วิมล วิระพรสวรรค์ ธุรกิจสมัยใหม่ต้องใส่ใจโลก

โดย...วรธาร ทัดแก้ว

“การแข่งขันทุกวันนี้ไม่ว่าด้านเทคโนโลยี เครื่องจักร การพัฒนาคน หรือคุณภาพสินค้า จะให้ดีขนาดไหนอย่างไรก็แข่งกันได้ และการแข่งขันไม่ค่อยมีความแตกต่างและไม่ทิ้งห่างกันมาก แต่การแข่งขันที่ยั่งยืนนอกจากการพัฒนาในด้านต่างๆ รวมทั้งการออกแบบที่ดี คุณภาพ และราคาเท่าเทียมกันแล้ว สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้เลย เพราะทุกวันนี้แบรนด์ไหนที่รับผิดชอบสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลูกค้าจะเลือกซื้อแบรนด์นั้นก่อน แม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าก็ตาม” วิมล วิระพรสวรรค์ ผู้อำนวยการพัฒนาและสนับสนุนองค์กร บริษัท แปลน ครีเอชั่น ผู้ผลิตของเล่นไม้แบรนด์ “แปลนทอยส์” บอกเล่าทิศทางการแข่งขันธุรกิจในปัจจุบัน

วิมล ขยายประเด็นต่อว่า ปัจจุบันไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม จะมองข้ามเรื่องของสิ่งแวดล้อมไม่ได้แล้ว สำหรับแปลนทอยส์เองที่เป็นผู้ผลิตของเล่นไม้จากไม้ยางพารามากว่า 30 ปี จำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปอีก 67 ประเทศทั่วโลก ก็ตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี และมองว่าการทำของเล่นคุณภาพดี สร้างสรรค์ เสริมสร้างพัฒนาการ และมีความปลอดภัยต่อเด็กหรือผู้เล่นยังไม่พอ แต่จะต้องหันกลับไปดูในเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย

ด้วยเหตุนี้เราจึงกำหนดทิศทางในการทำธุรกิจด้วยแนวคิดสีเขียวในการนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ยั่งยืนกับสโลแกนที่ว่า Green ToyGreen Company ได้แก่ การพัฒนาของเล่นและดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3 กรีน หรือ 3 ด้าน คือ กรีนแมตทีเรียล กรีนแมนูแฟกเจอริง และกรีนมายด์

กรีนแมตทีเรียล (Green Material) : การเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความปลอดภัยต่อบริโภค โดยใช้ไม้ยางพาราที่หมดน้ำยางของเกษตรกรสวนยางมาเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตของเล่น เป็นการช่วยลดการทำลายป่าไม้ธรรมชาติ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไม้ทิ้งของชาวสวนยางได้ค่อนข้างมาก ส่วนในกระบวนการผลิตก็ไม่ใช้สารเคมีประเภทฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่พบในกาวที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปทั่วไป แต่จะเลือกใช้กาว EZero ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากลที่ไม่มีสารก่อมะเร็ง ของเล่นทุกชิ้นใช้สีที่มีตัวทำละลายเป็นน้ำ มีความปลอดภัยสูง ไม่มีส่วนประสมของสารปรอท ตะกั่ว และโลหะหนักต่างๆ จึงไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ กระดาษแพ็กเกจจิงก็เลือกใช้ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้กระดาษของเอสซีจี เปเปอร์ ซึ่งได้รับมาตรฐาน FSC ในทุกๆ สื่อสิ่งพิมพ์จะเลือกใช้กระดาษรีไซเคิลเพื่อลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนบรรจุภัณฑ์ก็เลือกใช้หมึกถั่วเหลือง ซึ่งเป็นสีที่มีตัวทำละลายเป็นน้ำในการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เนื่องจากหมึกเหล่านี้มีกระบวนการผลิตที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการพิมพ์

กรีนแมนูแฟกเจอริง (Green Manufacturing) : หมายถึงกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงาน โดยใช้มาตรฐานสากลต่างๆ คอยกำกับควบคุมให้กระบวนการผลิตมีคุณภาพสม่ำเสมอและไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการลดใช้พลังงาน โดยมีการคิดหาพลังงานทางเลือกมาใช้ในโรงงาน เช่น การนำเศษอาหารที่เหลือทิ้งมาผลิตเป็นไบโอแก๊สเพื่อหุงอาหารให้คนงาน ส่วนเศษขี้เลื่อยที่เหลือแทนที่จะเอาไปทิ้ง ก็เอามาผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าชีวมวลในการผลิตของเล่น นอกจากนี้ยังได้นำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในอาคารพิพิธภัณฑ์ของเล่นเด็ก ซึ่งไม่เพียงประหยัดพลังงาน แต่ยังสอดแทรกการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ไปพร้อมกันด้วย

ปิดท้ายด้วย กรีนมายด์ (Green Mind) วิมล บอกว่า เป็นวิธีคิดที่ใช้ใจเป็นตัวนำธุรกิจสู่สิ่งดีๆ ซึ่งเขายืนยันว่า แม้ว่าแปลนทอยส์จะใช้ไม้หมดอายุการใช้น้ำยางแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่เคยละเลยในเรื่องของการปลูกทดแทน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นประจำทุกปี

“โครงการแปลนรักป่าก็ถือเป็นหนึ่งในโครงการปลูกป่าทดแทนไม้ยางพาราที่เราใช้ไปกับการผลิตของเล่น ที่เดือนหนึ่งจะใช้ไม้ประมาณ 34 แสนคิวบิกฟุต แต่ถ้าพูดถึงยอดการผลิตของเล่นต่อปีแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านชุด ฉะนั้นเมื่อใช้ไม้จำนวนมากเรายิ่งต้องคิดถึงการปลูกทดแทน ดังนั้นทุกๆ ปีเราจึงต้องปลูกป่าทดแทน โดยเราจะขออาสาเข้าไปปลูกทดแทน พร้อมดูแลจัดการและพัฒนาตรงผืนนั้นๆ ให้มีความสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้”

สำหรับพนักงานได้เปิดโอกาสให้คนพิการได้เข้ามาทำงานร่วมกับบริษัท โดยจะได้รับความใส่ใจเท่าเทียมกับพนักงานปกติทั่วไปที่ต้องมีความสุข ปลอดภัย มีรายได้ และสวัสดิการที่เหมะสม พร้อมกันนี้ภายในโรงงานยังได้สร้างพิพิธภัณฑ์ของเล่นเด็กเพื่อเป็นแหล่งรวมความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับของเล่น ตลอดจนการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กที่สอดคล้องกับธรรมชาติ สังคม และสิ่งแวดล้อม

“โครงการล่าสุดที่เรากำลังทำอยู่ ณ เวลานี้ คือ ‘มัม เมด ทอยส์’ โครงการแม่ทำของเล่นให้ลูกพิการ โดยร่วมกับแม่ที่มีลูกพิการทั้งสามด้าน คือ ตาบอด สมองพิการ และออทิสติก ทำของเล่นซึ่งออกแบบสำหรับเด็กกลุ่มนี้โดยเฉพาะ เพื่อช่วยเสริมพัฒนาการในส่วนที่เขาขาดไป โดยเฟสแรกจะแจกให้กับเด็กพิการทั่วประเทศทั้งสามกลุ่ม รวม 2 หมื่นชุด”

วิมล กล่าวว่า องค์กรบริษัทต่างๆ ในปัจจุบันถ้าอยากให้ธุรกิจของตนมีความยั่งยืนจะมองในเรื่องของผลกำไรอย่างเดียวคงไม่ได้อีกแล้ว ต่อไปนี้ใครจะทำธุรกิจอะไรนอกจากจะพัฒนาธุรกิจให้ดีแล้วจะต้องรับผิดชอบต่อสังคม และที่ขาดไม่ได้คือความรับผิดชอบต่อโลกอย่างจริงใจด้วย