เตรียมเด็กให้พร้อมรับภัยพิบัติอุทกภัย
ข้อมูลมีประโยชน์สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองเพื่อเตรียมบุตรหลานให้พร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วม
ข้อมูลมีประโยชน์สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองเพื่อเตรียมบุตรหลานให้พร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วม
โดย...พี่กันดั้ม
กรณีภัยพิบัติอุทกภัยใหญ่ครั้งนี้ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนกว้างขวางหลายจังหวัด ย่อมก่อให้เกิดความเครียดแก่ผู้คนทั่วไป ทั้งผู้ที่ประสบเหตุแล้ว และผู้ที่กำลังใจจดใจจ่อกับน้ำที่กำลังจะมาถึงบ้านตนเองในอีกไม่นาน ผู้ใหญ่โดยทั่วไปต่างก็เครียดกับการรับมือเฉพาะหน้า ใจพะวงกับความปลอดภัยในชีวิตเป็นหลัก แต่ในอีกมุมเราจะเห็นได้ว่า เด็กๆ หลายคนในพื้นที่ที่ยังไม่ประสบเหตุยังรู้สึกสนุกสนาน ไม่รู้สึกว่าภัยกำลังมาใกล้ตัว หลายคนยังเล่นสนุก ดูทีวี เล่นเกมฆ่าเวลาช่วงปิดเทอมไปวันๆ
สำหรับครอบครัวที่อยู่ในช่วงเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่ยังไม่รู้จะมาถึงเมื่อไร ในความวิตกกังวล หลายๆ บ้านที่กำลังเตรียมข้าวของต่างๆ ยามฉุกเฉิน
พญ.ปราณี เมืองน้อย กุมารแพทย์-จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า “ในระยะนี้คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองควรสร้างความตระหนักรู้ เตรียมเด็กให้สังเกตสถานการณ์ ให้ลูกรับฟังข่าวสม่ำเสมอ พร้อมวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในชุมชนตนเอง เพื่อฝึกลูกให้สนใจข่าวสารรอบตัว เตรียมซักซ้อมกับลูกว่าหากมีน้ำท่วมละแวกบ้านหรือบ้านเรา เราต้องทำอย่างไร พ่อแม่วางแผนจะไปจอดรถที่ไหน เราจะรวมตัวกันอย่างไร ติดต่อสื่อสารกันอย่างไร ข้าวของสำคัญที่ต้องเตรียมประกอบด้วยอะไรบ้าง ในยามมีภัยพิบัติดังกล่าวการใช้ชีวิตจะไม่เหมือนเดิมอย่างไร การกินอยู่จะเป็นอย่างไร”
“การฝึกซ้อมจะทำให้ลูกคุ้นเคย คล้ายการฝึกเด็กญี่ปุ่นให้รับสถานการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งมีส่วนทำให้เด็กไม่ตื่นตระหนกเกินไป และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ยามประสบภัยจริงๆ ไม่เป็นภาระของพ่อแม่มากเกินไป การให้ลูกมีส่วนในการเตรียมของส่วนตัวของเขาเอง จะทำให้พ่อแม่เห็นว่าบางอย่างที่พ่อแม่ไม่คาดคิด กลับเป็นสิ่งสำคัญอย่างเหลือเชื่อสำหรับลูก เช่น เขาขออนุญาตนำตุ๊กตาเบาๆ นำรูปคนที่เขารัก หรือของเล่นบางอย่างที่เขารักและไม่เป็นภาระในการเดินทางมากเกินไปพกไปด้วยเพื่อเป็นเพื่อนให้เขาอุ่นใจ สิ่งเหล่านี้จะช่วยปลอบโยนจิตใจลูกได้ดีแทนพ่อแม่ในยามที่เหตุการณ์กำลังวุ่นวาย” พญ.ปราณี ให้คำแนะนำเพิ่มเติม
เราอาจถือช่วงวิกฤตนี้เป็นโอกาสสอนให้เด็กมีความรับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบในการดูแลสิ่งแวดล้อม และสอนทักษะการเอาตัวรอดนานาชนิด รวมทั้งการสอนเด็กให้มีจิตสาธารณะ ให้ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามกำลังความสามารถและโอกาสอำนวยของแต่ละคน


