ปลูกบ้าน...หนีน้ำท่วม
พาไปชมบ้าน "รศ.ดร.ศักดา ปั้นเหน่งเพ็ชร์" ที่ปลูกบ้านตามแบบโบราณทำให้รอดพ้นจากน้ำเข้าท่วมภายในตัวบ้าน
พาไปชมบ้าน "รศ.ดร.ศักดา ปั้นเหน่งเพ็ชร์" ที่ปลูกบ้านตามแบบโบราณทำให้รอดพ้นจากน้ำเข้าท่วมภายในตัวบ้าน
เรื่อง : วราภรณ์/ภาพ : ณัฏฐ์ฐิติ อำไพพรรณ
การปลูกบ้านในยุคนี้แล้วน้ำไม่ท่วม นับเป็นลาภอันประเสริฐ เพราะมหาอุทกภัยปี 2554 ทำเอาบ้านจัดสรรหรูๆ น้ำท่วมกันถ้วนหน้าแบบตั้งรับไม่ทัน แต่บ้านในซอยแจ้งวัฒนะ 14 หมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์ 1 หมู่บ้านเก่านับ 50 ปี อยู่เขตหลักสี่ มีเพียงบ้านไม่กี่หลังเท่านั้นที่รอดพ้นจากน้ำท่วมสูง หนึ่งในนั้นคือ บ้านของ รศ.ดร.ศักดา ปั้นเหน่งเพ็ชร์ อาจารย์ประจำภาควิชาวาทวิทยา คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่นับว่าโชคดีเพราะน้ำท่วมไม่สูงนัก แค่ประมาณ 1 เมตร อีกทั้งบ้านที่ออกแบบปลูกสร้างตามแบบโบราณ ยกพื้นสูง และคำนึงถึงปัญหาโลกร้อน จึงยกพื้นสูงกว่าถนนถึง 2 เมตร ทำให้รอดพ้นจากปัญหาอุทกภัยปีนี้ไปได้โดยไม่ได้มีการป้องกัน เช่น เตรียมกระสอบทราย หรือก่อปูนขึ้นมาปิดบริเวณหน้าบ้านเลย เพราะคาดไม่ถึง
รศ.ดร.ศักดา เล่าถึงสาเหตุที่บ้านรอดพ้นจากปัญหาน้ำท่วม แม้ระดับน้ำไม่เข้ามาถึงพื้นบ้านชั้นที่ 1 แต่น้ำได้ไหลเข้าสู่ห้องเก็บของด้านล่าง ก็เริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อที่ดิน ที่คิดเอาไว้ดีแล้วว่า ที่ดินประมาณ 100 ตารางวา แห่งนี้เหมาะสมและสะดวกสบายเพราะใกล้กับสนามบินดอนเมือง และรถไฟไปมาต่างจังหวัดและต่างประเทศสะดวก แต่ผ่านไป 50 ปี ใครที่ปลูกบ้านก่อนถนนปรับปรุงใหม่มักปลูกสร้างต่ำกว่าพื้นถนนจึงไม่รอดจากน้ำท่วม แต่ รศ.ดร.ศักดา เพิ่งปลูกบ้านเสร็จเมื่อ 7 ปีที่แล้ว จึงถมดินยกระดับพื้นบ้านให้เหมาะสม โดยมีสถาปนิกและวิศวกร คือ เดชา สุริยกมลจินดา ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการก่อสร้างบ้านนับ 50 ปี เป็นผู้ออกแบบ
ปลูกบ้านคำนึงถึง 5 ปัจจัยหลัก
1.การเลือกซื้อที่ดิน : “หลักการเลือกซื้อที่ดินของอาจารย์ ปัจจัยที่เลือกคือพื้นที่สูง โดยหลักสี่อยู่ใกล้ดอนเมือง คือเป็นพื้นที่สูงในกรุงเทพฯ ถ้าน้ำท่วมจากแม่น้ำเจ้าพระยา หรือริมทะเลที่น้ำจะขึ้นมาทีหลัง แต่น้ำที่ท่วมคราวนี้เป็นน้ำที่หลากมาจากทางเหนือ แม้เขาใหญ่เป็นพื้นที่สูงก็ยังท่วม อีกข้อหนึ่งคือ ไม่ซื้อที่ดินชายน้ำ เพราะเสี่ยงกับการถูกน้ำท่วม”
2.โครงสร้างบ้าน : “เมื่อซื้อที่ดินทิ้งไว้ 40 ปี อาจารย์ได้ฤกษ์ปลูกบ้าน สิ่งแรกที่คิดคือ กลัวปลวก เพราะภาวะโลกร้อนปลวกเจริญเติบโตเร็วมาก ประกอบกับประเทศไทยเป็นพื้นที่ร้อนและชื้น ยิ่งปลูกสร้างบ้านใกล้พื้นดินจะพบกับปัญหาปลวก แมลงสาบ และมด
อาจารย์จึงนำแนวคิดจากการปลูกสร้างพระราชวังมฤคทายวัน จ.เพชรบุรี ที่รัชกาลที่ 6 โปรดให้ปลูกพระราชวังยกพื้นสูง เสาแต่ละต้นมีรางหล่อน้ำไม่ให้มดขึ้น “ถ้าเราสร้างบ้านพื้นสูงหน่อยก็จะช่วยลดปัญหาแมลงและสัตว์ได้ ประกอบกับมีคุณแม่วัย 90 ปี มาอยู่ด้วย ซึ่งข้อเข่าก็ไม่ดี หมอแนะนำว่าคุณแม่ไม่ควรอยู่บ้านที่มีความชื้น ดังนั้นบ้านจึงควรยกใต้ถุนสูงและทำห้องใต้ดินเพื่อช่วยระบายอากาศ โดยไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจอปัญหาน้ำท่วม”
อาจารย์ศักดา วาดแปลนบ้านคร่าวๆ เสนอสถาปนิกและวิศวกรว่า ต้องการบ้านพื้นสูง 1.20 เมตร จากระดับพื้นดิน และถมดินเพิ่มสูงจากพื้นถนนอีก 30 เซนติเมตร รวมระดับพื้นบ้านหนาอีกประมาณ 40 เซนติเมตร รวมเบ็ดเสร็จบ้านจึงสูงกว่าพื้นถนนราว 2 เมตร หากน้ำไม่ท่วมสูงกว่า 2 เมตร อาจารย์ศักดาจะอยู่ได้สบาย
“บ้านใหม่ไม่ควรถมดินสูงกว่าระดับถนนมากเกิน 30 เซนติเมตร เพื่อแสดงความเห็นใจแก่เพื่อนบ้านที่ปลูกบ้านมานาน หากเกิดน้ำท่วมเพื่อนบ้านจะกลายเป็นแอ่งรับน้ำไปโดยปริยาย ทำให้เพื่อนบ้านเดือดร้อน” อาจารย์แนะนำ
ภูมิปัญญาชาวบ้านนี่ดีหนักหนา บ้านที่มีใต้ถุนสูง เพราะเมืองไทยอยู่ในเขตมรสุม มีหน้าฝนและเป็นเมืองน้ำที่ระดับพื้นดินไม่สูงกว่าระดับน้ำ การที่บ้านมีใต้ถุนระดับ 1.20-1.50 เมตร ดีกว่า เพราะใต้ถุนจะกลายเป็นที่เก็บของได้อีกด้วย โดยดึงสไตล์ข้อดีของบ้านของไทยแบบล้านนาและอเมริกันมาผนวกเข้าไว้ด้วยกัน
บ้านหลังนี้ปลูกสูง 2 ชั้น โดยมีเพดานชั้นล่างสูงถึง 3 เมตร เพื่อความโปร่งโล่งของบ้านคล้ายบ้านฝรั่ง ส่วนชั้น 2 เพดานยังยกสูงขึ้นไป 2.40 เมตรอีก เพื่อให้มีช่องลมระบายความร้อนของบ้าน ทำให้บ้านไม่ร้อนจนเกินไป จึงไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศ
“บ้านหลังคาสูงเพราะต้องการให้ลมพัดผ่าน เพื่อลดปัญหาภาวะโลกร้อน ไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ” อีกทั้งระเบียงบ้านสไตล์อเมริกันเป็นกึ่งโอเพนแอร์ รับลมได้ดี
3.คำนึงถึงทิศทางลม : ทิศทางลม ประเทศไทย ลมมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ด้านหลังบ้านอาจารย์จึงหันออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หน้าต่างบ้านด้านหลังทั้งหมดเลือกแบบเฟรนช์วินโดว์ คือกรอบหน้าต่างต่ำอยู่ติดพื้น เพื่อเปิดรับลมได้เต็มที่ ส่วนด้านข้างบ้านปิดค่อนข้างมิดชิด เพื่อป้องกันลมหนาวในหน้าหนาว ทำให้มีลมพัดเย็นตลอดทั้งวัน ช่วยลดปัญหาโลกร้อน ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าหรือเปิดเครื่องปรับอากาศ
4.ระบบไฟ : มีการแยกแผงไฟ ควรมีการติดตั้งระบบไฟฟ้าแยกทั้งชั้นใต้ถุน ไฟชั้นล่าง และไฟชั้นบน การลาดเทของพื้นบ้านระหว่างหน้าบ้าน หลังบ้าน รวมทั้งทำระบบระบายน้ำให้ดี
“ระดับการลาดเอียงของบ้านในการเทปูน สังเกตหน้าบ้านอยู่ต่ำกว่าระดับหลังบ้านอยู่ 10 เซนติเมตร ทำให้เวลาน้ำลด น้ำหลังบ้านจะแห้งก่อนหน้าบ้าน อีกทั้งมีการออกแบบรางระบายน้ำเป็นรูปตัวแอล จากหลังบ้านอ้อมไปหน้าบ้าน เพราะคนโบราณถือไม่ให้ทำรางระบายน้ำรอบบ้าน จึงทำเป็นรูปตัวแอล ทำให้บริเวณบ้านไม่มีน้ำขัง ซึ่งการลาดเทของบ้านสำคัญมาก อีกทั้งมีการระบายอากาศที่ดี ทำให้บ้านอยู่แล้วร่มเย็นสบาย ห้องน้ำควรมีท่อระบายอากาศเพื่อทำให้ชักโครกไหลระบายได้ดี เพราะไม่มีความกดอากาศภายใน”
5.เลือกเฟอร์นิเจอร์ : ไม่ควรทำแบบบิวด์อิน ยิ่งเฟอร์นิเจอร์บิวด์อินเป็นไม้ยิ่งน่าเสียดาย หากเป็นเฟอร์นิเจอร์ยกลอยตัวจะสามารถเพื่อยกหนีน้ำไปอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้านได้ ส่วนวัสดุพื้นควรเป็นกระเบื้องเพื่อป้องกันความชื้นจากพื้นดิน ไม่ควรปูด้วยพรม เพื่อป้องกันการเป็นมะเร็งที่ปอดเพราะความชื้น
เตรียมรับมือปีหน้า
นับเป็นความโชคดีที่ระดับน้ำขึ้นไม่ถึงตัวบ้าน แม้บริเวณโดยรอบน้ำจะท่วมสูงถึง 1 เมตร ปีหน้าเราเตรียมรับมือคือ หากน้ำปีหน้าท่วมสูงกว่า 2-3 เมตร คงเอาไม่อยู่ ถ้าน้ำสูงกว่า 3 เมตรปีหน้า ก็คงเตรียมรับมือคือ เตรียมยกเฟอร์นิเจอร์ขึ้นชั้นสอง เพราะมีบทเรียนปีนี้มาแล้ว
“คิดว่าปีหน้าถ้าน้ำเยอะกว่านี้ สิ่งที่จะต้องเตรียมการคือก่ออิฐมาปิดเลย กระสอบทรายค่าใช้จ่ายประมาณกัน กระสอบทรายเป็นการป้องกันเฉพาะหน้า การก่อกำแพงดีกว่า คิดว่าจะต้องป้องกันจริงๆ ก่อพนังกั้นน้ำเลย นำกระสอบทรายมากั้นท่อระบายน้ำ และซื้อเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำที่ไหลผ่านกระสอบทรายมาสูบน้ำออก หรือไม่ก็ไปอยู่ที่อื่นเลย คือ มีบ้านอยู่ต่างจังหวัด ถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาจะลำบาก ที่เป็นกังวล คือ การตัดน้ำตัดไฟ ในอนาคตปีหน้า ถ้าหากมีระดับน้ำขนาดนี้ อยากจะขอแนะนำบ้านที่มีผู้สูงอายุ คนเจ็บป่วย หรือเด็กเล็ก ควรอพยพไปก่อนเลย เพราะหากเกิดอะไรขึ้นจะลำบาก ยิ่งมีการตัดน้ำตัดไฟจะลำบากมาก แต่เป็นคนหนุ่มคนสาวอาจจะก่อกั้นไว้เลย แข็งแรงกว่า กระสอบทรายแค่ใช้อุดท่อระบายน้ำ
อาจารย์ไม่ได้เตรียมกระสอบทรายมากั้นไว้เลย เพราะไม่คิดว่าน้ำจะขึ้นมาสูง ด้วยคิดว่าบ้านเรายกสูงอยู่แล้ว ถ้ากั้นกระสอบทรายต้องสูบน้ำออกด้วย จะทำให้กระทบกับคนอื่น อาจจะด้วยความที่บ้านยกสูง แต่ถ้าไม่มีใต้ถุนอาจก่อกำแพงอิฐมาปิดสูงตรงประตูบ้านเลย ปีนี้จึงไม่เสียงบประมาณที่บ้านเนื่องจากทำท่อระบายน้ำไว้รอบบ้านเลย ถ้าจะกั้นท่อระบายน้ำต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกเยอะ และทำท่อเป็นรูปตัวแอล น้ำขึ้นตามท่อตามระดับของน้ำ จึงไม่ขึ้นถึงท่อ ไม่ท่วมถึงบ้าน พื้นบ้านสูงเนี่ยได้ประโยชน์มาก”


