posttoday

แสงฉายในยามเช้า ยุติธรรมหลังความตาย

23 เมษายน 2555

“ทุกคนตาย นั่นยุติธรรม”

โดย...โจ เกียรติอาจิณ

“ทุกคนตาย นั่นยุติธรรม”

เป็นประโยคเปิดฉากของนวนิยายเรื่องนี้ มันหนักแน่นในจังหวะน้ำเสียงที่เปล่งออกมา ขณะเดียวกันก็ยังแฝงนัยบางอย่างให้ผู้อ่านต้องทำการสืบค้นหาคำตอบต่อ

“ปุ้ง-วรฐิติ มโนสร้อย” ถ่ายทอดฉากและชีวิตผ่านแก่นเรื่องสำคัญ อันว่าด้วยตัวตนและความตาย จากประโยคเริ่มต้นที่ชวนสะดุดหู ค่อยๆ เชื่อมโยงไปสู่เหตุการณ์ ซึ่งมีเด็กหนุ่มกับคนขับแท็กซี่ทำหน้าที่เป็นผู้แสดงนำ โลก 2 ด้าน ดำขาว ของคน 2 คน จึงปรากฏให้เห็นในทุกๆ ย่างก้าว

“ผมเชื่อว่าทุกคนมีตัวตนที่หลากหลายนะครับ ตัวตนที่อยู่กับครอบครัว ตัวตนที่อยู่กับเพื่อน ตัวตนที่อยู่กับคนรัก โดยในแต่ละสถานการณ์ เราจะแสดงออกแตกต่างกันไป ก็เหมือนเราเป็นของเหลว ที่ถูกเทลงไปในภาชนะหนึ่งๆ ถ้าเราอยู่ในงานเลี้ยงหรู เราจะแสดงออกอย่างหนึ่ง ถ้าเราอยู่กลางวงเหล้าข้างถนน เราก็จะแสดงออกอีกอย่างหนึ่ง ผมก็เลยปิ๊งไอเดียเหล่านี้มาร้อยเรียงเป็นนิยาย ที่คาบเกี่ยวกันระหว่างความมืดกับแสงสว่างและความเป็นตัวตนของคนเรา”

“แสงฉายในยามเช้า” นวนิยายเรื่องแรกของนักเขียนหนุ่มไฟแรงชาวเชียงใหม่ ดีกรีปริญญาตรีคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีความมุ่งมั่นจะเอาดีบนเส้นทางวรรณกรรม เริ่มจากหัดเขียนเรื่องสั้นมาก่อน ได้รับการพิจารณาตีพิมพ์ลงนิตยสารอยู่บ่อยๆ

แสงฉายในยามเช้า ยุติธรรมหลังความตาย

“การเสพให้เยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง และสื่อศิลปะทุกแขนง ที่สำคัญคือการใช้ชีวิตให้หลากหลาย ลองทำอะไรเยอะๆ ทำอะไรแปลกๆ ไปเที่ยวที่แปลกๆ ฟังเพลงแปลกๆ อ่านหนังสือแปลกๆ พยายามหลุดออกจากกรอบเดิมๆ ที่เคยมี ลองก้าวออกมาจากสิ่งที่เคยทำเคยอยู่ ก็ช่วยให้ผมเจอแรงบันดาลใจและวัตถุดิบที่สามารถนำมาต่อยอดในงานเขียนได้เยอะทีเดียวครับ”

เช่นนวนิยายเรื่องนี้ ปุ้งยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจจากสิ่งรอบๆ ตัว แล้วเขาก็ทำหน้าที่หลอมรวมแรงบันดาลใจนั้นให้กลายเป็นเนื้อหาเข้มข้น แต่งแต้มด้วยบรรยากาศการเล่าเรื่องคล้ายกับฉากในภาพยนตร์เร้าระทึก สะท้อนความจริงที่มีจุดพลิกผันเกิดขึ้นในทุกๆ บรรทัด

“ความยุติธรรม หรือความไม่ยุติธรรม ผมว่าขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนนะ และอาจจะมีการตีความที่แตกต่างกันในแต่ละยุคสมัย แต่สิ่งสำคัญที่นิยายของผมต้องการจะสื่อ คือ ถึงแม้ว่าเรื่องบางเรื่องจะไม่ยุติธรรมกับเรา แต่ความตายเป็นความยุติธรรมสากลที่ทุกคนจะได้รับอยู่แล้วละครับ”

ในการประกวดรางวัล Yong Thai Artist Award (โดยมูลนิธิเอสซีจี) สาขาวรรณกรรม นวนิยายของปุ้งก็ชนะใจกรรมการอย่างเป็นเอกฉันท์ ครองความยอดเยี่ยมเหนือผลงานเล่มอื่นๆ โดยหนึ่งกรรมการ “สกุล บุณยทัต” ก็ลงความเห็นว่า ในฐานะนักเขียนหนุ่มถือว่าผู้เขียนได้ออกแบบเนื้องานชิ้นนี้ด้วยศิลปะทางการประพันธ์ที่มีเป้าหมายพุ่งตรงไปเบื้องหน้าอย่างชัดเจน

“การขับเคี่ยวที่คาบเกี่ยวกันระหว่างโลกด้านมืดกับโลกด้านสว่าง ความคลุมเครือต่างๆ นานา ล้วนมีส่วนสำคัญต่อการครอบงำวิถีการดำเนินไปของมนุษย์ในสังคมอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง ซึ่งนั่นหมายถึงบรรดาตัวละครทั้งหลายในนวนิยายเรื่องนี้ที่ถูกสร้างขึ้นมา ด้วยภาพลักษณ์ของการเป็นเหยื่อแห่งยุคสมัย”

ขณะที่ปุ้งเผยถึงกลวิธีการใช้ภาษาและลีลา เพื่อให้ได้มาซึ่งความสมบูรณ์ของนวนิยาย ชวนอ่านตั้งแต่หน้ากระดาษแรกจวบจนบรรทัดสุดท้าย

“สิ่งที่ผมคำนึงถึงคือความเรียบง่ายในรูปประโยค ผมจะเลี่ยงการเขียนที่สร้างความกำกวมหรือการใช้ลีลามาก แต่กลับลดทอนความชัดเจนของประโยคและอารมณ์ลง นิยายเรื่องนี้ผมใช้พลังและความอดทนค่อนข้างสูงในการเขียน ต้องให้เวลากับมัน ต้องให้ความใส่ใจและความละเอียดลออกับมัน หลายครั้งที่ท้อแท้และเปล่าประโยชน์ที่จะเขียน บางครั้งผมก็เกิดคำถาม เขียนไปแล้วใครจะอ่าน แต่พอเขียนมันเสร็จผมกลับรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมมากๆ

อีกหนึ่งนวนิยายที่น่าสนใจ ว่างๆ ก็ลองหยิบมาพลิกอ่าน เด็กหนุ่ม แท็กซี่ เมืองใหญ่ ไฟระยิบระยับ เปลวเพลิงสุริยะ เพลงแจ๊ซ เสียงเหยียบคันเร่ง กลิ่นดินปืน ความฝัน ความสุข การเกิดใหม่ และ---ทุกคนตาย นั่นยุติธรรม

 

 

ข่าวล่าสุด

LIVE ถ่ายทอดสด สเปอร์ส พบ ลิเวอร์พูล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68