posttoday

ลาน–ปาล์ม ที่เป็นทั้งไม้ประดับสวนและพืชอาหาร

29 มิถุนายน 2555

โดย...ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม

โดย...ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม

เดินทางผ่านอุทยานทับลาน ได้เห็นความสวยสง่าของต้นปาล์มขนาดใหญ่ที่ได้ชื่อว่า “ต้นลูกฆ่าแม่” แล้วรู้สึกไม่ถูกใจกับคำเปรียบเปรยนี้ เนื่องจากมันเป็นเรื่องธรรมชาติของปาล์มหลายชนิด ซึ่งหลังจากใช้อาหารสะสมในการสร้างชีวิตให้ลูกผู้สืบทอดยีนของพ่อแม่แล้ว ปาล์ม เช่น ลานป่า ตาลโตนด ต๋าว (Arenga) ปาล์มกลุ่มดังกล่าวออกช่อดอกแล้วต้นแม่จะหมดอายุขัยล้มตายไป ถือเป็นเรื่องตามธรรมชาติ มิได้เกิดเพราะลูกฆ่าแม่แต่อย่างใด

ต้นลานที่กล่าวถึงนี้จัดอยู่ในสกุลคอรายฟา (Corypha) ต้นที่พบในเขตอุทยานทับลาน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี

ลาน–ปาล์ม ที่เป็นทั้งไม้ประดับสวนและพืชอาหาร

 

ลานมีลำต้นสูงใหญ่ โดดเด่นสง่างามมาก เมื่อมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป อาจสร้างช่อดอกได้ที่ยอดเช่นเดียวกับสับปะรด หรือต้นต๋าวและตาลโตนด ซึ่งหลังจากให้ช่อให้ผลแล้วต้นจะตายไป เพราะไม่มียอดจะเจริญเติบโตทางใบได้อีกแล้ว กล่าวกันว่าช่อดอกของลานนับเป็นช่อดอกที่ใหญ่สุดของพืชจำพวกไม้ดอกทั้งหลาย แถมยังมีจำนวนดอกย่อยมากที่สุดด้วย ช่อดอกสูง 20 ฟุต จะให้ดอกย่อยนับล้านๆ ดอกเลยทีเดียว และเนื่องจากดอกของต้นลานเป็นดอกกะเทย (ดอกสมบูรณ์เพศ) จึงพัฒนาไปเป็นลูกลานนับจำนวนล้านๆ ลูกอีกด้วย เมล็ดจากต้นลานนี้จะทำหน้าที่แพร่เผ่าพันธุ์ของต้นลานต่อไป

ลานมีอยู่ด้วยกัน 6 ชนิด (Species) ในโลก แต่พบเพียง 3 ชนิดในประเทศไทย คือ ลานกบินทร์ หรือลานป่า (Corypha Le Comtei) พบตามธรรมชาติบนภูเขาสูง 100–600 ม. เช่นที่ปราจีนบุรี ขอนแก่น นอกจากนี้พบกระจายพันธุ์ในยูนนาน เขมร ลาว และเวียดนาม ลานเชียงใหม่ (C.Umbraculifera) เรียกกันทั่วไปว่า Talipot Palm น่าจะเป็นชนิดที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยโดยผ่านทางอินเดีย พม่า ลังกา

ลานพรุ หรือลานใต้ (C.Utan) พบในเขต จ.นครศรีธรรมราช ตรัง และสตูล นอกจากนี้ยังพบในภาคกลาง (จ.นครปฐม) ในต่างประเทศพบในอินเดีย อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินีไปจนถึงออสเตรเลียตอนเหนือ ลานเป็นปาล์มลำเดี่ยว อาจสูงได้ถึง 25 ม. ก็มี ลำต้นอาจมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 1 เมตรก็เป็นได้ อาจมีกาบหรือไม่มีกาบก็ได้ ใบประกอบรูปนิ้วมือ ก้านใบยาวตั้งแต่ 2–5 ม. มักมีหนามยาว ผลขนาดต่างกันแล้วแต่ชนิด ใบลานถูกใช้ในสมัยโบราณ โดยใช้ใบอ่อนนำมาตากแห้ง นำมาเขียนอักษรของศาสนาพุทธและบันทึกคำในภาษาบาลีลงไปโดยใช้เหล็กแหลมเขียนเป็นตัวหนังสือ สำหรับผลลานกลางอ่อนกลางแก่จะผ่านการต้ม ลอกเปลือก แช่น้ำเกลือเล็กน้อย ใส่ปี๊บส่งขาย ผู้ซื้ออาจนำไปเชื่อมน้ำตาลอีกครั้ง ชาวเชียงใหม่และกบินทร์บุรีใช้ใบอ่อนของลานในงานหัตถกรรม นำมาจักตอกสานเป็นหมวก เป็นกระเป๋า พัด เสื่อ เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน ใบแก่อาจใช้เป็นวัสดุมุงหลังคา

ลานอาจใช้เป็นไม้ประดับสถานที่ เช่น สวนพฤกษศาสตร์หรือสวนสาธารณะที่มีพื้นที่กว้างขวาง ให้ความโดดเด่นไม่มีอะไรเทียบเคียงได้ ลานอาจขึ้นได้โดยไม่เลือกดิน ใช้เมล็ดเพาะปลูกได้ แต่การเจริญของต้นช้ามาก นี่เป็นข้อด้อยของต้นลาน ต้นลานเชียงใหม่ซึ่งเราเห็นทั่วไปตามวัดและชานเมืองแถบ อ.หางดง และจอมทองนั้น เป็นปาล์มของศรีลังกา และเป็นไม้ประจำชาติของศรีลังกาอีกด้วย ปาล์มชนิดนี้มีลำต้นสูงใหญ่ ลำต้นกว้าง 2 ฟุต แต่บางต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางต้นรวมกาบใบกว้างถึง 16 ฟุต ลำต้นต้องมีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป จึงจะมองเห็นลำต้นจริงๆ เพราะกาบใบแห้งได้หลุดร่วงไปแล้ว ใบลานมีใบย่อยประมาณ 80–100 ใบ ก้านใบซึ่งมีลักษณะเป็นกาบยาวถึง 12 ฟุต ก้านใบมีหนาม ช่อดอกเกิดที่ยอด ลำต้นที่มีอายุ 20–80 ปี จึงจะออกดอก ช่อดอกใหญ่สูงถึง 20 ฟุต แยกกิ่งก้านรูปพีระมิด ในช่อดอกหนึ่งอาจมีจำนวนดอกมากถึง 60 ล้านดอก ดอกสีขาวครีม กลิ่นเหม็น เป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศ ตั้งแต่แทงช่อและบานผสมเกิดเป็นผลจะกินเวลา 1 ปีขึ้นไป ผลกลมรี กว้างนิ้วครึ่ง สีเขียวอ่อน ผลหนึ่งมีเมล็ดเดียว เมล็ดกลมสีดำ เนื้อหุ้มเมล็ดคล้ายลูกชิดหรือลูกจาก เมื่อผลสุกและแก่แล้ว ต้นลานนั้นจะค่อยๆ ตายไป

ไม่ว่าจะเป็นลานชนิดใด สมควรได้รับการขยายพันธุ์ปลูกเพิ่มเติมไว้อยู่เสมอ เพราะเป็นพืชเขตร้อนที่สวยงามและมีคุณค่าอย่างยิ่ง

ข่าวล่าสุด

เปิดภาพคุมตัว "น.ส.ลัก" สอบเข้ม ปมบังคับลูกสาววัย 12 ค้ากามญี่ปุ่น