posttoday

มูอัมบา กับปาฏิหาริย์โกงความตาย

25 มีนาคม 2555

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใครที่ชมเกมในวันนั้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในสนาม ถ่ายทอดสด

โดย...มิวโกโตะ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใครที่ชมเกมในวันนั้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในสนาม ถ่ายทอดสด หรือคลิปเหตุการณ์ทางอินเทอร์เน็ต จะมีความคิดแวบเข้ามาในหัวว่าโอกาสรอดของ ฟาบริซ มูอัมบา นั้นยากมาก มันไม่ใช่เกิดขึ้นเพราะแช่ง แต่เป็นเพราะอย่างที่ทราบกันว่าโรคหัวใจวายเฉียบพลันได้พรากผู้คนไปจากโลกใบนี้มาแล้วมากมาย และอีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่โรคดังกล่าวเล่นงานคนกีฬา

ย้อนวันรำลึก

หากใครยังจำกันได้ 9 ปีที่แล้ว ในศึกคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ที่ประเทศฝรั่งเศส มาร์ค วิเวียน โฟเอ นักฟุตบอลชาวแคเมอรูน ก็มีอาการเช่นเดียวกับมูอัมบานี้ แต่ต่างกันที่จุดจบซึ่ง โฟเอ เป็นผู้โชคร้ายในวันนั้น อันโตนิโอ ปวยร์ตา มิดฟิลด์ของทีมเซบียา ในศึกลาลีกาสเปน ก็เสียชีวิตด้วยอาการหมดสติในสนามเช่นกัน

อย่างในบ้านเราเองก็มีเคสลักษณะนี้เช่นกัน ในฤดูกาลที่แล้ว อาเหม็ด กามารา นักเตะต่างชาติของทีมเอฟซี ภูเก็ต ที่เกิดโรคหัวใจกำเริบระหว่างแข่งขัน แม้แพทย์จะยื้อชีวิตไว้ได้ แต่การที่เลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง จึงทำให้นักเตะรายนี้นอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ในปัจจุบัน ส่วนสาเหตุนั้นเป็นเพราะ “คุณคือนักกีฬา”

มูอัมบา กับปาฏิหาริย์โกงความตาย

 

‘โรคหัวใจ’ ภัยเงียบนักกีฬา

หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน เผยแพร่บทความของ ดร.ทอม ริดดิงตัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหัวใจจากโรงพยาบาลชื่อดังในยอร์กไชร์ ประเทศอังกฤษ ระบุว่า อาการของโรคที่ทำให้นักกีฬาหนุ่มที่ร่างกายแข็งแรง มีพละกำลังวังชาสมบูรณ์เสียชีวิตอย่างเฉียบพลันคืออาการที่เรียกว่า Hypertrophic Obstructive Cardiomyopathy หรือ ใช้ศัพท์เรียกว่า Hocum อาการดังกล่าวเป็นกลุ่มอาการผิดปกติของหัวใจที่มาจากการพัฒนาจากการฝึกฝนร่างกายหรือการฝึกซ้อมของนักกีฬา

หากยิ่งฝึกฝนร่างกายมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้อาการดังกล่าวกำเริบมากขึ้น และอาจส่งผลทำให้ผนังหัวใจหนาเกินไป จนทำให้การไหลเวียนของเลือดเข้าหรือออกจากหัวใจไม่ปกติ อันเป็นที่มาของภาวะเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งถ้านักกีฬาคนนั้นโชคดีก็อาจมีสัญญาณเตือน อาทิ หายใจติดขัด หรือเจ็บหน้าอก อย่างไรก็ตามสัดส่วนผู้มีโอกาสมีอาการดังกล่าว อยู่ที่ 0.2% ซึ่งถือว่าไม่มาก แต่หากเกิดอาการแล้วก็ถือว่าเสี่ยงต่อชีวิตมาก โดยที่ผ่านมามีความพยายามศึกษาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพยายามหาทางป้องกัน แต่อุปสรรคคือ ยากมากที่จะระบุเจาะจงว่าใครคือผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอาการ

ชายปริศนาผู้ช่วยชีวิต

นอกจากทีมแพทย์ในสนามและโรงพยาบาล ที่พร้อมใจช่วยกันเซฟลมหายใจ มูอัมบา ไว้ได้แล้ว อีกคนหนึ่งที่ช่วยชีวิตมิดฟิลด์ “เดอะ ทรอตเตอร์ส” รายนี้คือ โจเซ มูรินโญ กุนซือ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด

แม้ในคืนเกิดเหตุ มูอัมบา และ มูรินโญ จะอยู่คนละประเทศ แต่เชื่อหรือไม่ว่า โค้ชชาวโปรตุกีส มีส่วนสำคัญที่ทำให้แข้งโบลตันรอดตายได้อย่างเหลือเชื่อ

เหตุการณ์ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนเรื่องความปลอดภัยในสนามของนักเตะเกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่ง ปีเตอร์ เช็ค ผู้รักษาประตูเชลซีเกิดปะทะกับผู้เล่นเรดดิงอย่างรุนแรงจนกะโหลกศีรษะร้าว แต่กว่ารถพยาบาลจะเดินทางมาช่วยนายด่านจอมหนึบ ก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมง จนเป็นเหตุให้ มูรินโญ ที่คุมทีม “สิงห์บลู” ในเวลานั้น เกิดอาการฟิวส์ขาด ไล่ด่าฝ่ายจัดการแข่งขันแบบไม่ไว้หน้า

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้รักษาประตูของผมต้องรอรถพยาบาลถึง 30 นาที มันเป็นสิ่งที่ฟุตบอลอังกฤษต้องคิดถึงไม่ใช่เหรอ เรื่องนี้มันสำคัญยิ่งกว่าฟุตบอลอีกนะ” คำจวกของ มูรินโญ 6 ปีก่อน

มูอัมบา กับปาฏิหาริย์โกงความตาย

 

แต่หารู้ไม่ว่า คำพูดและคำตำหนิในวันนั้นส่งผลให้พรีเมียร์ ลีกและเอฟเอต้องทบทวนความปลอดภัยด้านการแพทย์ใหม่ทั้งหมด จนได้ข้อสรุปและกฎใหม่ขึ้นดังต่อไปนี้

-ต้องมีรถพยาบาลมาจอดอยู่ที่สนาม เอาไว้ใช้สำหรับนักเตะโดยเฉพาะ

-แต่ละสโมสรต้องมีแพทย์ประจำทีมในเกมแข่งขันพรีเมียร์ ลีก

-แพทย์จะต้องนั่งอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรอง

-แพทย์และนักกายภาพบำบัดทั้งหมดจะต้องผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการช่วยเหลือชีวิตและการรักษาในภาวะฉุกเฉินขั้นสูง

-หน่วยกู้ชีพอย่างน้อย 2 คน ต้องอยู่ข้างสนาม เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นในสนาม

-สโมสรเจ้าบ้านต้องจัดเตรียมเอกสารข้อมูลทางการแพทย์ให้กับทีมเยือน โดยมีการระบุหมายเลขโทรศัพท์และสถานที่ตั้งของโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

-สโมสรเจ้าบ้านต้องมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พร้อมใช้ ซึ่งผ่านการรับรองจากพรีเมียร์ ลีก

-นักเตะทุกคนต้องได้รับการตรวจร่างกายประจำปี

ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องหลายคนลงความเห็นว่ากฎใหม่นี้ล่ะ ที่เป็นตัวช่วยให้ มูอัมบา รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์

ปาฏิหาริย์ที่ไม่รอแค่โชค

หากจะใช้คำว่า ปาฏิหาริย์ ในการรอดชีวิตกับกรณีนี้ก็คงไม่ผิดอะไร เพราะมีการเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า มูอัมบา หัวใจหยุดเต้นไปนานถึง 78 นาที ระหว่างนอนอยู่บนพื้นสนามไวต์ฮาร์ตเลน กว่าจะถึงมือแพทย์ที่โรงพยาบาล “ลอนดอน เชสต์” ซึ่งถ้ารอคอยพึ่งโชคชะตาอย่างเดียว รับรอง ดาวเตะพรสวรรค์ดวงนี้มีอันต้องโบกมือลาโลกแน่ๆ แต่เพราะการได้รับความช่วยเหลืออย่างถูกต้องและทันท่วงที ปาฏิหาริย์จึงเกิดขึ้นได้

“ต้องขอบคุณการปฐมพยาบาลอันรวดเร็วของแพทย์ประจำทีมสเปอร์สและโบลตัน ที่ช่วยยื้อชีวิต มูอัมบา กันสุดฤทธิ์ หัวใจเขาหยุดเต้นไปนานถึง 48 นาที นับตั้งแต่ล้มลงไปนอนตอนอยู่ในสนามจนถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และอีก 30 นาที ที่ทีมแพทย์ระดมช่วยเขาจนกระทั่งกลับมาหายใจได้ในที่สุด” โจนาธาน โทบิน แพทย์ประจำทีมโบลตัน กล่าวย้อนถึงเหตุการณ์ที่จะไม่ลืมไปตลอดชีวิต

ปลุกกระแสดูแลหัวใจ

หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันของ มูอัมบา ทำให้หลายสโมสรตื่นตัวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยแต่ละทีมได้เพิ่มความละเอียดในการตรวจหัวใจของผู้เล่นมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่ฟุตบอลเท่านั้น แต่มันลามไปถึงกีฬาแขนงอื่นอย่างเทนนิส เมื่อ แอนดี เมอร์เรย์ นักหวดมือ 4 โลก ชาวสกอตติช ที่ออกโรงเรียกร้องให้มีการตรวจสภาพหัวใจก่อนลงแข่งขันในรายการต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เล่นหมดสติในสนาม จนอาจนำไปสู่ความสูญเสียที่คาดไม่ถึงได้

มูอัมบา กับปาฏิหาริย์โกงความตาย

 

“ผมเริ่มเช็กหัวใจมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ทั้งการสแกนหัวใจ การมอนิเตอร์หัวใจและการเทสต์อื่นๆ ผมเริ่มทำอะไรพวกนี้หลังจากที่เรื่องแบบนี้ (นักกีฬาหมดสติระหว่างแข่งขัน) เริ่มเกิดขึ้นบ่อย มันไม่ใช่เรื่องที่วงการเทนนิสจะทำกัน แต่ผมคิดว่ามันน่าจะมีนะ ทุกคนควรที่จะได้รับการเช็กจากแพย์ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้ลงสนาม เพราะว่าถ้ามันเกิดเรื่องร้ายขึ้นแล้ว มันก็เป็นอะไรที่เลวร้ายมาก หากเราได้เป็นประจักษ์พยาน” เมอร์เรย์ กล่าว

ไม่มีศัตรูนอกสนาม

ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกับกองกลางโบลตันนั้น มีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่เช่นกัน เมื่อมิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมอาชีพถูกเปิดเผยออกมาอย่างน่าชื่นชมภายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะสนามซ้อม สนามแข่งจริง เรามักเห็นข้อความให้กำลังใจ มูอัมบา จนเป็นภาพชินตา รวมถึงนักเตะซูเปอร์สตาร์ที่เดินทางไปเยี่ยมถึงขอบเตียงทุกวัน มันจึงทำให้รู้ว่า เกมกีฬามีศัตรูแค่ในสนามเท่านั้น


ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย

ไม่ต้องรอให้วัวหายหมอเมืองผู้ดีก็ล้อมคอกได้ เมื่อ เอียน เบียสลีย์ แพทย์ประจำทีมชาติอังกฤษ ออกมาเปิดเผยว่า ศูนย์พัฒนากีฬาแห่งใหม่บริเวณสวนเซนต์ จอร์จ ที่กำลังจะเปิดในช่วงซัมเมอร์นี้ จะช่วยให้มาตรฐานการรักษานักกีฬาในสนามดีขึ้น และจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดกรณีอย่าง ฟาบริซ มูอัมบา อีก

“เราจะตรวจสอบสภาพของผู้เล่นอย่างละเอียดยิบเลยทีเดียว เราจะดูตั้งแต่โครงสร้างกระดูกของพวกเขา เฝ้าระวังเรื่องอัตราการเต้นของหัวใจและมีการตรวจสอบในเรื่องนี้อยู่เสมอ และเราก็จะดูตั้งแต่ระดับเยาวชนไปจนถึงระดับชาติเลย ศูนย์แห่งใหม่ที่สวนเซนต์ จอร์จ เป็นอะไรที่ผมต้องการมาโดยตลอด ซึ่งมาตรฐานของมันดีกว่าศูนย์การแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของฟีฟ่าเสียอีก” เบียสลีย์ กล่าว

ขณะนี้อาการกองกลางวัย 23 ปี อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย สามารถจดจำครอบครัวและเพื่อนฝูงของเขาได้ นอกจากนั้นยังสามารถสนทนาและโต้ตอบกลับมาอย่างมีอารมณ์ขันได้เป็นครั้งคราวด้วย อย่างไรก็แล้วแต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในกระบวนการรักษาตัว ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลายาวนานพอสมควร อีกทั้ง ดร.ทาเฮียร์ โมฮิอุดดิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจก็ไม่อาจฟันธงได้ว่า ฟาบริซ มูอัมบา จะกลับมาลงเล่นได้หรือไม่ แต่สำหรับครอบครัวและคนรอบข้างแล้ว การได้ชีวิต มูอัมบา นั่นก็เพียงพอแล้ว

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68