posttoday

หลักการพัฒนาตนเพื่อพัฒนาชาติ

04 ธันวาคม 2554

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากและรวดเร็วทั้งจากภายในและภายนอก

โดย...รศ.ดร.วิพรรณ ประจวบเหมาะ

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากและรวดเร็วทั้งจากภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางอายุของประชากรซึ่งนำไปสู่สังคมสูงวัย ภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมือง การเปลี่ยนแปลงด้านสภาวะแวดล้อมอันนำไปสู่ภัยพิบัติต่างๆ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ท้าทายยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของประชากรและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ หลายครั้งที่การพยายามแก้ปัญหาอย่างขาดหลักการกลับทำให้ปมปัญหายิ่งยุ่งยากซับซ้อนมากยิ่งขึ้น การจะนำให้ประเทศพัฒนาอย่างยั่งยืนได้นั้น เราต้องกลับมาตั้งหลักกันใหม่ วิกฤตต่างๆ น่าจะเป็นบทเรียนที่ทำให้สังคมไทยใช้เป็นโอกาสในการปรับปรุงในการเตรียมความพร้อม มิใช่ปล่อยให้กระแสของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ พัดพาสังคมไทยไปอย่างไร้จุดหมาย

แนวทางที่ควรจะนำมาใช้เป็นหลักอย่างจริงจัง คือ หลักการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงได้รับการยกย่องจากนานาชาติว่า เป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนา ทรงชี้แนะแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนว่า ต้องอาศัยการมีคนดีมีความสามารถ มีวิทยาการที่ดี และมีการบริหารจัดการที่ดี ทั้งนี้การจะพัฒนาได้อย่างก้าวหน้าและยั่งยืนนั้นต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจสภาพการณ์ หรือหาเหตุแห่งปัญหา ด้วยการรวบรวม ศึกษาข้อมูลพื้นฐานของแต่ละพื้นที่แต่ละท้องถิ่น ทั้งด้านประชากร ภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม ภูมิปัญญา ตลอดจนความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เมื่อเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ก็จะสามารถดึงเอกลักษณ์ที่ดีงามของแต่ละพื้นที่และรักษาสิ่งที่ดีนั้นไว้ให้เป็นรากฐานที่มั่นคงและพัฒนาต่อยอดจากรากฐานนี้ ส่วนที่เป็นข้อด้อยหรือส่วนเสียก็ต้องแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้น การพัฒนาต้องเป็นการพัฒนาที่สมดุล อยู่บนทางสายกลางตามหลักพระพุทธศาสนา ที่เน้นความพอเพียง พอเหมาะ พอดี กับสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อม เน้นการพึ่งตน การมีส่วนร่วมคิดร่วมทำ สมานสามัคคีโดยคนในชุมชนและเครือข่ายต่างๆ โดยเป้าหมายสูงสุดของการพัฒนาคือ ความมั่นคง ปลอดภัย และประโยชน์อันยั่งยืนของประชาชนส่วนใหญ่ 1

หลักการพัฒนาตนเพื่อพัฒนาชาติ

 

พระองค์ทรงเน้นว่า การจะพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืนนั้น จะต้องพัฒนาคนเป็นลำดับแรก ให้มีความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถ คิดวิเคราะห์ “รู้ทันโลก แต่ไม่หลงโลก” สามารถนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติ และมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา การศึกษาจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการพัฒนาคนเพื่อพัฒนาชาติ 2

“การศึกษานั้นเป็นเครื่องมืออันสำคัญในการพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ ทัศนคติ ค่านิยม และคุณธรรมของบุคคล เพื่อให้เป็นพลเมืองดีมีคุณภาพและประสิทธิภาพ เมื่อบ้านเมืองประกอบไปด้วยพลเมืองที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ การพัฒนาประเทศชาติก็ย่อมทำได้โดยสะดวกราบรื่นได้ผลที่แน่นอนและรวดเร็ว...”

พระราชดำรัส

27 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2515

ที่สำคัญคือ ระบบการศึกษาที่สมบูรณ์ต้องสร้างคนให้ใฝ่รู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยมีทั้งความรู้และคุณธรรม รู้จักใช้ความรู้ในการสร้างตน สร้างสรรค์สังคม มิใช่ใช้ความรู้เพื่อตักตวงผลประโยชน์ส่วนตน แต่ต้องรู้จักรับผิดชอบ เกรงกลัวละอายต่อบาป รู้จักเสียสละเพื่อความผาสุกของส่วนรวม รวมทั้งควรรับฟังความคิดเห็นและมุมมองที่แตกต่าง เพราะปัญหาในโลกปัจจุบันมีความซับซ้อน การบูรณาการหรือช่วยกันคิดช่วยกันทำระหว่างศาสตร์ต่างๆ จึงมีความสำคัญ

“...การที่จะพัฒนาบุคคล จะพัฒนาได้ก็ด้วยปัจจัยประการเดียว คือ การศึกษา การศึกษานั้นแบ่งเป็นสองส่วน คือ การศึกษาด้านวิชาการส่วนหนึ่ง กับการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นผู้มีจิตใจใฝ่ดีใฝ่เจริญ มีปกติละอายชั่วกลัวบาปส่วนหนึ่ง การพัฒนาบุคคลต้องพัฒนาให้ครบทั้งสองส่วน เพื่อให้บุคคลได้มีความรู้ไว้ใช้ประกอบการ และมีความดีไว้เกื้อหนุนการประพฤติทุกอย่างให้เป็นไปในทางที่ถูกที่ควร และอำนวยผลเป็นประโยชน์ที่พึงประสงค์...” พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 24 มกราคม พุทธศักราช 2540

การที่ประเทศไทยจะก้าวหน้าพัฒนาต่อไปอย่างยั่งยืน คนไทยทุกหมู่เหล่าคงต้องน้อมนำหลักการพัฒนาและหลักการทรงงานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติมาตลอดรัชสมัยมาใช้ปฏิบัติกันอย่างจริงจังทั้งในการพัฒนาตนและพัฒนาชาติตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้เพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธานและตามรอยพระยุคลบาทในการสร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชนและสังคมไทยอย่างยั่งยืน ทั้งยังเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่มีแก่ปวงชนชาวไทย


 

 

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ