกับเพื่อนๆ ก็ไปเล่นตามสนามหญ้าเทียมต่างๆ

ทุกวันนี้เวลาเรียนก็คิดว่าสังคมมันแข่งขันมากขึ้น เพราะว่าคะแนนก็คิดอิงกลุ่ม ต้องตั้งใจมากขึ้นในการเตรียมตัวสอบ ก็แข่งขันกับคนอื่น ไม่ได้วัดแค่ในห้อง ส่วนอาจารย์ก็ไม่เหมือนชีวิตมัธยม เขาไม่ได้มาตาม มาจี้เรา ถ้าไม่เรียนไม่ต้องเข้าไป ตัวผมเป็นคนสนใจในการเรียนอยู่แล้ว แต่หลายเดือนที่ผ่านมาแทบจะไม่ได้เข้าห้องเรียน เพราะทำงานบันเทิงด้วย ยิ่งต้องอ่านและทำความเข้าใจให้ทันเพื่อนๆ

เวลาผ่อนคลายผมก็ฟังดนตรี ถ้าจะให้ร้องก็ร้องได้ แต่อย่าร้องดีกว่า (หัวเราะ) แล้วก็มีเข้ายิมบ้าง จุฬาฯ มีฟิตเนสของเขาเองเลย ผมไปออกกำลังกายให้แข็งแรง ไม่ได้เน้นให้ล่ำโตอะไรมาก”

“ส่วนด้านบันเทิง แสดงเรื่องโฮมเรื่องแรกก็แจ้งเกิดแบบมาริโอ้-พิชญ์ เลยสิ” ดิฉันถามเย้า

“ตอนที่รับเล่นเอนทรานซ์อยู่ รอผลคะแนน ก็ไม่ได้คิดว่าจะดังอะไรขนาดครับ ไปเวิร์กช็อป เรียนการแสดง และเตรียมตัวก่อนเล่น 3 เดือน ผมรู้แค่ว่าทำให้ดีที่สุด ไม่ได้คาดหวังชื่อเสียงอะไร ผมก็ไม่ได้หล่อ ออกจะดูบ้านๆ ถ้าไปเทียบกับคนดังคนอื่นๆ” แหม ตอบอย่างถ่อมตัวเวอร์ ดิฉันซักต่อ “คิดว่าผู้คนชอบอะไรในตัวมาร์ชคะ”

ผมว่าเขาคงชอบ เน-- คาแรกเตอร์ในหนัง แต่ก็มีกลุ่มหนึ่งที่ชอบตัวเราจริงๆ ชอบนิสัยแบบที่เราเป็นอยู่ อย่างเวลาเราจัดรายการเพลย์แก๊งในเพลย์ แชนแนล เวลา 18.00-19.30 น. ทุกวันจันทร์ศุกร์ ก็มีแฟนๆ มาหาที่ตึกแกรมมี่ด้วย ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าการเป็นพิธีกรจะพัฒนาผมจากคนพูดหน้าชั้นยังอาย แล้วก็ฝึกหัดอยู่พักหนึ่งก็เริ่มดี เก็บชั่วโมงประสบการณ์ เพราะงานพิธีกรมันมีทั้งบันทึกเทปและรายการสด ที่บ้านก็ไม่ได้ว่าเรื่องเข้าวงการบันเทิง เพราะท่านเห็นว่าผมเรียนได้ ก็เชื่อใจ แต่ก็มีห่วงมีเตือนเสมอว่าแบ่งเวลาและรับผิดชอบดีๆ

คนชอบมองผมว่า อ๋อ...เด็กเกรียน (หัวเราะ) ปัญญาอ่อน ถ้าเป็นเพื่อนๆ จะรู้นิสัยผมอยู่แล้ว อย่างพี่ชายก็สนิทกัน เขาจะออกแนวติสต์ๆ เพิ่งจบสถาปัตย์ หน้าตาคล้ายๆ กัน พวกเราเหมือนพ่อมากกว่าแม่ จริงๆ แล้วมาร์ชไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเท่าไร ถ้าอยู่ก็เล่นเกมออนไลน์ แต่อยู่มหาวิทยาลัยก็จะอยู่ลานกว้างของคณะ แบ่งโซนกิจกรรมตามกลุ่ม หรือไม่ผมก็หาที่อ่านหนังสือก่อนกลับบ้าน

คุณพ่อห่วงเรื่องสุขภาพที่สุด เพราะช่วงนี้ผมเป็นไมเกรน ก่อนสอบจะปวดหัวมาก ไปหาหมอแล้วไม่ไหวต้องไปฉีดยา บอกให้เครียดน้อยๆ หน่อย บางทีมันเกิดแต่หาสาเหตุไม่ได้ รู้แต่ว่าผมอ่านหนังสือไม่ทัน ไม่มีเวลาอ่านมากนัก ก็เลยเครียด

ส่วนคุณแม่จะห่วงจุกจิกๆ กินข้าวนอกบ้านก็ห่วงอาหารนอกบ้านดีพอไหม เพราะแม่ผมชอบทำอาหารรับประทานเอง อีกเรื่องก็คือ เรื่องผู้หญิง ดูคนดีๆ เอาคนที่แบบทำอาหารเป็นแม่ (หัวเราะ) ผมบอกก็แม่ทำแล้วไง แม่บอกว่าโตขึ้นจะดูสิว่าจะมีใครทำให้มาร์ชรึเปล่า

“ผู้ชายอย่างมาร์ช ชอบสาวแบบไหนคะ” ดิฉันไม่พลาดคำถามนี้

“ถ้าถามถึงสเปกภายนอก ผมชอบญาญ่านะ ตัวเล็กๆ น่ารัก ผมยาว ขาว พอเห็นเขายิ้มผมก็จะยิ้มตาม อย่างเนี่ยเหรอ ถ้าเรื่องนิสัย ชอบคนพูดเก่ง ยิ้มแย้ม ไม่ค่อยเครียด ใช่...ที่สำคัญต้องทำอาหารเป็นอย่างที่คุณแม่บอก (หัวเราะ)

ก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย ผมมองถึงว่าเราต้องมุ่งแต่การเรียน เอาเกียรตินิยม แต่พอมีเรื่องบันเทิงเข้ามา ผมมีโอกาสทำงานและทำกิจกรรมอื่นๆ ผมว่าการเรียนไม่ใช่ทุกอย่าง การได้ทำงานสำคัญด้วย เราคว้าตรงนี้ไว้ ขณะที่การเรียนเราก็ไม่ทิ้ง ที่บอกอย่างนั้นเพราะมาร์ชได้ทักษะการทำงานจริงๆ ผมมองเห็นตัวเองในระยะสั้นว่า ตอนนี้ผมเก็บตังค์ก่อน แล้วในอนาคตทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ทำร้านอาหารอาจจะเป็นร้านนั่งชิล”

ในรูปถ่ายเป็นไงไม่รู้ แต่ขอบอกว่าตัวจริง ดิฉันกับคนแถวนี้มิได้ละวางสายตาและฟังสิ่งอื่นใดนอกจากตาคนนี้

ข่าวล่าสุด

4 หน่วยงานลุย "สะพานสมุย" พ่วงน้ำ-ไฟ-เน็ต แก้ปัญหาระยะยาว