สมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าฯศรีสะเกษ รับประกันเที่ยว‘ผามออีแดง’ปลอดภัย

โดย...ภควิตา อัจจาทร

ช่วงตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา จ.ศรีสะเกษ โดยเฉพาะที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย ใน อ.กันทรลักษ์ เป็นข่าวหน้าหนึ่งมาตลอด เพราะเป็นหมู่บ้านชายแดนติดกับจังหวัดพระวิหาร ของประเทศกัมพูชา ซึ่งมีกรณีพิพาทกับไทยเรื่องพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหาร หลายวันก่อนกรมการปกครองเลยพาผู้สื่อข่าวส่วนกลางไปยังหมู่บ้านแห่งนี้ นำทีมโดย “คุณบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์” รองอธิบดีกรมการปกครอง

ที่นี่มีเหล่า อส.และบรรดา ชรบ.ร่วมกันคอยดูแลความปลอดภัย ในวันนั้นทางกรมได้พาไปดูหลุมหลบภัยที่มีเกือบพันหลุม และมีการสาธิตจำลองเหตุการณ์เมื่อมีเสียงปืนใหญ่และเสียงระเบิดยิงเข้ามา โดยชาวบ้านจะเข้าไปยังหลุมหลบภัยที่กำหนดไว้ จากนั้น อส.จะจัดแจงขนย้ายออกจากพื้นที่ทันที ซึ่งชาวบ้านภูมิซรอลก็มีประสบการณ์เรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะเคยเจอของจริงกันมาหลายครั้งหลายหนแล้ว

ดังนั้น เพื่อให้เห็นสถานการณ์ในปัจจุบันของชายแดนด้านนี้ ซึ่งเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของสองประเทศ “คุณสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต” ผวจ.ศรีสะเกษ จะมาบอกเล่าให้ฟังวันนี้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะอะไร.ต้องติดตาม

ชายแดนสงบเปิดให้ขึ้นผามออีแดง

ความจริงแล้วความสัมพันธ์ในระดับท้องถิ่นระหว่าง จ.ศรีสะเกษ กับจังหวัดพระวิหาร รวมไปถึงจังหวัดอุดรมีชัยของกัมพูชา มีความสัมพันธ์ดีมากทั้งหน่วยกำลังทหารที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดนของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายพลเรือน ฝ่ายตำรวจ รวมถึงพี่น้องประชาชน

ในระดับท้องถิ่นไม่มีความขัดแย้งกัน ปัญหาที่ผ่านมาเป็นกรณีความขัดแย้งเชิงนโยบายในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล หลังจากที่ประเทศไทยได้มีการเลือกตั้งทั่วไปและมีรัฐบาลชุดใหม่ แนวโน้มความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาตามแนวชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวชายแดนด้าน จ.ศรีสะเกษ กับจังหวัดพระวิหาร บริเวณปราสาทพระวิหารดีมาก

ทันทีที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นความตึงเครียดด้านกำลังทหารตามแนวชายแดนของทั้งสองฝ่ายคลายตัวลง เนื่องจากเขาทราบว่ารัฐบาลของทั้งสองฝ่ายมุ่งเน้นการเจรจาโดยสันติวิธีมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ จ.ศรีสะเกษ ด้วยความร่วมมือของกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ที่ดูแลเรื่องความมั่นคงตามแนวชายแดน และอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร รวมกับ อ.กันทรลักษ์ เห็นพ้องต้องกันว่านักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเที่ยวชมผามออีแดง ซึ่งติดกับปราสาทพระวิหารที่อยู่ในเขตไทยได้อย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ ทางอุทยานฯ ได้เปิดเส้นทางให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมฝั่งเราได้ทั่วบริเวณ จากเดิมช่วงที่สถานการณ์ตึงเครียดนักท่องเที่ยวขึ้นมาแล้วก็ถ่ายรูปไม่ได้ต้องรับกลับลงไป ตอนนี้เปิดให้เดินเที่ยวบริเวณสวนกล้วยไม้ป่าเป็นบริเวณกว้างมาก ชมสถูปคู่ได้ ชมรูปสลักหินนูนต่ำ บริเวณหินดาด และสามารถเดินไปจนสุดเขตต่อเนื่องกับปราสาทพระวิหาร

ชี้คนไทยมีโอกาสเที่ยวปราสาทพระวิหาร

ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ นักท่องเที่ยวเริ่มทราบว่าสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติและปลอดภัย มีนักท่องเที่ยวมีประมาณ 700-1,000 คน เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ วันธรรมดาประมาณ 200-300 คน พูดได้ว่ามีนักท่องเที่ยวกลับมา 60-70% แล้ว และแนวโน้มน่าจะดีขึ้นและจะดีขึ้นไปอีกถ้าความสัมพันธ์รัฐบาลต่อรัฐบาลดีขึ้น

นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่รับรองปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะในทางปฏิบัติหน่วยกำลังทหารทั้งสองฝ่ายมีการประสานสัมพันธ์กันตลอด ไปมาหาสู่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือข้อขัดข้องก็จะแจ้งก่อน และเขาบอกอย่างชัดเจนว่า เมื่อมีรัฐบาลใหม่เขาเน้นการเจรจาไม่เน้นการสู้รบ

สำหรับเรื่องเข้าไปเที่ยวชมปราสาทพระวิหาร คงจะต้องเป็นการเจรจาระดับรัฐบาลกับรัฐบาล เพื่อพูดคุยกันในเรื่องบริหารจัดการร่วมกันและแบ่งผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ในอดีตก็เป็นอย่างนั้น คือ การเก็บค่าผ่านประตูแล้วแบ่งกันคนละครึ่ง

ผมคิดว่าภายใต้นโยบายของรัฐบาลชุดนี้น่าจะเป็นไปได้ เพราะมีพื้นฐานความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เมื่อพรรคเพื่อไทยมาเรื่องการท่องเที่ยวและการไปมาหาสู่กันจะดีมาก ทางกัมพูชาเขามีความมั่นใจมาก ตรงนี้จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนของทั้งสองฝ่ายที่จะมีรายได้ต่อเนื่องจากการท่องเที่ยว

ขณะนี้ทางจังหวัดได้ทำหนังสือขอความร่วมมือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 75 จังหวัด ว่าสถานการณ์มีความปลอดภัย เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 07.30-16.30 น. คิดว่านักท่องเที่ยวน่าจะกลับมาเหมือนเดิม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ชอบธรรมชาติ ชอบดูทิวทัศน์ตามแนวชายแดนยิ่งอยากให้ไป ถ้าไปช่วงปลายฝนต้นหนาวจะมีทะเลหมอกสวยงาม อากาศไม่ร้อน

ในการขึ้นไปเที่ยวปราสาทพระวิหารนั้น นักท่องเที่ยวจะเข้าไปเที่ยวชมสะดวกที่สุดถ้าขึ้นไปจากฝั่งเราทางด้าน อ.กันทรลักษ์ ที่บริเวณผามออีแดง เพราะว่าทางฝั่งกัมพูชาถนนเขาลาดชันมาก เป็นลูกรังและอันตราย แม้ว่าจะให้ทางญี่ปุ่นมาทำก็ยังไม่เสร็จ และไกลจากตัวเมืองหลวง

ช่องสะงำไปนครวัดนครธมสะดวก

นักท่องเที่ยวถ้าจะมาเที่ยวปราสาทพระวิหาร ต้องลงเครื่องบินที่พนมเปญหรือลงที่เสียมเรียบ และต้องนั่งรถต่อมาอีกหลายชั่วโมง ซึ่งตรงนั้นเขาเที่ยวที่นครวัดก็ใหญ่โตแล้ว จริงๆ แล้วต้องอาศัยนักท่องเที่ยวที่มาลงเครื่องที่อุบลราชธานี แล้วนั่งรถ 1 ชั่วโมง 60 กิโลเมตร มาที่ผามออีแดง เส้นท่องเที่ยวจะเป็นแบบนี้จะสะดวกกว่า สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สะดวกที่สุดคือมาเข้าทางฝั่งไทย

พูดถึงการไปนครวัดนครธม ถ้าไปทางสระแก้วจะไกลกว่า บางคนไม่ทราบว่าที่จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ เป็นจุดที่ไปนครวัดนครธมที่ใกล้ที่สุด จากด่านชายแดนถาวรช่องสะงำนั่งรถไปปราสาทนครวัดนครธมชั่วโมงครึ่ง เป็นการเข้าออกประเทศโดยใช้พาสปอร์ต ถ้าออกจาก จ.ศรีสะเกษ 6 โมงเช้า 9 โมงเช้า ไปยืนถ่ายรูปที่นครวัดได้เลย ไปเช้าเย็นกลับก็ได้ ซึ่งถ้าไปกับบริษัทท่องเที่ยวจะสะดวกกว่าเอารถไปเอง เพราะเราไม่รู้จักเส้นทาง

เขมรชอบสินค้าไทย

ในระดับจังหวัดมีการเจรจาและไปมาหาสู่กัน อย่างเมื่อต้นเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นวันฉลองชัยชนะของระบอบการปกครองใหม่ของกัมพูชาที่มีการฉลองกันทั้งประเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหารก็ได้เชิญ จ.ศรีสะเกษ ให้นำสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนโอท็อปไปแสดงและจำหน่ายที่นั่น ซึ่งขายดีมากและทางกัมพูชาพอใจมาก

เขาบอกว่า อยากให้เราไปเป็นช่วงๆ โดยในวันที่ 78 ก.ย.ที่ผ่านมา จังหวัดได้ร่วมกับหอการค้าศรีสะเกษนำผู้ประกอบการไปจับคู่เจรจากับพ่อค้าของเสียมเรียบที่เราต้องการเจาะตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค เพราะที่นั่นมีนักท่องเที่ยวมาปีละล้านกว่าคน เราจะไปเสนอขายผัก ผลไม้ ไก่ ปลา ของที่ต้องใช้ประจำวัน