‘เปลือยอก’ อ้อมแอฟพลอย บนปากปก แมรี แคลร์

โดย...พุสดี

แอร้ย-ย-ย-ย-ย-ย... แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ อ้อม-สุนิสา สุขบุญสังข์ และ พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ ควงกันมา “เปลือยอก” ขึ้นปกนิตยสาร แมรี แคลร์

กรี๊ดสลบ...ไม่มีใครประชดรักค่า สาบานได้ แค่ต้องการจะหาทุนช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็งต่างหาก ...เอ่อ... แล้วก็กระซิบไว้ด้วยว่า “อก” ที่ว่าเปลือยเนี่ย แกใครก็ไม่รู้นะคะ เพราะว่ามันเป็นแค่แบบเสื้อ! (อ่ะ)

จากจุดเริ่มต้นที่อยากจะทำอะไรเพื่อผู้หญิง ในฐานะที่เป็นนิตยสารหัวนอกเพื่อผู้หญิง น้ำ-สิริมน ณ นคร บรรณาธิการบริหารนิตยสาร แมรี แคลร์ ปิ๊งไอเดียที่จะผุดโปรเจกต์การกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเต้านม ภายใต้คอนเซปต์ “Pink Positive” พร้อมชวน 3 ดีไซเนอร์หญิงแถวหน้าของเมืองไทยมาร่วมประสานเสียงในการเชิญชวนให้ผู้หญิงหันมาดูแลและใส่ใจตัวเอง

น้ำ สิริมน เล่าสาเหตุที่เลือกเล่นกับ “มะเร็งเต้านม” เพราะเป็นธีมที่ไม่เคยทำมาก่อน “เลยอยากหยิบมาทำทันที ไม่อยากรอปีหน้า ยิ่งพอเอามาเทียบกับสถิติผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านม จะเห็นเลยว่าเยอะขึ้น โดยมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยมากเป็นอันดับ 1 คือ มะเร็งเต้านม ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากผู้หญิงที่ยังไม่รู้ว่าจะดูแลตัวเอง หรือป้องกันตัวเองอย่างไร”

บก.แมรี แคลร์ เสริมอีกว่า นอกเหนือจากบทความในนิตยสารที่สนับสนุนโปรเจกต์ใหญ่แล้ว แมรี แคลร์ ยังเน้นที่โครงการที่จับต้องได้ คนสามารถที่จะเข้ามามีส่วนร่วม และเห็นผลลัพธ์ที่ทำ “เลยคิดว่าจะทำอะไรขึ้นมาสักอย่าง เพื่อรวบรวมเงินให้ได้จำนวนหนึ่ง สำหรับนำไปให้กับคนที่ป่วยเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม เลยลองไปปรึกษากับ หมอกฤษณ์ จาฎามระ หัวหน้าศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลจุฬาฯ โดยขอให้คุณหมอเลือกคนไข้สำหรับที่จะรับเงินช่วยในการรักษา

ตอนแรกเสนอไปว่า ให้คุณหมอช่วยเลือกผู้ป่วยมา 8 คน แล้วเราจะมอบเงินให้คนละ 5 หมื่นบาท แต่คุณหมอให้คำแนะนำกลับมาว่า แทนที่จะมอบเงินค่ารักษาให้ผู้ป่วย 8 คน น่าจะลดจำนวนลง เพราะในสำหรับโรคมะเร็ง เงิน 5 หมื่นบาท แทบจะทำอะไรไม่ค่อยได้ ดังนั้นน่าจะลดจำนวนผู้ป่วยลง แต่เพิ่มเงินให้มากขึ้น เอาคนที่ได้รับเงินจะได้สามารถนำเงินไปรักษาตัวได้แบบครอบคลุมค่าใช้จ่ายจนจบการรักษา”

ทั้งหมดจึงกลายเป็นโจทย์ตั้งต้นของการหาเงินก้อนใหญ่เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ซึ่งแมรี แคลร์ จึงคิดต่อยอดด้วยการชวน 3 ดีไซเนอร์หญิง ตั้งแต่รุ่นเก๋าลายคราม จนถึงรุ่นใหม่ไฟแรง นำโดย เมนาท นันทขว้าง จากแบรนด์โซดา มัลลิกา เรืองกฤตยา จากแบรนด์โคลเส็ต และ มิลิน ยุวจรัสกุล จากแบรนด์มิลิน มาร่วมกันออกแบบเสื้อ “Pink Positive” ร่วมกับทางแมรี แคลร์ ออกมาเป็น 5 คอลเลกชัน 5 แบบ ให้แฟนๆ ของแต่ละแบรนด์ที่รักแฟชั่น และอยากร่วมทำบุญได้จับจองเป็นเจ้าของในราคาตัวละ 480 บาท

สำหรับแบรนด์โซดา ซึ่งเป็นแบรนด์พี่ใหญ่ของโปรเจกต์นี้ กบ เมนาท เลือกนำเสนอด้วยลายสกรีนของดอกกุหลาบ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อสื่อถึงความรักอันเปรียบได้ดั่งความงดงามสดใสและความรักในทุกแง่มุม

ขณะที่ แก้ม มัลลิกา จากโคลเส็ต เลือกใช้ลายพิมพ์สัตว์ ซึ่งเป็นตัวเอกในคอลเลกชันล่าสุด มาเรียงร้อยเป็นรูปหัวใจบนเสื้อยืดตัวยาวที่ออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าได้สนุกกับการมิกแอนด์แมตช์กับเลกกิง หรือขาสั้น ได้อย่างไม่จำเจ

ขณะที่ มีมี่ มิลิน จากแบรนด์น้องใหม่อย่างมิลิน เลือกใช้เสื้อกล้ามสกรีนลายหญิงสาวขณะกำลังทาลิปสติกเป็นตัวชูโรง เพราะลิปสติกเป็นตัวแทนของการจูบซึ่งแสดงออกถึงความรัก ยิ่งกว่านั้นการทาลิปสติกให้ตัวเองก็ถือเป็นการแสดงความรักและใส่ใจตัวเองวิธีหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงภายนอก แต่สุดท้ายจะย้อนไปสู่ภายในด้วย

สำหรับเสื้อยืดอีก 2 แบบ เป็นผลงานการครีเอตจากทีมแมรี แคลร์ เอง มีทั้งรูปผู้หญิงแนวอิลลัสเตรเต็ด และเสื้อรูปหน้าอกที่คว้า 3 ซุป’ตาร์แถวหน้าของเมืองไทยที่บุคลิกต่างกันสุดขั้ว อย่าง แอฟ ทักษอร อ้อม สุนิสา และ พลอย เฌอมาลย์ มาสวมใส่ถ่ายขึ้นปกหนังสือฉบับเดือน ต.ค. 2554 ให้อารมณ์เหมือนเปลือยอกจริงๆ

ไม่บ่อยครั้งนักที่แมรี แคลร์ จะนำนางแบบไทยมาขึ้นปก น้ำ สิริมน บอกว่า พอได้เห็นต้องบอกว่า ผิดคาดมาก “ตอนแรกด้วยคอนเซปต์มันดูแรงนะ ใส่เสื้อรูปหน้าอกถ่ายปก เราตั้งใจว่าจะให้นางแบบทั้งสามโพสท่าปิดหน้าอก แต่เอาเข้าจริงปรากฏว่านางแบบทั้งสามคนกลับไม่ยอมปิด เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ต้องการสื่อ คือ มะเร็งเต้านม ไม่ใช่การขายเซ็กซ์”

อ้อม สุนิสา ดีเจสาวผู้มีบุคลิกชัดเจน กล่าวว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณแมรี แคลร์ ที่เลือกเธอมาเป็นหนึ่งในการรณรงค์ครั้งนี้ “ที่ต้องมาใส่เสื้อหน้าอกขึ้นปกนี่ เอาจริงๆ ไม่ตกใจเท่ารู้ว่าต้องมาขึ้นปกกับน้องแอฟ

อย่างที่รู้ว่าเขาสวย หวานมาก ส่วนเหตุผลที่เราเลือกโพสแบบไม่ปิดหน้าอก เพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นเล่มของเดือนที่เกี่ยวกับเรื่องของมะเร็งเต้านม เลยอยากให้คนเห็นชัดๆ ว่า เรากำลังพรีเซนต์เรื่องนี้นะ ที่สำคัญ ถ้าเราเอามือไปปิด อาจยิ่งทำให้คนอ่านงงว่านี่เป็นของจริงหรือเสื้อ แต่ถ้าเปิดหมด คนมาดูใกล้ๆ จะรู้ว่านี่คือเสื้อ ไม่ใช่ของจริง”