ลำเอียง
อย่างที่บอกไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ในพระไตรปิฎก มหานิธิทางปัญญาของมวลมนุษยชาติ
อย่างที่บอกไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ในพระไตรปิฎก มหานิธิทางปัญญาของมวลมนุษยชาติ
ล้วนถูกบรรจุด้วยหลักคำสอนอัศจรรย์ สิ่งที่ทรงสอนจากพระโอษฐ์ของพระองค์ไม่เคยผิดและเป็นจริงเสมอ
ข่าวชายหนุ่มคนหนึ่งฉีกธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวนล้านกว่าบาททิ้งก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เรื่องพิลึกพิลั่นพันลึกอะไรหรอก
แต่สิ่งที่เขาทำนั้นเป็นเพราะความน้อยใจพ่อของตัวเอง ที่นำเงินจำนวนมากไปช่วยเหลือร้านทองของพี่ชายและพี่สะใภ้ที่ไปเปิดร้านทองสาขาใหม่
ความคิดชั่ววูบจึงอุบัติขึ้น เขาแอบนำเงินบางส่วนเก็บสะสมมาเรื่อยๆ นานกว่า 2 ปี คาดว่ามีประมาณ 1 ล้านบาทเศษ แต่ต่อมาเกิดความกลัวว่าพ่อจะจับได้ จึงนำธนบัตรมาทำลายทิ้งดังกล่าว
ขอบอกว่าเรื่องที่จะพูดถึงในวันนี้ ไม่ได้ไกลจากเรื่องของหนุ่มวัย 30 ต้นๆ ผู้ฉีกแบงก์พันทิ้ง
ขอหยิบพระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ เล่มที่ 21 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 13 อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต พลิกไปดู “อคติสูตร” สูตรที่ว่าเรื่องความ “ความลำเอียง” ธรรมชาติธรรมดาที่มีอยู่ในมนุษย์นั่นเอง
พระสูตรนี้พระพุทธองค์รับสั่งกับเหล่าภิกษุเมื่อครั้งประทับ ณ คาม แคว้นวัชชี ผมขอสรุปความในพระสูตรนี้มากล่าวคร่าวๆ
อคติ หรือความลำเอียง นั้น มี 4 ประการ คือ ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะรัก โทสาคติ ลำเอียงเพราะชัง โมหาคติ ลำเอียงเพราะหลง (ขาดปัญญา) และภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว
พระองค์ตรัสว่า ผู้ที่ประพฤติล่วงธรรม (สิ่งอันดีงาม) เพราะอคติ 4 ประการนี้ เกียรติยศ ชื่อเสียง ของบุคคลนั้นนับวันจะเสื่อมลงไปเรื่อยๆ เปรียบเหมือนพระจันทร์ข้างแรม
ในขณะเดียวกัน ก็ตรัสว่า ถ้าบุคคลใดไม่มีความลำเอียงเพราะมูลเหตุทั้งสี่นี้ เกียรติยศ ชื่อเสียงของผู้นั้นย่อมเจริญขึ้นเรื่อยๆ เปรียบเหมือนพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะรัก ชอบ พอใจ พิศวาส เช่น เข้าข้างสนับสนุนฝ่ายผิด เพราะชอบพอหลงใหลบูชาเป็นส่วนตัว
โทสาคติ ลำเอียงเพราะโกรธ เกลียด ชัง ไม่พอใจ เช่น ไม่เข้าข้าง ไม่สนับสนุนฝ่ายที่ทำถูก เพราะไม่ชอบเป็นการส่วนตัว
โมหาคติ ลำเอียงเพราะเชื่อโดยลุ่มหลง ขาดการใช้ปัญญาพินิจพิเคราะห์จนไม่อาจมองเห็นธรรมความถูกต้อง เช่น เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยไม่ทราบข้อเท็จจริง
ภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัวอำนาจ บารมีของผู้อื่น เช่น มีพฤติการณ์เข้าข้างฝ่ายที่สามารถให้คุณและให้โทษแก่ตนเพราะกลัวเสียประโยชน์
ผมว่าสังคมไทยเกือบ 10 ปีมานี้ เห็นภาพได้ค่อนข้างชัดในเรื่องของธรรมที่ว่าด้วยความลำเอียงนี้ แทรกซึมอยู่จนบางครั้งก็ปริแตกให้เห็นจะจะ
มีสุภาษิตว่า ความลำเอียง อยู่ที่ไหน ความไม่เป็นธรรม ย่อมอยู่ที่นั่นเสมอ และผลที่จะตามมาสำหรับคนที่มีจิตสหรคตด้วยอคติธรรมทั้งหลายนี้ก็คือ ความเสื่อมศรัทธาของคน!!!
ถ้าผู้นำลำเอียง ลูกน้อง (ที่ถูกปฏิบัติ) ก็เสื่อมศรัทธา
ถ้าเจ้าอาวาสลำเอียง พระลูกวัด (ที่ถูกปฏิบัติ) ก็หมดศรัทธา
ถ้าพ่อแม่ลำเอียง ลูก (ที่ถูกปฏิบัติ) ก็หมดศรัทธา ฯลฯ
กรณีหนุ่มฉีกแบงก์พันทิ้งเพราะน้อยใจพ่อ ก็เพราะเขาคิดว่าพ่อลำเอียง...(นั่นเป็นความคิดของเขา อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้) แต่อยากจะบอกว่าการที่ผู้ปกครองทั้งหลายที่มักทำให้เด็กมีความรู้สึกว่า “ลำเอียง” ย่อมไม่ก่อให้เกิดผลดีครับ
พ่อแม่ควรรักลูกเท่ากัน แต่ในความเป็นจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น พ่อแม่อาจมีสิทธิรักลูกแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ก็ควรให้ความยุติธรรมเท่ากันนะครับ
นี่ไงคำสอนของพระพุทธเจ้า...มันเป็นตามที่พระองค์ตรัสไว้ไม่ผิดเสมอ


