posttoday

A Tout Jamais ตราบสิ้นดินฟ้า คีตาศิรวาท 84 พรรษา

26 เมษายน 2555

เอ่ยชื่อ เปรมิกา สุจริตกุล หรือ พิ้งค์ ใครหลายคนอาจรู้จักเธอในแวดวงสังคม

โดย...จตุรภัทร หาญจริง / ภาพ : ทวีชัย ธวัชปกรณ์

เอ่ยชื่อ เปรมิกา สุจริตกุล หรือ พิ้งค์ ใครหลายคนอาจรู้จักเธอในแวดวงสังคม แต่ใครหลายคนอาจจะไม่รู้จัก เธอผู้นี้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันศึกษาวิชาล่ามระดับสูง Institut Superieur d’Interpretariat et de Traduction และจากมหาวิทยาลัยซอร์กบอนน์ กรุงปารีส แขนงวิชาวรรณคดี ใช้ชีวิตวัยเด็กส่วนใหญ่ในต่างแดน โดยติดตามบิดาผู้เป็นอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศต่างๆ ในยุโรปและเอเชีย รวมทั้งสิ้นถึง 9 ประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอิตาลี ฯลฯ จึงได้มีโอกาสสัมผัสวัฒนธรรมนานาประเทศ และมีความคุ้นเคยกับภาษาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

นอกจากงานของสมาคมนักเรียนเก่าฝรั่งเศสในประเทศไทย ซึ่งเปรมิกาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ เธอยังมีบทบาทสำคัญในการจัดกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมการศึกษาภาษาฝรั่งเศส จนเป็นที่รู้จักในแวดวงฝรั่งเศสในนาม “อัครราชทูตแห่งภาษาโมลีแอร์ประจำดินแดนสยาม”

A Tout Jamais ตราบสิ้นดินฟ้า คีตาศิรวาท 84 พรรษา

 

งานอดิเรกของพิ้งค์คือ การวาดภาพสีน้ำ โดยถ่ายทอดจินตนาการอันละเมียดละไมลงบนแผ่นภาพ ด้วยหยาดน้ำและเนื้อสี ผลงานของเธอได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย และได้เปิดแสดงในนิทรรศการหลายครั้งในอดีต

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่เปรียบมิได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เธอผู้นี้ อัญเชิญเนื้อร้องเพลงพระราชนิพนธ์มาถ่ายทอดเป็นภาษาที่ 3 นอกเหนือจากภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เธอจึงได้ทุ่มเทความรู้ความสามารถทั้งหมด ให้งานแปลครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต

นอกจากเป็นการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพด้านคีตศิลป์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลก โดยเฉพาะประชาคมที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส ซึ่งมีจำนวนกว่า 200 ล้านคน เธอยังมีความมุ่งมั่นที่จะให้ผลงานชิ้นนี้เชื่อมโยงสัมพันธไมตรี และความเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่างระหว่างตะวันออกและตะวันตก อีกทั้งยังส่งเสริมการศึกษาภาษาฝรั่งเศสโดยใช้ดนตรีเป็นสื่อ

และนี่คือที่มาที่ไปของการนัดพบเธอผู้นี้ เพื่อให้เธอได้บอกเล่าเรื่องราว...“กว่าจะเป็นอัลบั้ม A Tout Jamais ตราบสิ้นดินฟ้า คีตาศิรวาท 84 พรรษา” นั่นเอง

ทว่า ก่อนอื่น เรามาคุยเรื่องความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาฝรั่งเศสของเธอกัน...

A Tout Jamais ตราบสิ้นดินฟ้า คีตาศิรวาท 84 พรรษา

 

“ตั้งแต่พิ้งค์จำความได้ คุณพ่อเคยพูดเสมอว่าอยากให้ลูกสาวคนเล็กเป็นผู้เชี่ยวชาญภาษาฝรั่งเศส พิ้งค์จึงมีโอกาสเรียนภาษาฝรั่งเศสตั้งแต่ชั้นประถม จนสำเร็จการศึกษาที่มหาวิทยาลัยปารีส ในแขนงวิชาภาษาศาสตร์และล่าม ซึ่งต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาแม่ พิ้งค์โชคดีที่ได้ร่ำเรียนและสัมผัสวัฒนธรรมนานาประเทศมาโดยตลอดค่ะ

อัลบั้มชุดนี้ เริ่มมาจากพิ้งค์มีความสนใจอยากจะแปลเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พอเริ่มแปลไปได้ 4 เพลง คือ เพลงยามเย็น ฝัน อาทิตย์อับแสง และยามค่ำ ก็ได้ทำเรื่องทูลเกล้าฯ ถายขออัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์มาแปลเป็นภาษาฝรั่งเศส โดยทำทั้งเนื้อร้อง ดนตรี ขับร้อง และเรียบเรียงทั้งหมด ซึ่งพระองค์ท่านก็กรุณาโปรดเกล้าฯ ก็เลยกล้าหาญที่จะแปลอีกเรื่อยๆ

ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะทำได้ และไม่รู้ว่าจะได้รับอนุญาตให้ทำหรือเปล่า โดยเริ่มต้นทำจากทุนของตัวเอง เพราะยังไม่อยากไปขอทุนใคร เพราะคิดว่าทุกองค์กรต่างก็มีโปรเจกต์เพื่อในหลวงเป็นของตนเอง แต่หลังจากที่พิ้งค์ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ก็เริ่มมีหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุนที่ได้เห็นคุณค่าของงาน และได้ให้ความเมตตากับโครงการ อย่าง ปตท. ธนาคารกรุงเทพ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฯลฯ”

แล้วการแปลเนื้อเพลงพระราชนิพนธ์ จากภาษาไทยเป็นภาษาฝรั่งเศสมีความยากง่ายแค่ไหนกันนะ... เธอยิ้มเล็กๆ ก่อนตอบว่า

“ยากมากค่ะ เพราะการแปล เราไม่สามารถแปลตรงตัวได้ อีกทั้งใช้แค่ทักษะไวยากรณ์อย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีเรื่องของวัฒนธรรมเข้ามาร่วมด้วย เพราะพอเราแปลเป็นภาษาฝรั่งเศส บางวัฒนธรรมของเราก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมของเขา แล้วก็มีเรื่องของระบบสัมผัส ความสละสลวยของภาษา ตอนแรกก็ใช้เวลานานมากกับเพลงแรก แล้วก็คิดไม่ออกว่าจะยังไงดี ร้องไปทำไป นับนิ้วไปว่าคำนี้ลงได้มั้ย ร้องได้มั้ย ตอนหลังก็เริ่มคุ้นเคย แล้วความไพเราะของเพลงก็พาเราไปได้ด้วยดี จนทำได้สำเร็จ อีกอย่างเราก็ได้สัมผัสกับบทเพลงพระราชนิพนธ์หลายๆ เพลง ก็ดีใจที่มีโอกาสได้ทำงานนี้”

ตอนที่แปล “อิน” มั้ย... “อินค่ะ การที่เราได้สัมผัสกับความหมายของบทเพลง ทำให้เราอยากที่จะสื่อความหมายดีๆ ของบทเพลงให้คนฟังได้ซึมซับว่าหัวใจสำคัญของเพลงคืออะไร และอยากให้คนฟังได้รู้ว่าพระองค์ท่านได้มอบปรัชญาชีวิตที่ดีมากๆ ผ่านบทเพลงมาให้กับพวกเราคนไทยทุกคน”

สำหรับขั้นตอนที่ยากที่สุดในการทำงาน พิ้งค์บอกว่า จริงๆ แล้ว ยากหมดทุกขั้นตอน แต่ที่ยากจริงๆ คือการเฟ้นหาตัวนักร้องที่จะเป็นตัวแทนถ่ายทอดบทเพลงอันทรงคุณค่า “เนื่องจากว่านักร้องส่วนใหญ่ไม่ได้เก่งภาษาฝรั่งเศส แล้วก็ไม่มีต้นแบบที่จะให้นักร้องร้องตาม พิ้งค์เลยต้องไกด์เองทั้งหมด นักร้องบางคนภาษาได้ แต่ก็อาจจะร้องได้ไม่ถึงใจ เพราะฉะนั้นคนที่ร้องได้ดี ภาษาก็ได้ด้วยนั้นมีน้อย แต่คนที่เราเลือกมาก็มีความตั้งใจจริงมากๆ ติดเรื่องสำเนียงของภาษาไม่เป็นไร ทุกคนก็ฝึกฝนเพื่องานนี้แบบเต็มที่จริงๆ ซึ่งพิ้งค์ก็รู้สึกประทับใจมากที่ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากคนที่ช่วยพิ้งค์ในครั้งนี้ นอกจากนักร้องก็ยังมีนักดนตรีและทีมงานอีกเป็นร้อย เอาเป็นว่านับไม่ถ้วนจริงๆ ที่ช่วยกันเต็มที่”

A Tout Jamais ตราบสิ้นดินฟ้า คีตาศิรวาท 84 พรรษา

 

นอกจากเรื่องเพลงแล้ว หนังสือประกอบอัลบั้ม พิ้งค์ก็ได้ใช้ความสามารถในการวาดภาพมารังสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่าด้วย “พิ้งค์ชอบวาดรูปค่ะ เมื่อก่อนเคยจัดการแสดงภาพที่ตัวเองวาด จำหน่ายไปบ้าง ยังเก็บไว้จนทุกวันนี้บ้าง ซึ่งพิ้งค์มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะมีภาพประกอบหนังสือที่เราวาดลงในหนังสือ พอได้จัดทำอัลบั้มเพลงชุดนี้ เราก็อยากทำให้มันเป็นอัลบั้มที่สวยงาม ซึ่งเป็นภาพของเรา พิ้งค์เลยเต็มที่กับมันมากๆ

ในจำนวนภาพทั้งหมด มีทั้งภาพเก่าและภาพวาดขึ้นมาใหม่ แต่ละเพลง ก็วาดให้มีความคล้องจองกับเนื้อหาของเพลง เพื่อสื่อถึงเรื่องราวให้มากที่สุด อีกทั้งยังช่วยคุมธีม คุมสี และคุมการวางคอมโพสต่างๆ ร่วมกับน้องๆ ที่มาช่วยพิ้งค์ทำงาน ซึ่งก็ต้องขอบคุณน้องๆ ที่เต็มที่กับมันด้วย

การคุมธีมของเล่ม พิ้งค์ตั้งใจไล่โทนสีให้เกิดความสวยงามตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งการวางเลย์และวางตัวอักษรก็พิถีพิถันมาก อีกทั้งพิ้งค์ยังเลือกใช้สีน้ำ ซึ่งพิ้งค์มองว่าภาพกับเพลงมันใช้ภาษาใจทำ ฟัง และมองแบบเดียวกัน การใช้สีน้ำทำให้เกิดภาพที่คล้องจองกับเพลงได้ เพราะเนื้อสีของสีน้ำสามารถสื่อถึงพลังของการเคลื่อนไหวที่คอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำได้ อีกทั้งยังมีความดึงดูดและมีลีลาที่คล้ายๆ กับโน้ตดนตรีแต่ละโน้ต เวลาคนที่ซื้ออัลบั้มนี้ไปฟัง จะได้เปิดหนังสือประกอบไปทีละหน้าอย่างเพลิดเพลินและมีความสุข สุขใจไปกับภาพ เนื้อหา และบทเพลงไปพร้อมๆ กัน”

อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเปรมิกาก็คือ การได้น้อมนำ “เพลงของพ่อ” ไปเผยแพร่ในต่างประเทศด้วย นั่นก็คือการจัดการแสดงคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติ เพลงพระราชนิพนธ์ฯ ขับร้องเป็นภาษาฝรั่งเศส ณ โรงละคร โคลด เลวี สเตราส์ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมการแสดงประมาณ 400 ท่าน ประกอบด้วยคณะทูตานุทูต ประธานสมาคมเครื่องราชอิสริยาภรณ์เลจิยง ดอนเนอร์ รองผู้อำนวยการใหญ่ ยูเนสโก ผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานต่างๆ ของฝรั่งเศส พร้อมภาคเอกชน โดยมีชุมชนชาวไทยในฝรั่งเศส โมนาโก สวิตเซอร์แลนด์ และประเทศใกล้เคียง รวมถึงสื่อมวลชนทั้งไทยและเทศเข้าร่วม

ในคอนเสิร์ต มีการขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ รวม 14 เพลง โดยมีศิลปินหลายท่านมาช่วยกันขับร้อง ร่วมกับวงดนตรีทาเคชิ แบนด์ นำโดย โก้ มิสเตอร์แซกแมน โดยมีนักดนตรีรับเชิญชาวฝรั่งเศส ฟรองค์ เอร์กอตต์ และซามูเอล แม็งโกด์ มาร่วมบรรเลงในสไตล์แจ๊ซ ประกอบด้วยจินตลีลาและการฉายมัลติมีเดีย สร้างสีสัน ความตื่นตาตื่นใจและความประทับใจให้แก่ผู้ชม ซึ่งทั้งหอประชุมต่างพร้อมใจลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับนักแสดงเป็นเวลานานหลังคอนเสิร์ตจบลง

ก่อนจาก พิ้งค์ ก็ได้ฝากถ้อยคำทิ้งท้ายไว้ว่า

“‘เพลงของพ่อ’ คือเสียงจากหัวใจ ที่สามารถพิชิตความแตกแยก สร้างความสามัคคีปรองดอง และความเอื้ออาทรที่มนุษย์โลกพึงมีต่อกัน ท่ามกลางความแตกต่างของวัฒนธรรมประเพณีและความคิด ซึ่งมักก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างไม่สิ้นสุด ตราบใดที่เราสามารถประสานเสียงของหัวใจให้กลมกลืนเป็นเพลงเดียวกัน ใจเรายังคงสู้...ความหวังยังคงอยู่เสมอค่ะ”

สำหรับคนที่สนใจอยากลองฟังเพลงก่อนซื้ออัลบั้มจริง สามารถฟังเพลงตัวอย่างและ Download โน้ตเพลงและเนื้อร้องได้ที่ www.gitsiravadha.org ส่วนผู้ที่สนใจซื้อซีดีและหนังสือเพลงพระราชนิพนธ์ภาษาฝรั่งเศส ชุด “ตราบสิ้นดินฟ้า...คีตาศิรวาท” สามารถซื้อได้ โดยมีสองขนาดให้เลือกสรร ขนาดใหญ่ เป็นชุดเพรสทีจ ราคา 2,900 บาท โดยมีหนังสือที่ระลึกที่สวยงาม ขนาด 28 x 28 ซม. พิมพ์ 4 สี รวม 130 หน้า รวบรวมพระราชประวัติภาษาไทยและฝรั่งเศส พระราชนิพนธ์โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประวัติเพลงพระราชนิพนธ์ทั้ง 27 เพลง พร้อมคำร้องภาษาไทยและฝรั่งเศส โน้ตเพลง และภาพสีน้ำประกอบบทเพลง อีกทั้งยังได้รับซีดี 2 แผ่นรวบรวมเพลงพระราชนิพนธ์ 27 เพลง อำนวยการผลิตโดยกิจจาศักดิ์ ตริยานนท์ ขับร้องเป็นภาษาฝรั่งเศสโดยศิลปินไทยและฝรั่งเศส อาทิ คริสตินา และ เทเรซ่า อากีลาร์ พิมดาว พานิชสมัย อรรถวดี จิระมณีกุล ภูริช สุขุมาลจันทร์ คริส เดกอง โลเรนโซ่ ซานโตส
 

ข่าวล่าสุด

บอร์ดเคาะแล้ว “ทรงพล” MD ออมสินคนใหม่ รอชัดอำนาจรักษาการเซ็นได้หรือไม่