posttoday

แง้มใจกัปตัน ฮ. หญิงคนแรกของไทย

06 กันยายน 2554

หากพูดถึงพาหนะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ทั้งหลายแหล่ ช่วยลองนึกดูหน่อยซิครับว่า อะไรที่คนส่วนใหญ่ขับครั้งแรกในชีวิต

หากพูดถึงพาหนะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ทั้งหลายแหล่ ช่วยลองนึกดูหน่อยซิครับว่า อะไรที่คนส่วนใหญ่ขับครั้งแรกในชีวิต

โดย.. วรธาร ทัดแก้ว

หากพูดถึงพาหนะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ทั้งหลายแหล่ ช่วยลองนึกดูหน่อยซิครับว่า อะไรที่คนส่วนใหญ่ขับครั้งแรกในชีวิต!?! เท่าที่เห็นก็มอเตอร์ไซค์และรถยนต์ที่คนขับกันทั่วโลก ไม่เว้นเด็กที่ไม่มีใบขับขี่ก็ขับกันโครมๆ เช่นเร็วๆ นี้ พ่อแม่ชาวจีนรายหนึ่งปล่อยให้ลูกสาววัย 4 ขวบขับรถยนต์เฉย เป็นข่าวเสียวกันทั่วโลก

แต่นั่น รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ใครก็ขับได้ใช่ปะ แค่ทดลองฝึกในวันเดียวก็ออกถนนใหญ่ไปได้สบายบรื๋อออ...แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ “จตุพร พ่วงชิงงาม” พาหนะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แรกที่เธอขับเป็นก่อนพาหนะอื่นใดในชีวิตไม่ใช่ทั้งมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ แต่เป็นเฮลิคอปเตอร์ (ฮ.) โดยทุกวันเธอจะทำการบินนอกชายฝั่งทะเลวันละไม่ต่ำกว่า 10 ไฟลต์ ในการส่งเจ้าหน้าที่ประจำแท่นขุดเจาะพร้อมอุปกรณ์เครื่องมือที่สามารถขนทาง ฮ. ได้ มาตั้งแต่ปี 2548 และเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้วก็ได้ขึ้นเป็น “กัปตัน ฮ.หญิง” คนแรกของประเทศไทย ย้ำนะครับว่าคนแรก!

แง้มใจกัปตัน ฮ. หญิงคนแรกของไทย

น่าสนใจมะ...ว่าอะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องมาเป็น “นักบิน” ซึ่งเป็นอาชีพที่ผู้หญิงทั้งหลาย หรือแม้แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ในโลกไม่เลือกที่จะเป็น เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศจะต้องอยากรู้จักเธอแน่นอน


เดินตามเส้นทางฝัน

จตุพร มีชื่อเล่นว่า “เปา” เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิดและเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว ปัจจุบันเป็นนักบินของบริษัท ไทย เอเวชั่น เซอร์วิส (TAS) ซึ่งเป็นบริษัทให้เช่าเหมาลำเฮลิคอปเตอร์ โดยทำการบินจากฐานบินชายฝั่งทะเล ณ สนามบินทหารเรือสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา และสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ไปยังแท่นขุดเจาะและสำรวจปิโตรเลียม แท่นที่พักอาศัย เรือสำรวจ และขุดเจาะปิโตรเลียม ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในบริเวณอ่าวไทยตอนบนและอ่าวไทยตอนล่าง ตลอดจนในน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชาและมาเลเซีย เป็นต้น ตำแหน่งของเธอ คือ “กัปตัน” ประจำเครื่อง Sikorsky S76

แง้มใจกัปตัน ฮ. หญิงคนแรกของไทย

 

ย้อนไปในวัยเด็ก “เปา” มีความฝันเหมือนเด็กทั่วไป แต่ความฝันของเธอผิดแปลกแตกต่างจากเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ที่บางคนอาจอยากเป็นหมอ เป็นพยาบาล ตำรวจ ทหาร ดารา นักข่าว นางงาม แอร์โฮสเตส ฯลฯ แต่เธอกลับฝันอยากเป็น “นักบิน” โบยบินอยู่บนเวหาเฉกเช่นหมูวิหคนกกาด้วยความปรารถนาจะจับกลุ่มก้อนเมฆใหญ่น้อย

“ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่แหงนมองบนท้องฟ้า เห็นเมฆสวยๆ ลอยอยู่ก็อยากขึ้นไปจับแค่นั้นเอง เป็นความฝันตามประสาเด็ก แต่รู้ไหมพอโตขึ้นก็ได้รู้ซึ้งว่าการเป็นนักบินมิได้เป็นกันง่ายๆ โดยเฉพาะผู้หญิงด้วยแล้วโอกาสน้อยมาก”

แม้จะตามประสาเด็กแต่ความฝันนั้นได้หยั่งรากฝังลึกในใจเสมอมา เธอเริ่มต้นเดินตามฝันทันที โดยหลังจากเรียนจบ ม.6 แล้วเธอเลือกเรียนคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต โดยไม่ลังเล เพราะเชื่อว่าภาษาอังกฤษจะเป็นเครื่องมือสำคัญหากรักในอาชีพนักบิน เพราะเทคโนโลยีตัวนี้ประเทศไทยไม่ได้ผลิตเอง

ข่าวดีจากบางกอกโพสต์

อย่างไรก็ดีกรมการบินเมืองไทยค่อนข้างแคบและยังไม่เปิดกว้างสำหรับผู้หญิง โดยไม่ต้องดูอื่นไกลในทางทหารผู้ชายเท่านั้นที่มีโอกาสแต่ผู้หญิงไม่มี ทางเดียวจะเป็นได้คือต้องไปเรียนเองที่สถาบันการบินพลเรือน หรือไม่ก็ต่างประเทศที่เปิดกว้าง แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมเรียนสูง แต่ด้วยฐานะทางบ้านยากจนทำให้โอกาสของเธอแทบมองไม่เห็น กระนั้นเธอก็คิดว่าหากไม่ได้เป็นนักบินก็ขอให้ทำงานเกี่ยวการบินก็พอใจแล้ว

ดังนั้น เมื่อเรียนจบเธอจึงได้ไปทำงานโรงแรมเพื่อพัฒนาทางด้านภาษา ในขณะเดียวกันก็พยายามมองหางานที่เกี่ยวกับการบินทำ จนในที่สุดวันหนึ่งได้อ่านหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ มีคอลัมน์หนึ่งเขียนเกี่ยวกับการรับสมัครงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ราชการสัมพันธ์ ทำเกี่ยวงานเอกสาร ใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบินทั้งหมดของบริษัท ไทย เอเวชั่น เซอร์วิส และเธอไม่รีรอได้ไปสมัครบริษัทดังกล่าว และเป็นโชคดีที่บริษัทพิจารณารับเธอเข้าทำงานที่สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ

แง้มใจกัปตัน ฮ. หญิงคนแรกของไทย

 

ที่นี่ทำให้เธอได้รู้ว่าบริษัททำธุรกิจให้เช่าเหมาลำเฮลิคอปเตอร์ (โดยมีฐานปฏิบัติการบิน 2 แห่ง คือ สนามบินสงขลาและสนามบินอู่ตะเภา) และเธอก็รู้มาว่าบริษัทมีนโยบายผลิตนักบินเพิ่มด้วยการให้ทุนไปเรียน แต่ต้องผ่านการสอบชิงทุน และเธอก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอย เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ส่งใบสมัครสอบ

“ผู้บริหารถกกันใหญ่ค่ะ มีทั้งเห็นชอบและไม่เห็นชอบ ทัศนะแตกต่างหลากหลายชัดเจน โดยกระบวนการพิจารณากินเวลาเป็นปีจึงเปิดโอกาสให้ผู้หญิงสอบ ทุกอย่างมาตรฐานเดียวกันหมด แล้วดิฉันก็ผ่านการทดสอบตามที่บริษัทกำหนด จากนั้นถูกส่งไปเรียนที่แคนาดาเป็นเวลา 10 เดือน เมื่อเดือน ก.ย. 2546 กลับประเทศไทยกลางปี 2547 แล้วฝึกเพิ่มตามควอลิฟายในเส้นใบอนุญาตไทยกับขั้นตอนต่างๆ ตามที่กรมการบินไทยกำหนด เริ่มปฏิบัติงานจริงเมื่อปี 2548 โดยเป็นนักบินผู้ช่วย บินเก็บชั่วโมงขั้นต่ำได้ สอบใบอนุญาตการบินพาณิชย์เอกและตามที่บริษัทกำหนด และได้ขึ้นเป็นกัปตันเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว” กัปตันเปาบอกเล่าเส้นทางการเป็นนักบินของตนด้วยน้ำเสียงสดใส

ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่สุดบรรยาย

จตุพร เล่าว่า ก่อนจะจบมาเป็นกัปตัน เธอต้องผ่านการฝึกมีทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เช่น การฝึกบินท่ามาตรฐานทั่วไป การลงจอดเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ตื่นเต้นแต่ไม่ตกใจก็คือเครื่องบินที่ใช้ในการฝึกเป็น “เครื่องยนต์เดี่ยว” ซึ่งต่างจากเครื่องบินที่ใช้ในการบินทั่วไปจะเป็นเครื่องยนต์สองเครื่อง เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเครื่องยนต์ดับขึ้นมาจะไม่มีโอกาสที่ 2 แน่นอน

“แม้จะเป็นเครื่องยนต์เดี่ยวก็ไม่ได้กลัวอะไร วันแรกที่ได้ขับ รู้สึกสมใจนึกมากกว่าเพราะเป็นสิ่งที่อยากทำมาตลอด และคิดเสมอเราทำได้ เรามั่นใจ พอขับแล้วชอบมากเพราะมันมีความอิสระ ได้จับคอนโทรลเครื่องเอง เชื่อไหมก่อนนี้ดิฉันขับรถไม่เป็นและไม่เคยขับ แต่พาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์รถที่ขับเป็น คือ ฮ. มันจึงเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่สุดบรรยาย”

ทั้งในวันที่ได้เป็นกัปตัน เธอบอกว่า รู้สึกโล่งเพราะสิ่งที่ตัวเองฝันและพยายามมาทั้งหมดได้ประสบผลสำเร็จแล้วและเป็นความสำเร็จสูงสุดในชีวิตที่เกินความคาดหมาย

“เพราะความฝันของเราคืออยากเป็นนักบิน แต่รู้ไหมความฝันอันสูงสุดของคนที่เป็นนักบินก็คือการได้เป็นกัปตัน ดีใจมากค่ะ” กัปตันวัย 32 เผยความรู้สึกกับตำแหน่งกัปตันวันแรก

ส่วนเป้าหมายในอนาคต เธอบอกว่า ณ ตอนนี้จะปฏิบัติหน้าที่กัปตันให้ดีที่สุด แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะบินในลักษณะการบินที่แตกต่างจากที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เช่น การบินกู้ภัยฉุกเฉินนอกชายฝั่ง เหมือนที่ต่างประเทศจะมีเฮลิคอปเตอร์พยาบาลในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ เป็นต้น

ก่อนจบสนทนากัปตัน ฮ.หญิงคนแรกออกตัวว่า ขอเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทุกคน และอย่าคิดว่าการเป็นนักบินผู้ชายเท่านั้นที่ทำได้ ผู้หญิงก็สามารถทำได้และเป็นได้ ขอเพียงใจต้องรักและชอบในการบินและต้องเก่งภาษา เพราะเวลาเรียนใช้ภาษาอังกฤษ ทั้งตำรา คู่มือ และที่สำคัญเทคโนโลยีตัวนี้บ้านเราไม่ได้ผลิต
 

 

ข่าวล่าสุด

‘ม.สงขลาฯ’ ร่วมกรมการแพทย์ รับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษาด้วย CAR-T Cell