แง้มใจกัปตัน ฮ. หญิงคนแรกของไทย
หากพูดถึงพาหนะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ทั้งหลายแหล่ ช่วยลองนึกดูหน่อยซิครับว่า อะไรที่คนส่วนใหญ่ขับครั้งแรกในชีวิต
หากพูดถึงพาหนะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ทั้งหลายแหล่ ช่วยลองนึกดูหน่อยซิครับว่า อะไรที่คนส่วนใหญ่ขับครั้งแรกในชีวิต
โดย.. วรธาร ทัดแก้ว
หากพูดถึงพาหนะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ทั้งหลายแหล่ ช่วยลองนึกดูหน่อยซิครับว่า อะไรที่คนส่วนใหญ่ขับครั้งแรกในชีวิต!?! เท่าที่เห็นก็มอเตอร์ไซค์และรถยนต์ที่คนขับกันทั่วโลก ไม่เว้นเด็กที่ไม่มีใบขับขี่ก็ขับกันโครมๆ เช่นเร็วๆ นี้ พ่อแม่ชาวจีนรายหนึ่งปล่อยให้ลูกสาววัย 4 ขวบขับรถยนต์เฉย เป็นข่าวเสียวกันทั่วโลก
แต่นั่น รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ใครก็ขับได้ใช่ปะ แค่ทดลองฝึกในวันเดียวก็ออกถนนใหญ่ไปได้สบายบรื๋อออ...แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ “จตุพร พ่วงชิงงาม” พาหนะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แรกที่เธอขับเป็นก่อนพาหนะอื่นใดในชีวิตไม่ใช่ทั้งมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ แต่เป็นเฮลิคอปเตอร์ (ฮ.) โดยทุกวันเธอจะทำการบินนอกชายฝั่งทะเลวันละไม่ต่ำกว่า 10 ไฟลต์ ในการส่งเจ้าหน้าที่ประจำแท่นขุดเจาะพร้อมอุปกรณ์เครื่องมือที่สามารถขนทาง ฮ. ได้ มาตั้งแต่ปี 2548 และเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้วก็ได้ขึ้นเป็น “กัปตัน ฮ.หญิง” คนแรกของประเทศไทย ย้ำนะครับว่าคนแรก!
น่าสนใจมะ...ว่าอะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องมาเป็น “นักบิน” ซึ่งเป็นอาชีพที่ผู้หญิงทั้งหลาย หรือแม้แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ในโลกไม่เลือกที่จะเป็น เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศจะต้องอยากรู้จักเธอแน่นอน
เดินตามเส้นทางฝัน
จตุพร มีชื่อเล่นว่า “เปา” เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิดและเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว ปัจจุบันเป็นนักบินของบริษัท ไทย เอเวชั่น เซอร์วิส (TAS) ซึ่งเป็นบริษัทให้เช่าเหมาลำเฮลิคอปเตอร์ โดยทำการบินจากฐานบินชายฝั่งทะเล ณ สนามบินทหารเรือสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา และสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ไปยังแท่นขุดเจาะและสำรวจปิโตรเลียม แท่นที่พักอาศัย เรือสำรวจ และขุดเจาะปิโตรเลียม ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในบริเวณอ่าวไทยตอนบนและอ่าวไทยตอนล่าง ตลอดจนในน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชาและมาเลเซีย เป็นต้น ตำแหน่งของเธอ คือ “กัปตัน” ประจำเครื่อง Sikorsky S76
ย้อนไปในวัยเด็ก “เปา” มีความฝันเหมือนเด็กทั่วไป แต่ความฝันของเธอผิดแปลกแตกต่างจากเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ที่บางคนอาจอยากเป็นหมอ เป็นพยาบาล ตำรวจ ทหาร ดารา นักข่าว นางงาม แอร์โฮสเตส ฯลฯ แต่เธอกลับฝันอยากเป็น “นักบิน” โบยบินอยู่บนเวหาเฉกเช่นหมูวิหคนกกาด้วยความปรารถนาจะจับกลุ่มก้อนเมฆใหญ่น้อย
“ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่แหงนมองบนท้องฟ้า เห็นเมฆสวยๆ ลอยอยู่ก็อยากขึ้นไปจับแค่นั้นเอง เป็นความฝันตามประสาเด็ก แต่รู้ไหมพอโตขึ้นก็ได้รู้ซึ้งว่าการเป็นนักบินมิได้เป็นกันง่ายๆ โดยเฉพาะผู้หญิงด้วยแล้วโอกาสน้อยมาก”
แม้จะตามประสาเด็กแต่ความฝันนั้นได้หยั่งรากฝังลึกในใจเสมอมา เธอเริ่มต้นเดินตามฝันทันที โดยหลังจากเรียนจบ ม.6 แล้วเธอเลือกเรียนคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต โดยไม่ลังเล เพราะเชื่อว่าภาษาอังกฤษจะเป็นเครื่องมือสำคัญหากรักในอาชีพนักบิน เพราะเทคโนโลยีตัวนี้ประเทศไทยไม่ได้ผลิตเอง
ข่าวดีจากบางกอกโพสต์
อย่างไรก็ดีกรมการบินเมืองไทยค่อนข้างแคบและยังไม่เปิดกว้างสำหรับผู้หญิง โดยไม่ต้องดูอื่นไกลในทางทหารผู้ชายเท่านั้นที่มีโอกาสแต่ผู้หญิงไม่มี ทางเดียวจะเป็นได้คือต้องไปเรียนเองที่สถาบันการบินพลเรือน หรือไม่ก็ต่างประเทศที่เปิดกว้าง แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมเรียนสูง แต่ด้วยฐานะทางบ้านยากจนทำให้โอกาสของเธอแทบมองไม่เห็น กระนั้นเธอก็คิดว่าหากไม่ได้เป็นนักบินก็ขอให้ทำงานเกี่ยวการบินก็พอใจแล้ว
ดังนั้น เมื่อเรียนจบเธอจึงได้ไปทำงานโรงแรมเพื่อพัฒนาทางด้านภาษา ในขณะเดียวกันก็พยายามมองหางานที่เกี่ยวกับการบินทำ จนในที่สุดวันหนึ่งได้อ่านหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ มีคอลัมน์หนึ่งเขียนเกี่ยวกับการรับสมัครงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ราชการสัมพันธ์ ทำเกี่ยวงานเอกสาร ใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบินทั้งหมดของบริษัท ไทย เอเวชั่น เซอร์วิส และเธอไม่รีรอได้ไปสมัครบริษัทดังกล่าว และเป็นโชคดีที่บริษัทพิจารณารับเธอเข้าทำงานที่สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ
ที่นี่ทำให้เธอได้รู้ว่าบริษัททำธุรกิจให้เช่าเหมาลำเฮลิคอปเตอร์ (โดยมีฐานปฏิบัติการบิน 2 แห่ง คือ สนามบินสงขลาและสนามบินอู่ตะเภา) และเธอก็รู้มาว่าบริษัทมีนโยบายผลิตนักบินเพิ่มด้วยการให้ทุนไปเรียน แต่ต้องผ่านการสอบชิงทุน และเธอก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอย เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ส่งใบสมัครสอบ
“ผู้บริหารถกกันใหญ่ค่ะ มีทั้งเห็นชอบและไม่เห็นชอบ ทัศนะแตกต่างหลากหลายชัดเจน โดยกระบวนการพิจารณากินเวลาเป็นปีจึงเปิดโอกาสให้ผู้หญิงสอบ ทุกอย่างมาตรฐานเดียวกันหมด แล้วดิฉันก็ผ่านการทดสอบตามที่บริษัทกำหนด จากนั้นถูกส่งไปเรียนที่แคนาดาเป็นเวลา 10 เดือน เมื่อเดือน ก.ย. 2546 กลับประเทศไทยกลางปี 2547 แล้วฝึกเพิ่มตามควอลิฟายในเส้นใบอนุญาตไทยกับขั้นตอนต่างๆ ตามที่กรมการบินไทยกำหนด เริ่มปฏิบัติงานจริงเมื่อปี 2548 โดยเป็นนักบินผู้ช่วย บินเก็บชั่วโมงขั้นต่ำได้ สอบใบอนุญาตการบินพาณิชย์เอกและตามที่บริษัทกำหนด และได้ขึ้นเป็นกัปตันเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว” กัปตันเปาบอกเล่าเส้นทางการเป็นนักบินของตนด้วยน้ำเสียงสดใส
ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่สุดบรรยาย
จตุพร เล่าว่า ก่อนจะจบมาเป็นกัปตัน เธอต้องผ่านการฝึกมีทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เช่น การฝึกบินท่ามาตรฐานทั่วไป การลงจอดเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ตื่นเต้นแต่ไม่ตกใจก็คือเครื่องบินที่ใช้ในการฝึกเป็น “เครื่องยนต์เดี่ยว” ซึ่งต่างจากเครื่องบินที่ใช้ในการบินทั่วไปจะเป็นเครื่องยนต์สองเครื่อง เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเครื่องยนต์ดับขึ้นมาจะไม่มีโอกาสที่ 2 แน่นอน
“แม้จะเป็นเครื่องยนต์เดี่ยวก็ไม่ได้กลัวอะไร วันแรกที่ได้ขับ รู้สึกสมใจนึกมากกว่าเพราะเป็นสิ่งที่อยากทำมาตลอด และคิดเสมอเราทำได้ เรามั่นใจ พอขับแล้วชอบมากเพราะมันมีความอิสระ ได้จับคอนโทรลเครื่องเอง เชื่อไหมก่อนนี้ดิฉันขับรถไม่เป็นและไม่เคยขับ แต่พาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์รถที่ขับเป็น คือ ฮ. มันจึงเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่สุดบรรยาย”
ทั้งในวันที่ได้เป็นกัปตัน เธอบอกว่า รู้สึกโล่งเพราะสิ่งที่ตัวเองฝันและพยายามมาทั้งหมดได้ประสบผลสำเร็จแล้วและเป็นความสำเร็จสูงสุดในชีวิตที่เกินความคาดหมาย
“เพราะความฝันของเราคืออยากเป็นนักบิน แต่รู้ไหมความฝันอันสูงสุดของคนที่เป็นนักบินก็คือการได้เป็นกัปตัน ดีใจมากค่ะ” กัปตันวัย 32 เผยความรู้สึกกับตำแหน่งกัปตันวันแรก
ส่วนเป้าหมายในอนาคต เธอบอกว่า ณ ตอนนี้จะปฏิบัติหน้าที่กัปตันให้ดีที่สุด แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะบินในลักษณะการบินที่แตกต่างจากที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เช่น การบินกู้ภัยฉุกเฉินนอกชายฝั่ง เหมือนที่ต่างประเทศจะมีเฮลิคอปเตอร์พยาบาลในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ เป็นต้น
ก่อนจบสนทนากัปตัน ฮ.หญิงคนแรกออกตัวว่า ขอเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทุกคน และอย่าคิดว่าการเป็นนักบินผู้ชายเท่านั้นที่ทำได้ ผู้หญิงก็สามารถทำได้และเป็นได้ ขอเพียงใจต้องรักและชอบในการบินและต้องเก่งภาษา เพราะเวลาเรียนใช้ภาษาอังกฤษ ทั้งตำรา คู่มือ และที่สำคัญเทคโนโลยีตัวนี้บ้านเราไม่ได้ผลิต


