โรคตาแดงภัยร้ายที่มากับน้ำ
สัปดาห์นี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศจากข้อมูลทางวิชาการด้านประชากรศาสตร์
โดย...รศ.ดร.วิพรรณ ประจวบเหมาะ
สัปดาห์นี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศจากข้อมูลทางวิชาการด้านประชากรศาสตร์ เป็นข้อมูลสำหรับการดูแลสุขภาพในช่วงที่ต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้ชาวจุฬาฯ ได้ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือเพื่อช่วยให้คนไทยลดความสูญเสียจากภัยน้ำท่วม ข้อมูลชุดนี้ได้รับความอนุเคราะห์จาก รศ.ภญ.ดร.พิณทิพย์ พงษ์เพ็ชร คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ โดยมี ผู้ช่วย ศ.ภญ.อภิฤดี เหมะจุฑา เป็นผู้เรียบเรียง สัปดาห์นี้ขอเสนอเรื่องโรคตาแดงก่อนเป็นลำดับแรก ซึ่งผู้ช่วย ศ. ภญ.อภิฤดี ได้กล่าวไว้ดังนี้
โรคตาแดงเกิดจากอะไร
โรคตาแดงเกิดจากการอักเสบหรือระคายเคืองที่เยื่อบุตา ถ้าเกิดจากเชื้อไวรัส มักพบได้บ่อยในช่วงหน้าฝนและบริเวณที่มีน้ำท่วม ยังมีสาเหตุอื่น เช่น ตาแดงจากการแพ้ หรือระคายเคืองและตาแดงจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
อาการของโรคตาแดงเป็นอย่างไร
มีอาการระคายเคืองหรือแสบตา ปวดตา น้ำตาไหล มีขี้ตามากกว่าปกติ เยื่อบุตาขาวอักเสบแดง เห็นเส้นเลือดชัดขึ้น อาการตามสาเหตุ
ตาแดงที่เกิดจากเชื้อไวรัส อาจมีอาการกลัวแสง หนังตาบวม มักเริ่มที่ตาข้างหนึ่งก่อนแล้วจึงลามไปอีกข้าง ซึ่งหายได้เองภายใน 12 สัปดาห์
ตาแดงที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มีอาการ “ตาแฉะ” คือมีน้ำตาและขี้ตาปริมาณมาก ขี้ตามีลักษณะเป็นหนองหรือมูกเขียวเหลือง ลืมตาได้ยากและมองเห็นไม่ชัดโดยเฉพาะเมื่อตื่นนอน
ตาแดงที่เกิดจากการระคายเคืองหรือการแพ้ มักมีอาการโดยรวมไม่รุนแรง แต่มีอาการคันหัวตา เปลือกตา และแสบตา น้ำตาไหลเป็นอาการเด่น
การติดต่อโรคตาแดง
ตาแดงที่เกิดจากการติดเชื้อนั้น ติดต่อได้ง่ายโดยตรงจากการสัมผัสน้ำตา ขี้ตาหรือน้ำมูกของผู้ป่วย และผ่านการใช้ข้าวของเครื่องใช้ร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น
การป้องกันโรคตาแดงทำได้อย่างไร
หลักการสำคัญที่สุด คือ การรักษาความสะอาดของมือและลดโอกาสที่จะรับเชื้อโรคหรือน้ำสกปรกเข้าสู่ตา
หากน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา ควรใช้น้ำสะอาดรีบล้างหน้าและล้างตาทันที
ไม่อยู่ใกล้หรือคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคตาแดง แยกของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น
หมั่นล้างมือด้วยน้ำสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้พยายามอย่าใช้มือสัมผัสกับดวงตา
การรักษาโรคตาแดง
ผู้ป่วยโรคตาแดงส่วนใหญ่สามารถหายจากอาการได้เองแม้จะไม่ได้ใช้ยา แต่ควรทราบหลักการเบื้องต้นสำหรับโรคตาแดงเพื่อดูแลตนเองและลดการติดต่อผู้อื่น
ไม่ใช้ผ้าซับน้ำตา เนื่องจากกลายเป็นแหล่งของเชื้อโรคที่จะติดต่อถึงคนอื่นได้ หากมีน้ำตามากควรใช้กระดาษชำระทิ้งหลังจากใช้
พักผ่อนสายตา หลับตาและผ่อนคลายเท่าที่ทำได้
หากมีการระคายเคือง แสบหรือปวดตา อาจใช้ผ้าเย็นหรือผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ ประคบเพื่อลดอาการไม่สบายตาได้
เมื่อมีอาการระคายเคืองร่วมกับอาการคันตา จากการระคายเคืองหรือการแพ้ พยายามอย่าขยี้ตา หากคันตามากอาจใช้ยาหยอดตาแก้แพ้ หรือรับประทานยาแก้แพ้ (ยาเม็ดสีเหลือง คลอเฟนิรามีนที่ใช้แก้แพ้ ลดน้ำมูก) เพื่อบรรเทาอาการคันตาและลดโอกาสขยี้ตาแล้วทำให้เกิดการติดเชื้อแทรกซ้อน
หากใช้ยาหยอดตาแก้แพ้แล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือกลับเป็นมากขึ้น ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม แต่ถ้าไม่สามารถเดินทางไปได้ อาจใช้ยาหยอดตา หรือยาป้ายตาที่มียาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเป็นองค์ประกอบ แก้ไขไปก่อนเพื่อลดโอกาสติดเชื้อแทรกซ้อน หรือลดความรุนแรงของการติดเชื้อแบคทีเรีย
การใช้ยาหยอดตาซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อในระยะแรกควรหยอดหนึ่งหยดทั้งสองข้างบ่อยๆ ทุกๆ 2-4 ชั่วโมง อาการดีขึ้นแล้วในวันที่ 3 จึงหยอดห่างขึ้นเป็นทุก 6 ชั่วโมง
ถ้าเป็นยาป้ายตาสำหรับฆ่าเชื้อ การป้ายตามีฤทธิ์อยู่นานกว่ายาหยอด อาจป้ายทุก 6-8 ชั่วโมง ข้อเสีย คือ เหนอะหนะ ตาพร่าจากเนื้อขี้ผึ้ง ทำให้รำคาญแต่ได้ผลดี
ควรใช้ยาต่อเนื่องจนอาการอักเสบของเยื่อบุตาหายเป็นปกติ มักดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์
ไม่ใช้ยาหยอดตาที่มีตัวยาสเตียรอยด์เป็นองค์ประกอบ เพราะจะยิ่งทำให้อาการรุนแรงขึ้น
ถ้ามีอาการต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาโดยด่วน ไม่นิ่งนอนใจเพราะบางกรณีอาจเกิดอันตรายจนถึงตาบอดได้
อาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน หลังจากใช้ยาแล้วหรืออาการแย่ลง
มีการมองเห็นแย่ลง หรือมองภาพไม่ชัดกลัวแสงมาก
แสบหรือปวดตามาก
ข้อควรระวังหรืออาการข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรคตาแดง
ต้องล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังใช้ยาหยอดตา หรือยาป้ายตาทุกครั้ง
อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้ยาหยอดตาและยาป้ายตาคือการระคายเคืองหรือแสบ ตาข้างที่ใช้ยา หากใช้แล้วเกิดอาการ อาจหลับตาหรือพักสายตาสักครู่ ซึ่งน้ำตาจะค่อยๆ เจือจางยาและลดการระคายเคือง
อาการตาพร่า หลังจากใช้ยาป้ายตาเนื่องจากเนื้อขี้ผึ้งของยา อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตา มองเห็นภาพไม่ชัด จึงต้องระวังไม่เดินหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตา เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
ก่อนใช้ยาต้องสังเกตวันหมดอายุของยา รวมถึงลักษณะทางกายภาพของบรรจุภัณฑ์ก่อนใช้ เช่น ฝาปิดสนิทดีหรือไม่ ไม่ใช้ถ้าหมดอายุหรือมีลักษณะไม่น่าไว้วางใจ หรือไม่สะอาด และห้ามใช้ยาหยอดตาของคนอื่น เพราะอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนมาติดเราได้
ยาหยอดตาและยาป้ายตามีอายุการใช้งานไม่เกิน 1 เดือน หลังจากวันแรกที่เปิดใช้
ยาหยอดตาฆ่าเชื้อ ที่มีคลอแรมเฟนิคอลเป็นองค์ประกอบ ถ้ายังไม่ได้ใช้ให้เก็บไว้ในตู้เย็น ถ้าไม่มีตู้เย็น อย่างกรณีที่เป็นยาบริจาคแก่ผู้ประสบอุทกภัย เก็บในอุณหภูมิทั่วไป ยังใช้ได้อย่างน้อย 10 วันขึ้นไป แต่ต้องระวังไม่ให้สัมผัสแสงแดด หรืออยู่ในอุณหภูมิที่ร้อน เพราะอาจทำให้อายุยาสั้นลง


