posttoday

ต่างวัฒนธรรม ต่างกินข้าว

03 กุมภาพันธ์ 2555

ชาวแก๊งของผู้เขียนกำลังอยู่ในช่วงบ"อดข้าว"

โดย...เพ็ญแข สร้อยทอง

ชาวแก๊งของผู้เขียนกำลังอยู่ในช่วง “อดข้าว”

เนื่องจากน้ำหนักตัวที่พุ่งพรวดแบบไม่บันยะบันยัง แต่ภารกิจของพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะว่าเราต่างเป็นคนไทยที่ถูกสอนให้รับประทานข้าวเป็นอาหารหลักมาตั้งแต่จำความไม่ได้...!!!

ต่อมาชาวแก๊งจึงเปลี่ยนนโยบายเป็น “ลดข้าว” คือ ยังรับประทานอยู่บ้าง แต่น้อยลง ค่อยยังชั่ว ไม่อย่างนั้นไม่ใครก็ใครต้อง “ลงแดงข้าว” กันบ้างล่ะ!!!

ข้าวเป็นอาหารประจำชาติของไทย คนไทยรับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก ไม่ว่าจะเป็นข้าวเจ้าของคนไทยภาคกลางหรือภาคใต้ หรือจะเป็นข้าวเหนียวของคนไทยภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ

เมื่อลองมองไปรอบๆ ตัวจะเห็นว่าไม่ได้มีคนไทยที่รับประทานข้าว หากยังมีอีกหลากหลายสังคมและวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับข้าว (ซึ่งไม่ผ่านการดัดแปลงเป็นแป้งเป็นเส้นต่างๆ)

ต่างวัฒนธรรม ต่างกินข้าว

 

คือชีวิตของชาวเอเชีย

ประเทศที่รับประทานข้าวมากเป็นอันดับ 1 ของโลก คือ จีน ตามด้วยอินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งล้วนเป็นดินแดนในเอเชีย ประเทศนอกทวีปเอเชียก็มีบราซิล สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ ฯลฯ ซึ่งบริโภคข้าวติดอันดับโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกานั้นมีผลสำรวจพบว่า คนวัยผู้ใหญ่จำนวน 1 ใน 5 คน จะรับประทานข้าวทุกวัน

ในเอเชียนั้นดูจะมีแค่สิงคโปร์และบรูไนที่ไม่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งชาติที่รับประทานข้าวกันมาก ข้าวญี่ปุ่นจะเป็นเมล็ดสั้นๆ อ้วนๆ หลายปีหลังที่เมืองไทยมีขายเป็นพันธุ์จากญี่ปุ่น แต่ปลูกที่บางจังหวัด เช่น เชียงราย เป็นต้น ข้าวที่หุงออกมาแล้วจะแฉะๆ หากเป็นข้าวที่จะนำมาทำซูชิ ในเวลาหุงต้องใส่น้ำส้มสายชูญี่ปุ่น รวมทั้งเกลือและน้ำตาลลงไปด้วย บางสูตรใส่เหล้ามิรินแทนน้ำส้มสายชู

คนญี่ปุ่นก็เหมือนคนไทยที่เรียกมื้ออาหารว่า กินข้าว อย่างเช่นข้าวเช้าก็หมายถึงอาหารเช้า แม้ว่าจะไม่มีข้าวในมื้อนั้นก็ตาม

อาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่รู้จักกันทั่วไปคือ ซูชิ หรือข้าวปั้นหน้าต่างๆ นอกจากนี้ก็ยังมีข้าวราดแกงกะหรี่ที่เครซีกันทั่วโลก ไม่ยกเว้นแม้ในบ้านเรา ซึ่งวันนี้มีร้านที่ขายข้าวแกงกะหรี่ล้วนๆ มาเปิดขาย และได้รับการต้อนรับจากนักชิมชาวไทยไม่น้อย บางร้านถึงกับต้องรอคิวยาววววว เป็นร้อยเมตรเลยทีเดียว

อีกหนึ่งชาติที่ให้คุณค่ากับข้าวคือ เกาหลี เมื่อครั้งที่เราได้มีโอกาสพบกับมาดามคิมฮันนา ผู้จัดการและเชฟแห่งเกาหลีคองจูคายากึม โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส เธอได้บอกเล่าให้ฟังว่า ข้าว กิมจิ และซุป เป็น 3 สิ่งที่ทำให้คนเกาหลีอิ่มท้องแบบง่ายๆ ในทุกมื้อตั้งแต่เช้ายันเย็น

ต่างวัฒนธรรม ต่างกินข้าว

 

ข้าวเกาหลีเป็นข้าวเมล็ดสั้น มีรสชาติที่คล้ายกับข้าวเหนียวบ้านเรา หอมและนุ่ม นอกจากข้าวขาวๆ ร้อนๆ แล้ว คนเกาหลียังทำข้าวปั้น อย่างเช่นคิมบับ หรือข้าวห่อสาหร่ายซึ่งมีส่วนคล้ายคลึงกับตำรับของชาวญี่ปุ่นอยู่มาก นอกจากนี้แล้วชาวเกาหลีก็มักนำข้าวไปผัดและต้มกับผักหรือเนื้อสัตว์เช่นเดียวกับคนไทย

ถ้าพูดถึงข้าวจานเด็ดที่คนรักอาหารเกาหลีทั่วโลกรู้จักคือ ข้าวยำเกาหลี หรือที่เรียกว่า บีบิมบับ เป็นเมนูง่ายๆ แต่มีเครื่องเคราเยอะมาก โดยเฉพาะผักต่างๆ ที่ต้องนำมาหั่นซอยให้บางเล็ก ก่อนนำไปวางบนข้าวสวย โปะไข่ไว้ด้านบน ก่อนจะตีให้แตกคลุกซึมไปกับข้าวร้อนๆ และรับประทาน

อืออม์ ... อร่อย

ริซอตโต...ข้าวของชาวอิตาเลียน

คนเอเชียกับข้าวนั้นเป็นของคู่กัน ขณะที่ชาวตะวันตกไม่ค่อยคุ้นเคยกับการรับประทานข้าวนัก บ่อยครั้งเราจึงเห็นเพื่อนต่างชาติใช้ส้อมจิ้มข้าวเข้าปากอย่างไม่คุ้นเคยนัก แต่มีหนึ่งชาติที่มีหลายอย่างคล้ายคลึงกับชาวเอเชีย รวมทั้งการรับประทานข้าว นั่นคือ ชาวอิตาเลียน และข้าวที่พวกเขานิยมคือ ริซอตโต (Risotto)

เชฟวัฒนศักดิ์ ช่างเก็บ แห่งร้านดีไวน์ ไวน์ บาร์ แอนด์ ทาปาซ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารตะวันตก เล่าเรื่องของข้าวริซอตโตให้ฟังว่า ข้าวชนิดนี้เป็นที่นิยมในตะวันตก โดยเฉพาะอิตาลี ข้าวชนิดนี้นิยมทำมาจากข้าวการ์นาโรลี ข้าววีอาโลเนนาโน หรือข้าวอาร์โบรีโอ

เคล็ดลับการปรุงข้าวชนิดนี้ คือ ต้องหุงไม่ให้สุกร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ให้สุกแบบ อัลเดนเต (Al dente) แบบการลวกเส้นมะกะโรนี ซึ่งจะยังมีความกรุบกรอบเหลืออยู่ ไม่นิ่มเกินไป

ข้าวชนิดนี้จะมียางเหนียวมาก ส่วนมากจะรับประทานร้อนๆ ซึ่งจะให้ความรู้สึกว่าเหนียวๆ กรุบๆ กรอบๆ เมื่อรับประทาน นับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของริซอตโต

ต่างวัฒนธรรม ต่างกินข้าว

 

เมนูที่ทำจากริซอตโตนั้นมีหลากหลาย เป็นได้ทั้งไซด์ดิช และเมนดิช เชฟวัฒนศักดิ์ บอกว่า จานยอดนิยมของริซอตโต คือ นำไปผัดกับครีมหรือซอสมะเขือเทศ อย่างที่เชฟได้สร้างสรรค์เมนูริซอตโตฟัวกราส์ผัดกับครีมและเห็ดให้ลูกค้าร้านดีไวน์ฯ ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการคริสตัลพาร์ค (โทร. 02-515-0614) ได้สั่งมาลิ้มรส

อีกหนึ่งเมนูริซอตโตที่อยากชวนให้ชิม นำเสนอโดยห้องอาหารนัมเบอร์ 43 อิตาเลียน บิสโตร เคปเฮ้าส์ หลังสวน ซึ่งมีชื่อว่าริซอตโตคลุกเนยแข็งพาร์เมซานในฟักทอง เชฟของร้านนี้ถนัดถนี่กับการสร้างสรรค์เมนูอาหารอิตาเลียนต้นตำรับ

สำหรับจานนี้นอกจากจะสวยงามแล้ว กลิ่นหอมของฟักทองนั้นยั่วน้ำลายและทำให้เจริญอาหาร อีกทั้งช่วยเพิ่มรสชาติให้เข้มข้นยิ่งขึ้นด้วยเนยแข็งพาร์เมซานที่นำเข้าจากประเทศอิตาลี ซึ่งเข้ากันได้อย่างลงตัวกับรสชาติของฟักทอง เหมาะมากกับการรับประทานกับไวน์ขาว (ราคาพิเศษริซอตโตจานนี้เพียง 250 บาท++ เท่านั้น สำรองที่นั่งและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 02-658-7444 ต่อ 285 หรือที่ capehouse.com หรือ capecollection.com)

หากย้อนกลับมามองใกล้ๆ ตัวอีกครั้ง วันนี้เราพบว่ายุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้คนไทยรุ่นใหม่เลือกรับประทานอาหารอย่างตะวันตกมากขึ้น แฮมเบอร์เกอร์ พิซซา ฯลฯ เข้ามาแทนที่ข้าวในบางมื้อ หรือบางกลุ่มหันไปบริโภคโปรตีนอย่างเนื้อสัตว์ต่างๆ มากขึ้น

ไม่ได้กล่าวอ้างอย่างลอยๆ แต่มีผลวิจัยที่ชี้ชัดว่าคนไทยรับประทานข้าวน้อยลงเหตุเพราะกลัวอ้วน เมื่อต้นปี 2554 มีการสำรวจพบว่าคนไทยบริโภคข้าวน้อยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ตามมาคือการรณรงค์ให้คนไทยกลับมารับประทานข้าวกันมากขึ้นเพื่อสนับสนุนชาวนา รวมทั้งช่วยให้ข้าวไทยยังอยู่ และช่วยส่งเสริมพัฒนาพันธุ์ข้าวในอีกแง่หนึ่ง หากคนไทยยังกังวลเรื่องผลของการรับประทานข้าว (มากเกินไป) ก็มีทางเลือก คือ แทนที่จะรับประทานข้าวขัดขาว เราสามารถหันไปรับประทานข้าวกล้องแทน

มามะ กินข้าว ... กันมั้ย (ไม่ใช่พื้นที่โฆษณา ...555)

&<2288;

&<2288;
 

ข่าวล่าสุด

Yindii เปลี่ยนอาหารขายไม่หมด หมุนรายได้คืนธุรกิจ 78 ล้านบาท