ลาพีส ลาซูลี หินสีเลอค่าจากอดีตสู่ปัจจุบัน
...ไพร่า วิทยาคม
อัญมณีสีน้ำเงินที่เรียกกันว่า ลาพิส ลาซูลี (Lapis Lazuli) ซึ่งเดิมเคยเป็นพลอยที่มีค่ามากในสมัยอียิปต์ และในปัจจุบันก็ยังคงได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้คนแถบตะวันออกกลาง ด้วยความที่เป็นอัญมณีทึบแสงที่มีสีน้ำเงินเข้มสวยงาม และมีความแวววาวของประกายสีทอง
ลาพิส ลาซูลี ประกอบขึ้นจากแร่หลักๆ เช่น ลาซูไรต์ (Lazurite) ไพร็อกซีน (Pyroxene) ไพไรต์ (Pyrite) และแคลไซต์ (Calcite) เป็นสำคัญ แต่ก็อาจจะยังมีแร่อื่นๆ ปะปนอยู่ได้อีก
คำว่า
“ลาพิสลาซูลี” มาจากภาษาละติน แปลว่า “หินน้ำเงิน” ในสมัยโบราณจึงถูกเรียกว่า แซฟไฟร์ เพราะลักษณะเหมือนพลอยเป็นสีน้ำเงิน ที่ถือว่าเป็นอัญมณีที่ค่อนข้างจะหายาก นอกจากนี้ยังพบว่า มีการทำเหมืองลาพิส ลาซูลี ที่อัฟกานิสถานมากว่า 6,000 ปี ถือเป็นขุมทรัพย์ของอารยธรรมโบราณ ไม่ว่าจะเป็นเมโสโปเตเมีย อียิปต์ จีน กรีก และโรมตั้งแต่โบราณจนปรากฏในเครื่องประดับที่พบในอียิปต์โบราณก่อนยุคราชวงศ์ และลูกปัดลาพิส ลาซูลี ที่พบในที่ฝังศพที่เมห์รการ์ห์ คอเคซัส หรือแม้แต่ที่ไกลไปจากอัฟกานิสถานในมอริเตเนีย
ลาพิส ลาซูลี เป็นหินที่ขัดแล้วจะเป็นเงา ดังนั้นโดยส่วนใหญ่จึงมักที่จะนำไปใช้เป็นเครื่องประดับ งานแกะสลัก งานโมเสก เครื่องตกแต่ง และแจกัน ในด้านสถาปัตยกรรมก็ใช้ในการตกแต่งประดับเสาของวังหรือศาสนสถาน
นอกจากนี้ ยังใช้ในการทำรงควัตถุสีน้ำเงินเข้ม (Ultramarine) สำหรับสีฝุ่น และบางครั้งก็ใช้สำหรับสีน้ำมันแต่น้อย การใช้ทำเป็นส่วนผสมสำหรับสีน้ำมันหมดความนิยมลงไปเมื่อต้นศตวรรษที่ 19 เมื่อมีสารเคมีที่สามารถทำสีที่ต้องการได้ ที่มักจะเรียกว่าสีน้ำเงินเข้มฝรั่งเศส
เชื่อกันว่าผู้ที่ได้สวมใส่ลาพิส ลาซูลี จะได้รับการปกป้องให้พ้นจากอำนาจของสิ่งชั่วร้าย นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าช่วยเสริมสร้างสติปัญญาของผู้สวมใส่ ดังนั้นจะสังเกตเห็นว่านักพยากรณ์ดวงชะตามักจะเลือกใส่เครื่องประดับที่มีหินชนิดนี้
ลาพิส ลาซูลี ที่ดีจะต้องเป็นสีน้ำเงินเข้มสด อาจมีแร่ไพไรต์ปะปนเล็กน้อย สีน้ำเงินที่อ่อนและไม่สม่ำเสมอจะถือว่าเป็นคุณภาพที่รองลงมา โดยพิจารณาจากการดูที่เนื้อของอัญมณี ต้องปรากฏเป็นสีน้ำเงินสม่ำเสมอทั้งเม็ด ถ้าพบว่ามีแร่สีขาวปรากฏ ให้ถือว่ามีคุณภาพด้อยลง ยิ่งมากเท่าไหร่คุณภาพก็ยิ่งต่ำลงเท่านั้น
ส่วนแร่สีทองที่ผสมอยู่นั้น จะทำให้พลอยมีความสวยงามแปลกตามากขึ้น แต่ข้อเสียก็คือยิ่งมีมากเท่าไหร่ พลอยเม็ดนั้นก็จะขรุขระไม่เรียบเนียน
โดยปกติแล้วอัญมณีชนิดนี้จะมีพื้นผิวไม่ค่อยเรียบ ดังนั้นจึงต้องมีการขัดเงาโดยใช้ขี้ผึ้งเคลือบที่ผิว ผู้สวมใส่ควรดูแลรักษาโดยหลีกเลี่ยงการสวมใส่พลอยในบริเวณที่มีแดดจัด หรือเสี่ยงต่อการโดนแสงแดดหรือความร้อนนานๆ เพราะอาจจะทำให้สีซีดลงได้ ในการทำความสะอาดนั้น ให้ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำสบู่อุ่นๆ เช็ด
ที่สำคัญไม่ควรทำความสะอาดโดยการนำเข้าเครื่องอัลตราโซนิกโดยเด็ดขาด n


