โลหกุมภีนรก
"ทราบว่าระยะเวลาที่สัตว์นรกขึ้นมาถึงที่ขอบปากหม้อนั้นใช้เวลา 3 หมื่นปี และเมื่อลงมายังก้นหม้อก็ใช้เวลา 3 หมื่นปีเช่นกัน"
"ทราบว่าระยะเวลาที่สัตว์นรกขึ้นมาถึงที่ขอบปากหม้อนั้นใช้เวลา 3 หมื่นปี และเมื่อลงมายังก้นหม้อก็ใช้เวลา 3 หมื่นปีเช่นกัน"
โดย...อ.ตุ้ย วรธรรม
นรกบ่าวขุมที่ 5 นี้ที่มีความกว้างและลึกอย่างละ 60 โยชน์ มีลักษณะพิเศษอยู่ที่จะมีหม้อเหล็กแดงขนาดใหญ่เท่าภูเขาตั้งอยู่บนเตาไฟแดงๆ ที่ลุกโชนตลอดเวลา
ข้างในตัวหม้อจะมีเหล็กแดงที่ละลายเหลวเป็นน้ำเดือดปุดๆ เป็นที่สยองตาอย่างยิ่ง เหตุนี้จึงเรียกนรกขุมนี้ว่า โลหกุมภีนรก หรือนรกหม้อเหล็กแดง
หม้อใบนี้ไม่ได้ใช้สำหรับหุงหาอาหาร แต่เป็นหม้อที่ใช้สำหรับเพื่อการลงโทษเหล่าคนบาปทุกคนที่ลงมาสู่นรกขุมนี้ตามบัญชาของผลกรรม
กล่าวคือคนบาปที่ตกโลหกุมภีจะถูกเหล่ายมบาลจับสองเท้าแล้วหย่อนหัวพุ่งลงไปในหม้อนั้นดิ้นพล่านไปมาในหม้อนั้นได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส ไม่ต่างอะไรจากไก่ที่คนฆ่ามันทั้งเป็นด้วยการจับขาทั้งสองอย่างมั่นแล้วหย่อนหัวมันลงไปในหม้อน้ำร้อนดิ้นพล่านสะบัดปีกไปมาไม่นานก็อยู่ในอาการสงบ
คนบาปถูกเหล่ายมบาลทำกรรมกรณ์ซ้ำไปซ้ำมา ครั้งแล้วครั้งเล่า ได้รับทุกเทวษแสนสาหัสสมกับกรรมที่ทำจนกว่าจะสิ้นอายุของเขา
พูดถึงคนบาปเมื่อถูกเหล่ายมบาลจับสองเท้าหย่อนหัวให้ตกลงไปในหม้อร้อนแดงอย่างนั้นก็พยายามตะเกียกตะกายที่จะปีนป่ายขึ้นมา แต่กว่าจะถึงปากหม้อก็ต้องใช้เวลานานมาก และเมื่อถึงปากหม้อแล้วมิทันไรก็มีอันต้องตกลงสู่ก้นหม้อดังเดิม เหมือนกรณีของลูกเศรษฐี 4 คนที่ตกนรกขุมนี้
เรื่องมีว่าครั้งหนึ่งสมัยที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศสัจธรรมได้เสด็จมาถึงเมืองพาราณสีชาวเมืองก็พากันตื่นเต้นดีใจที่จะได้ทำบุญกันและได้ชักชวนกันไปทำบุญ ฝ่ายลูกเศรษฐีทั้งสี่กลับดูหมิ่นคนพวกนั้นว่าโง่เขลาเบาปัญญา ส่วนพวกตนก็เสพสุรายาเมา ประพฤติผิดในกามเป็นอาจิณ และเมื่อสิ้นชีวิตลงแล้วก็ไปเกิดในนรกหม้อน้ำร้อนนี้จนได้รับความทุกข์ทรมาน ดำผุดดำว่ายจากปากหม้อแล้วจมลงสู่ก้นหม้อ และจากก้นหม้อลอยขึ้นสู่ปากหม้อเหมือนเมล็ดข้าวที่อยู่ในหม้อเวลาเดือด ซึ่งผุดขึ้นผุดลงตลอดเวลา
ทราบว่าระยะเวลาที่สัตว์นรกขึ้นมาถึงที่ขอบปากหม้อนั้นใช้เวลา 3 หมื่นปี และเมื่อลงมายังก้นหม้อก็ใช้เวลา 3 หมื่นปีเช่นกัน
ลูกเศรษฐีที่กลายเป็นสัตว์นรกนั้นเมื่อมาถึงปากโลหกุมภีต่างยกศีรษะขึ้นแลดูกันและกันแล้ว คนหนึ่งได้ระบายความทรมานที่ได้รับโดยจะพูดว่า “ทุชฺชีวิตมชีวิมฺหา...” แปลความว่า เพราะพวกเราไม่ได้ทำบุญกุศล เหมือนกับคนอื่น มัวทำแต่บาปกรรมจึงต้องเสวยทุกขเวทนาถึงปานนี้ แต่เขาพูดได้เพียงคำว่า “ทุ” ก็ลงสู่ก้นโลหกุมภีตามเดิม
อีกคนอยากจะพูดว่า “สฏฺฐีวสฺสสหสฺสานิ...” แปลความว่า ตั้งแต่เราดำผุดดำว่ายอยู่ในหม้อนรกอันร้อนนี้เป็นเวลานานถึง 6 หมื่นปีแล้วเมื่อไรจะพ้นนรกขุมนี้เสียที แต่ก็พูดได้เพียงคำว่า “สะ” ก็จมลงสู่พื้นโลหกุมภี
อีกคนหนึ่งอยากจะพูดว่า “นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต...” ความว่า เมื่อไรหนอจะพ้นจากความทรมานเสียที กรรมชั่วที่เราทำไว้ให้ผลแก่เราสาสม แต่เขาก็เอ่ยได้เพียงคำว่า “นะ” แล้วก็จมลงสู่พื้นโลหกุมภี
คนสุดท้ายอยากระบายว่า “โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา...” ความว่า หากเราพ้นทุกขเวทนาในนรกนี้แล้วได้เกิดเป็นมนุษย์อีกจะตั้งใจทำบุญรักษาศีลไม่ให้ขาด แต่เขาก็พูดได้เพียงคำว่า “โส” ก็จมลงสู่พื้นโลหกุมภี
ใครที่ไม่อยากจะเป็นเหมือนไก่ที่ถูกฆ่าอย่างทารุณด้วยการถูกจับขาหย่อนหัวลงไปในหม้อน้ำร้อนทั้งๆ ที่ยังเป็นอยู่ก็อย่าได้ประพฤติอย่างลูกเศรษฐีทั้งสี่คน อย่าได้กระทำทรมานทรกรรมสัตว์ อย่าได้ทำร้ายผู้ทรงศีล ผู้มีพระคุณ
จงเลิกซะเถอะกับการเสพสุรายาเมา จงเลิกซะเถอะกับการประพฤติผิดในกามผิดลูกผิดเมียคนอื่นเป็นอาจิณ จงเลิกซะเถอะกับการเป็นคนมีจิตใจโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา
เพราะไม่อย่างนั้นโลหกุมภี หม้อนรกเหล็กแดงๆ ก็จะเป็นทุคติสัมปรายภพของผู้นั้นอย่างมิต้องสงสัย


