นพภาภรณ์ ณ ศีลวันต์ ความสุขของหลี
คุณหลีนพภาภรณ์ ณ ศีลวันต์ เจ้าของธุรกิจเครื่องบินเจ็ตและเฮลิคอปเตอร์เช่าเหมาลำ
โดย...กาญจน์ อายุ
คุณหลี-นพภาภรณ์ ณ ศีลวันต์ เจ้าของธุรกิจเครื่องบินเจ็ตและเฮลิคอปเตอร์เช่าเหมาลำที่ให้บริการระดับวีไอพีเจ้าเดียวในประเทศไทย เธอมีธุรกิจที่สร้างผลกำไรเป็นเท่าตัวทุกปี และเธอมีคู่ชีวิตที่เข้าใจและอยู่เคียงข้างกันมาเกือบ 10 ปี ฟังแล้วช่างสมบูรณ์แบบสำหรับหญิงวัยกลางคน แต่เธอยังไม่หยุดแสวงหาความสุข สุขที่ไม่เกี่ยวกับเงิน แต่คือความสุขที่ได้มาจาก “การค้นพบสิ่งใหม่”
ธุรกิจลอยฟ้า
คุณหลีเปิดบริการให้เช่าเหมาลำเฮลิคอปเตอร์เมื่อกว่า 4 ปีที่แล้ว เนื่องด้วยทางครอบครัวมีเฮลิคอปเตอร์อยู่ลำหนึ่งที่ใช้กันเองภายใน แต่การบำรุงรักษาต้องใช้เงินมากถึงเดือนละเป็นล้านบาท ทำให้ครอบครัวเกิดความคิดให้ผู้อื่นสามารถเช่าเฮลิคอปเตอร์ได้ โดยคิดค่าเช่าเป็นชั่วโมงพร้อมนักบินที่จะนำลูกค้าไปส่งตามจุดจอดทั่วประเทศไทย คุณหลี เล่าว่า ธุรกิจให้เช่าเฮลิคอปเตอร์ในไทยมีอยู่หลายเจ้า แต่ของคุณหลีเป็นเพียงเจ้าเดียวที่ให้บริการแบบวีไอพี ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจ มหาเศรษฐี ตลอดจนทีมนักข่าวที่ต้องการภาพมุมสูงที่จะมาใช้บริการเฮลิคอปเตอร์ของคุณหลีเป็นประจำ
“เริ่มแรกหลีมีเฮลิคอปเตอร์อยู่ลำเดียวเป็นของครอบครัว แต่เมื่อเริ่มทำเป็นธุรกิจก็ได้ผลตอบรับที่ดีมาก ธุรกิจโตร้อยเปอร์เซ็นต์ตลอด 4 ปีครึ่งที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้มีเฮลิคอปเตอร์ให้บริการ 4 ลำแล้ว ข้อดีของการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์คือสามารถนำท่านไปลงตามจุดจอดที่ต้องการได้โดยไม่ต้องลงที่สนามบิน และยังได้ชมวิวด้านล่างระหว่างทางได้ด้วย เพราะเฮลิคอปเตอร์จะบินได้เร็วประมาณ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง”
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง คุณหลีได้เพิ่มการบริการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวที่ให้เช่าเหมาลำคิดเป็นชั่วโมงพร้อมนักบิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และสามารถให้บินได้ไกลถึงต่างประเทศที่ใช้เวลาบินไม่เกิน 6 ชั่วโมงบิน
เธอบอกว่าธุรกิจนี้จะทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว และความหรูหราระดับเฟิสต์คลาส สุดท้ายเธอได้เผยราคาเช่ายั่วน้ำลายผู้อ่านกระเป๋าหนักว่าเครื่องเฮลิคอปเตอร์คิดค่าเช่าชั่วโมงละ 87,500 บาท และเครื่องบินเจ็ตชั่วโมงละ 2 แสนบาท รับรองการบริการแบบวีไอพีและแบบเฟิสต์คลาสและความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
สุขบนเรือสำราญ
คุณหลีและสามี คุณไชยไชย ณ ศีลวันต์ ติดอกติดใจการเที่ยวกับเรือสำราญที่นับแล้วเธอและสามีเที่ยวมาประมาณ 10 ครั้งแล้ว เธอเล่าว่าเธอเริ่มการเที่ยวกับเรือสำราญเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมาแล้ว หลังจากนั้นก็เที่ยวแบบนี้มาทุกปี และบางปีเที่ยวถึง 2 ครั้ง “การไปเที่ยวด้วยเรือสำคัญใช้เวลาตั้งแต่ 1 อาทิตย์ไปถึงเป็นเดือน แต่เราจะได้เที่ยวหลายจุด ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปมาก เพราะเรือจะล่องไปตอนกลางคืนและจอดให้เราขึ้นฝั่งไปเที่ยวในตอนเช้า เช่น วันหนึ่งเราอยู่ประเทศนี้ พอตื่นเช้ามาเราอยู่อีกประเทศหนึ่งแล้ว ทำให้ทุกวันเราจะได้เจอสิ่งใหม่ๆ ตลอด และเวลาอยู่บนเรือเราก็สนุกไปกับสิ่งที่เรือสำราญมอบให้ทั้งโชว์ โรงภาพยนตร์ ร้านค้า หรือสปา”
คุณหลีมีความตั้งใจที่จะเที่ยวด้วยเรือสำราญปีละครั้ง เปลี่ยนเส้นทางไปเรื่อยๆ ให้ครบทั่วโลก เส้นทางที่เธอและสามีวางแผนที่จะไปต่อในปีนี้เธอจะล่องเรือไปจอร์แดน ซีเรีย เพื่อไปสัมผัสวัฒนธรรมที่ต่างจากเรา ไปดูสถาปัตยกรรมที่เราไม่เคยเห็น และที่สำคัญที่สุด เพื่อไปรีชาร์จพลังให้ชีวิตคู่
“การเที่ยวด้วยเรือสำราญต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ก็จริง แต่ตลอดเวลาที่อยู่ในทริป เราไม่ต้องจ่ายค่าอะไรเพิ่ม รวมทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ค่าที่พัก เว้นแต่ค่าช็อปปิ้งที่แล้วแต่คนว่าจะเสียมากเสียน้อย ดังนั้นคนที่มีเก็บหลีอยากแนะนำให้มาเที่ยวแบบนี้ดู เพราะมันคุ้มมาก คุณจะได้ไปเห็นผู้คน บ้านเมือง วัฒนธรรมที่ไม่เคยเห็น และคุณจะได้รับข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่อย่างที่หลีได้มาด้วย เพราะคนส่วนใหญ่บนเรือจะเป็นคนแก่ต่างชาติ บางคู่มาฉลองครบรอบแต่งงานสี่สิบห้าสิบปี และบางคู่ที่หลีได้คุยด้วยฝ่ายชายอายุ 101 ปี ฝ่ายหญิงอายุ 99 ปี แต่พวกเขายังเดินจูงมือกัน เดินไปเที่ยวด้วยกัน หลีได้จดจำภาพเหล่านั้นแล้วเอามาเป็นอย่างในชีวิตของหลีเอง"
สุขบนความตื่นเต้น
นอกจากการเที่ยวด้วยเรือสำราญ คุณหลีและสามียังชอบเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ เธอเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งเคยไปโรยตัวลงถ้ำดูหนอนเรืองแสง และเคยกระโดดบันจี้จัมพ์ที่นิวซีแลนด์ ครั้งหนึ่งเคยไปส่องสัตว์ที่แอฟริกาใต้ ได้ขึ้นบอลลูนดูสัตว์และรับประทานอาหารกลางวันท่ามกลางสัตว์ และครั้งหนึ่งเธอเคยไปดูปลาปิรันย่าที่แม่น้ำอะเมซอนมาแล้ว
“ชีวิตเรายังมีอะไรให้เห็นอีกเยอะ ดังนั้นถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ก็ต้องตามหาสิ่งใหม่ๆ ต่อไป มีคนเคยพูดกับหลีว่า การหาความสุขต้องมีสามสิ่ง หนึ่งคือเงิน สองคือเวลา สามคือกำลัง วัยรุ่นมีเวลา มีกำลัง แต่ไม่มีเงิน วัยแก่มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีกำลัง วัยกลางคนมีเงิน มีกำลัง แต่ไม่มีเวลา ซึ่งหลีอยู่ในวัยกลางคนที่หาสิ่งที่ขาดได้ง่ายสุดแล้วนั่นคือ เวลา ดังนั้นหลีและคุณชัยจึงสรรหาเวลาเพื่อหาความสุข และความสุขของเราสองคนคือการท่องเที่ยว ดังนั้นหลีจึงต้องรู้จักหยุด หยุดเพื่อรีชาร์จ และเมื่อเต็มแล้วก็กลับมาทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง”
ความสุขคนเราต่างกัน
ถามคุณหลีว่าคิดอย่างไรกับข้ออ้าง “ไม่มีเวลาเที่ยว” เธอตอบได้อย่างน่าคิด “มันไม่ใช่ข้ออ้าง แต่มันคือสิ่งที่เขาตั้งใจทำ เพราะเป้าหมายในชีวิตของคนเรามันต่างกัน เป้าหมายของบางคนอยู่ที่การเติบโตของธุรกิจ มีผลกำไรและมีลูกน้อง ความสุขของเขาอยู่ตรงนั้น และเขาก็พยายามทำมันให้ดี แต่ความสุขของหลีและคุณชัยไม่ได้อยู่ที่เนื้อเงิน แต่มันอยู่ที่คุณภาพชีวิตในแต่ละวัน อยู่ที่ความสุขในชีวิตคู่ ซึ่งสิ่งที่จะทำให้เกิดสองสิ่งนี้ได้คือการท่องเที่ยว เมื่อเราได้เที่ยวด้วยกัน เราจะมีเวลาคุยกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตกัน พบกับสิ่งใหม่ๆ พร้อมกัน และมีประสบการณ์ร่วมกัน สิ่งเหล่านี้แหละคือความสุขที่แท้จริงของหลี”
นอกจากความสุขที่ได้เที่ยวกับคนรัก คุณหลียังบอกเล่าแง่มุมสุขของคำถาม “ทำไมไม่มีลูก” เธอตอบว่า
“คุณพ่อสามีเคยสอนหลีให้ถามตัวเองว่า ตอนนี้เรามีความสุขพอไหม แล้วอยากมีความทุกข์เพิ่มหรือเปล่า ถ้าคำตอบคือไม่ และพึงพอใจกับความสุขในตอนนี้มันก็เพียงพอแล้ว เพราะลูกนั้นคือความสุขจริง แต่ความสุขนั้นย่อมมีความทุกข์ตามมา ถ้าเราเพียงพอกับความสุข ณ ขณะนี้ เราก็ไม่จำเป็นที่จะมีความทุกข์เพิ่ม”
ถามตัวเองว่า “ความสุขของตัวเองคืออะไร?” ถ้าตอบตัวเองได้แล้ว...ก็เดินทางไปหามันให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่ว่าอย่างไร ความสุขจะไม่มีวันเดินมาหาเรา


