‘ช่างผม’ ไม่ชั่งใจ ‘สุริยะ อัศวนิก’
เรื่อง ณัฐพล ช่วงประยูร / ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
นอกจากปรุงอาหารอร่อยแล้ว ผู้ชายคนนี้ก็ตัดผมเจ๋ง และเป็นหนุ่มคลั่งดนตรีแวะเวียนไปสนทนาและอัพเดตเรื่องราวของน้องชายตี๋เทรนดี้ สุริยะ อัศวนิก 1 ใน 3 แฮร์สไตลิสต์ ดาวรุ่งสุดเท่ แมนแท้ แห่งร้านเดอะ เลานจ์ (The Lounge) แห่งใหม่ ณ โครงการ เควิลเลจ เนเบอร์ฮู้ด สุขุมวิท 26
แม้ว่าจะเป็นดาวรุ่งพุ่งดังมาพร้อมๆ กับ อิรา วิมลชัยฤกษ์ (โทนี่ รากแก่น) แต่บุตรสุริยะ อัศวนิก ก็ลงทะเบียนงานช่างผมในเมืองไทยมาก่อนพักใหญ่ ก่อนที่เจ้าของเดอะ เลานจ์ อย่าง ไก่สมพร ธิรินทร์ และเกดเมทินี (กิ่งโพยม) ชาร์พเพิร์ล เพิ่งจะเบิกฤกษ์โบกมือย้ายลาจากอาคารฟีนิกซ์ สุขุมวิท 31 มาอยู่ที่ เควิลเลจ เนเบอร์ฮู้ด ตอนต้นปี ทว่าฝีมือของเขายังแรงรุ่ง พุ่งต่อเนื่อง แถมล่าสุด ค่าตัว ค่าตัด (ผม) ก็อัพขึ้นด้วย
จากเด็กชายจอมเกเร หัวหน้าแก๊งไม่เปิดเผยนาม เมื่อสมัยเรียนมัธยมผลการเรียนร่อแร่ แต่ประสบการณ์นอกห้องสุดขีดกระทั่งมาถึงจุดหักที่ต้องเลือกเดินทางชีวิตต่อ บุตร สุริยะ เสนอแผนการหลบลี้หนีภัยวัยรุ่นไร้สาระ ไปสู่การเรียนทำผม และภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลีย ซึ่งคุณแม่เปิดไฟเขียวให้ หลังจากได้ฟังเหตุผลว่าเพราะเหตุใดกัน
“
วัยรุ่นเกเรได้โล่มาก พอมานั่งคิดดูว่าจะเอาไงกับชีวิตดี ผมก็ไปต่อด้านช่างผมดีกว่า เพราะสังเกตตัวเองตลอดนะว่าตัวเองมีอะไรดี รักอะไร ชอบอะไร มาเจอว่าเวลาตัดผมจะคอยเช็กช่างทุกการขยับเลย มันมีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจ ยิ่งเวลาตัดออกมาแล้ว บ่อยๆ ที่ไม่ค่อยโดนเท่าไร เลยบอกแม่ว่า นี่แหละ...ที่บุตรจะไปเรียนตอนแรกแม่งงมาก ตัดผม ต้องเรียนจริงจังขนาดนั้นเลยเหรอ จริงๆ ถ้าตัดให้ดี ออกแบบเจ๋งๆ ราคาก็ไม่ถูกเลยนะครับ ยิ่งเมื่อก่อนด้วยแล้ว คนก็ไม่ค่อยเข้าใจ สุดท้ายแม่ก็อนุญาต ผมก็เริ่มไปเรียนภาษาพักหนึ่ง ก่อนเข้าโรงเรียนแฮร์สไตลิสต์ ชีลา แบกซ์เตอร์ ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย
”ในวันที่อายุยังไม่ทันจะบรรลุนิติภาวะ เขาย่ำพื้นแดนจิงโจ้ตัวคนเดียว กับภาษาไทยคล่องปาก แต่อังกฤษไม่ได้เลย อุปสรรคและความกลัวไม่ได้ทำให้บุตรหยุดทำฝันตัวเอง เขาเริ่มทำงานในร้านอาหารไทย แน่นอนว่าหลายคนที่มีประสบการณ์กับการล้างถ้วยจาน ทราบดีว่ามันทรมานขนาดไหน แต่เขาก็ยังมุ่งหน้าทำงานเหล่านั้น เก็บเล็กผสมน้อย ไล่เลียงไปหลายต่อหลายร้าน จนขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยเชฟ และเชฟอาหารไทยในที่สุด
“
ผมไม่ได้กลับบ้านเลย 5 ปี ตั้งแต่อายุ 19 แล้วก็เข้าสู่การเป็นลูกจ้างในบาร์ แล้วก็ไปทำความสะอาดโรงเรียน ทำไปพักหนึ่งโอกาสดีๆ ก็มา พอเคยมือนานเข้า ก็ได้เป็นหัวหน้าพ่อครัวเลยครับ ภูมิใจมาก แต่มันก็ไม่ได้เป๊ะอะไร เพราะเราทำตามสูตรมาตรฐานในตำรา ผัด แกง ทอด ต้ม แต่ทุกคนก็ว่าอร่อยมากนะ (หัวเราะ)”ราคาค่าตัดผมที่นั่นราวๆ 1,7001,800 บาท ทำให้บุตรเริ่มหัดมือตัดเอง และมองดูทุนในกระเป๋าที่เก็บหอมรอมริบมาว่าเพียงพอจะเข้าสู่โรงเรียนสอนตัดผมได้
“
ตอนนั้นคิดไตร่ตรองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเรา รู้สึกเซ็งว่า เอ๊ย ทำไมเราเรียนไม่จบ แต่ก็คิดว่าถ้าเราเรียนจบเราก็ไม่มีวันนี้ แบบนี้ก็อยู่เมืองไทย เป็นวัยรุ่นเหมือนเมืองไทย แต่เราเรียนไม่จบ เราเลยได้ไปอยู่นู่น ได้มีวันนี้ มันก็เป็นเส้นทางแบบหนึ่งครับพอผมพร้อมจะเข้าเรียนฟูลคอร์ส 2 ปีเต็ม ที่ชีลา แบกซ์เตอร์ แล้วระหว่างนั้นก็ทำงานอื่นๆ ไปพร้อมๆ กัน
จนได้ไปเจอครอบครัวคนไทยครอบครัวหนึ่ง เราเรียกว่า พ่อกับแม่เลยนะครับ เขาดูแลเราเหมือนลูก ก็สอนอะไรหลายๆ อย่าง กระทั่งเขาก็แนะนำผมเข้าสู่ร้านตัดผมแห่งหนึ่ง ขณะเดียวกันผมก็ได้ทำอีกที่หนึ่งในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งๆ ที่ยังเรียนอยู่เลย ก็ถือว่าโชคดีมาก
”จากวันละ 100 เหรียญออสเตรเลีย ในเวลาไม่นานบุตรก็ทำได้เพิ่มเติมขึ้น เวลาผ่านไปจน 5 ปี เขาต้องกลับมาจัดการกับเอกสารบางอย่างเพื่อกลับไปทำอาชีพที่หาจนเจอ แรกสุดก็กะจะกลับไปเพื่อจะได้เป็นประชากรที่นั่น ทว่าเขาเปลี่ยนใจ อยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ที่เมืองไทย
ใจที่สู้ชีวิตมาตลอด จนวันหนึ่ง ไก่สมพร ธิรินทร์ เดาว่า บุตร สุริยะ คือลูกค้าคนหนึ่งของร้าน แต่กลับเดินเข้ามาสมัครเป็นช่างผม แน่นอนว่า ลุคได้ ฝีมือถึง คำว่าผ่านจะหนีไปไหน
วันว่างของเขาคือการฟังเพลง อัพเดตโลกแห่งดนตรี และการร้องเล่นเต้นรำแบบโลกยุคใหม่ บางครั้งเราก็มีโอกาสไปแจมปาร์ตี้แดนซ์ มันๆ ของกลุ่มมิวสิก มาเนีย ตามคลับต่างๆ ฉะนั้นของที่เขานำมาอวดในวันนี้ ก็ไม่พ้นแก็ดเจ็ตเท่ๆ ที่เกี่ยวกับการฟังเพลงและโลกไซเบอร์แน่นอน
“
จริงๆ เทคโนโลยีมันมีทั้งคุณทั้งโทษกับทุกๆ คนนะครับผมว่า อย่ามีเพราะอยากมีอย่างคนอื่น แต่พอมีแล้วไม่ได้อยากใช้มันจริงๆ มันแค่ดูเท่ แต่นั่นคือ เสียตังค์เปล่า อย่าลืมว่าคุณค่าของมันอยู่ที่การใช้งานด้วย เพราะถ้าคุณดูแค่ความเท่ คุณจะต้องไล่ตามมันไปเรื่อย ไม่รู้กี่รุ่น กี่แบรนด์”

