posttoday

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

24 กรกฎาคม 2554

ที่อยู่นี้ก็เพื่อพี่น้องสัตว์ทั้งหลายทั่วโลกธาตุ เป็นผู้หวังยังไม่พอ ยังต้องหวังผู้อื่นช่วยอยู่ ไม่เป็น อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ

ที่อยู่นี้ก็เพื่อพี่น้องสัตว์ทั้งหลายทั่วโลกธาตุ เป็นผู้หวังยังไม่พอ ยังต้องหวังผู้อื่นช่วยอยู่ ไม่เป็น อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ

ที่อยู่นี้ก็เพื่อพี่น้องสัตว์ทั้งหลายทั่วโลกธาตุ เป็นผู้หวังยังไม่พอ ยังต้องหวังผู้อื่นช่วยอยู่ ไม่เป็น อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ยังต้องหวังพึ่งผู้อื่น เพราะฉะนั้นการหวังพึ่งผู้อื่นก็เข้ากับการเมตตาสงเคราะห์โลก เราก็สงเคราะห์ไปอย่างนั้นๆ ละ สำหรับเจ้าของเองหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเหลือแล้ว หมดจริงๆ ไม่คำนึงถึงเรื่องความเกิด ความตาย หมดไปตามๆ กันแล้ว

นี่ละการประพฤติปฏิบัติธรรม

ขอให้ท่านทั้งหลายปฏิบัติธรรมนี้เป็นธรรมสวากขาตธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นศาสดาองค์เอกมาสอนโลกจะผิดไปที่ไหน ขึ้นชื่อว่าศาสดาองค์เอกนำธรรมมาสอนโลกต้องถูกต้อง เรียกว่า สวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้วทั้งนั้น ขอให้พากันตั้งใจปฏิบัติให้ชอบธรรมเถอะ ทางที่ถูกต้องจะใกล้เข้ามาชิดเข้ามา ก้าวออกไป 1 ก้าว 2 ก้าว ใกล้ความสิ้นทุกข์ไปโดยลำดับ จนกระทั่งถึงความบริสุทธิ์หมด ความทุกข์ทั้งหลายไม่มีเหลือ เหลือแต่ธาตุขันธ์ ธาตุขันธ์ดับไปแล้วจิตก็เป็นธรรมธาตุ

นี่ละจิตเป็นธรรมธาตุ จิตสุดขีดสุดแดน สุดสมมติทั้งหลายแล้ว จิตนี้เป็นธรรมธาตุ จะเรียกว่าจิตไม่ได้นะ เป็นธรรมธาตุ นี่ละการปฏิบัติธรรมให้ตั้งใจปฏิบัติให้เห็นอย่างนี้ อย่าพากันโลเลโลกเลก ตื่นลมตื่นแล้งตื่นมืดตื่นแจ้งตื่นสว่าง มันมีมาตั้งกัปตั้งกัลป์แต่กาลไหนๆ ส่วนการเกิดการตายของเราก็แบกหามกันไปตามมืดตามแจ้ง ทีนี้สลัดอันนี้ออกด้วยความยึดถือมืดแจ้งเดือนดาวตะวันอะไรนี้ออกจากใจหมด ขาดสะบั้นจากใจ

ใจก็เป็นใจที่บริสุทธิ์วิมุตติหลุดพ้น นั่นละพ้นจากทุกข์พ้นที่ใจ ไม่ได้พ้นที่ไหน

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

ขอให้ท่านทั้งหลายจำให้ดี เกิดมาชาตินี้ก็หมดละ ในชาตินี้หมดภูมิละ จะก้าวไปที่ไหนความรู้สึก คือ จิตไม่คิด จะก้าวถอยกลับก็ไม่มี

จะก้าวหน้าต่อไปอีกก็ไม่มี พอแล้วด้วยความรื่นเริงบันเทิง พอแล้วด้วยความอัศจรรย์ภายในจิตนี้ถูกต้อง อย่างอื่นไม่มี

การประกอบความพากเพียรก็เปลี่ยนอิริยาบถ แล้วพิจารณาธรรมทั้งหลายลึกตื้นหยาบละเอียดไปเท่านั้น เช่น เดินจงกรม อย่างพระพุทธเจ้าท่านก็เดินจงกรม พระสาวกทั้งหลายท่านสิ้นกิเลสแล้วท่านก็เดินจงกรม การเดินจงกรมของท่านนั้น เป็นการเปลี่ยนอิริยาบถหนึ่ง เป็นการพิจารณาธรรมลึกตื้นหยาบละเอียดกว้างแคบทั้งหลายหนึ่ง

พระสาวกก็เหมือนกัน ท่านไม่ได้เดินจงกรมเพื่อละกิเลสถอนกิเลส เหมือนพวกเราทั้งหลายที่หาบแต่กิเลสอยู่นี้ ท่านหมดกิเลสแล้วท่านเดินด้วยความหมดกิเลส ยืน เดิน นั่ง นอน ด้วยความสิ้นกิเลสไม่มีอะไรเหลือภายในพระทัยภายในใจของพระพุทธเจ้าเลย

นั่นละที่เราเรียกว่า พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมํ ก็คือ ธรรมอันเลิศ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ก็คือพระสงฆ์ประเภทนี้เอง ประเภทที่ว่าสิ้นกิเลสแล้ว

เป็นสงฺฆํ ของพวกเรา สรณํ คจฺฉามิ ขอให้พากันปฏิบัติให้เป็นสรณะของตัวเองก่อนนะ ปฏิบัติตัวเองให้เป็นที่พึ่งของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้วก็เป็น สรณํ คจฺฉามิ ต่อจากนั้นก็เป็น สรณํ ของโลกต่อไป ให้พากันจำเอานะ

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2551 เปิดโลกธาตุ

วัดนี้ก็เป็นวัดที่ระลึกของเรา แต่ก่อนเราขึ้นไปอยู่บนเขา ข้างล่างสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ไม่มี มาก็ขึ้นบนเขาข้างบนอากาศดี เรียกว่าดีมาก ขึ้นอยู่บนหลังเขาแล้วอากาศรู้สึกว่าแผ่วเบาอยู่บนหลังเขา ไปภาวนาอยู่ที่นั่น 

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

อันนี้มาปลูกสร้างทีหลัง วัดนี้ก็ลืมไม่ได้อีกเหมือนกัน นี่ละฟาดกิเลสพังทลายลงบนเขาลูกนี้แหละ เราไม่ได้ลืมนะ วันที่ 15 พ.ค. 2493 เวลา 5 ทุ่มพอดี อยู่บนหลังเขา ฟัดกิเลสขาดสะบั้นลงไปอยู่บนหลังเขาลูกนี้ เราไม่ลืมนะ จึงเป็นวัดที่สำคัญมากในชีวิตของเรา มาภาวนาอยู่เรื่อยๆ เพราะเห็นว่าอากาศมันดีมาบ่อย ตอนนั้นท่านอาจารย์กงมาท่านอยู่ที่นี่ มาภาวนาอยู่ที่นี่

นี่ละกิเลส พูดให้มันชัดเจนว่าเป็นวัดที่ลืมไม่ได้จนกระทั่งวันตาย กิเลสขาดสะบั้นลงบนหลังเขา วัดดอยธรรมเจดีย์ ไม่ลืม วันที่ 15 พ.ค. 2493 กิเลสพังลงจากใจเป็นเวลา 5 ทุ่มพอดี เหมือนฟ้าดินถล่มนะ เพราะฉะนั้นวัดนี้เราจึงลืมไม่ได้ ตั้งแต่นั้นมาจิตก็สว่างจ้า บอกให้ตรงไปตรงมาเลย คือหลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์นี้เอง เป็นที่สงบสงัด บิณฑบาตก็ไปบ้านนาสีนวล เดินบิณฑบาตลงไปนี้ดูเหมือนชั่วโมงกับ 25 นาที หรือไงผมลืมๆ คือเดินลงไปนี่ทั้งไปทั้งกลับดูเหมือนชั่วโมง 25 นาที ถ้าจำไม่ลืม ไกลอยู่นะจากนี้ไปวัดนาสีนวล ดูเหมือน 3 กิโลฯ เดินตัดเขาลงไป

นี่ละที่ว่าวัดนี่เป็นที่ระลึกไม่ลืมก็คือ วัดดอยธรรมเจดีย์ บนหลังเขาวัดดอย กระต๊อบเล็กๆ เรามาทีไรเราต้องขึ้นไปที่นั่น เดี๋ยวนี้กระต๊อบนั้นดูเหมือนจะรื้อไปแล้วมั้ง เล็กๆ อยู่ที่หน้าพระยืน พระอยู่ข้างบน กระต๊อบเล็กๆ หันหน้ามาทางพระ เรามาอยู่ที่นั่น นั่นก็เวลา 5 ทุ่มพอดี กิเลสขาดสะบั้นลงไปเป็นเวลา 5 ทุ่ม วันที่ 15 พ.ค. 2493 เพราะฉะนั้นจึงเป็นวัดที่ลืมไม่ได้เลย การบำเพ็ญนี้สะดวกมาก ทั้งคืนทั้งวันสงัดเงียบเลย ตั้งหน้าตั้งตาภาวนาจริงๆ มาอยู่ที่นี่

นี่ก็ขอให้ภาวนากันนะพระเรา อย่าอยู่เฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร นั่งที่ไหนยืน เดิน นั่ง นอน ให้มีสติติดแนบอยู่กับตัว ถ้าสติมีแล้วจะไม่เกิดกิเลส

จะเกิดทางสังขาร สังขารนี้จะเกิดมาจาก อวิชฺชาปจฺจยา แล้วก็ สงฺขารา อวิชชาหนุนให้เกิดเป็นสังขาร กิเลสสังขารสมุทัยขึ้นมา เมื่อมีสติแล้วสังขารก็ไม่เกิด จิตก็สงบร่มเย็นได้ นั่นละการภาวนา ให้พินิจพิจารณา วัดนี้ก็เป็นวัดสำคัญของเราวัดหนึ่ง เป็นวัดที่เราลืมไม่ได้เหมือนกันวัดนี้ ตั้งแต่นั้นมาก็ไปมาเรื่อย ท่านอาจารย์กงมาท่านอยู่ที่นี่

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

นั่นละที่ทรงมรรค ทรงผล ทรงอยู่กับสติเป็นความเพียร ถ้ามีสติแล้วกิเลสไม่เกิด กิเลสจะเกิดทางสังขาร พอเราเผลอนี้สังขารจะเกิด เพราะเกิดจาก อวิชชา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ ไปเรื่อยติดต่อสืบเนื่องกันไม่มีสิ้นสุด ถ้าสติไม่มีเกิดตลอด กิเลสเกิดตลอด ธรรมไม่มีทางเกิดได้เลย เวลาสติมีอยู่แล้วกิเลสก็ไม่เกิด ใจก็มีความสงบร่มเย็น จากนั้นก็สว่างไสวได้

นั่นละ นักภาวนาให้เป็นอย่างนั้น

เพียงแต่มานั่งภาวนาเฉยๆ สักแต่ว่านั่งไม่พินิจพิจารณาการดำเนินของตัวเองไม่เกิดประโยชน์การภาวนาสติเป็นสำคัญมากทีเดียว ถ้าขาดสติไปเมื่อไรนั้นละคือ ขาดภาวนา จะนั่งก็เป็นหัวตอ จะนอนก็เป็นขอนซุง จะเดินก็เป็นตุ๊กตาเคลื่อนไหวไปมาเท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์ ถ้าไม่มีสติครอบอยู่ที่หัวใจ ถ้าใจมีสติอยู่ที่ไหนเป็นความเพียร กิเลสเกิดไม่ได้ ให้พากันตั้งอกตั้งใจพิจารณาอย่างนั้น นี่ได้ดำเนินมาหมดแล้วจึงได้มาเล่าให้หมู่เพื่อนฟัง ไม่ใช่มาเล่าสุ่มสี่สุ่มห้า

สติเป็นสำคัญมากในการประกอบความพากเพียรหรือหน้าที่การงานทุกอย่าง ถ้าขาดสติการงานผลก็ไม่สมบูรณ์ ถ้าสติดีแล้วการงานก็เป็นไปเพื่อความเรียบร้อย ยิ่งการภาวนานี่เหมือนกัน การภาวนายิ่งใช้สติมากมาย จากนั้นก็มีปัญญาพิจารณาสอดส่อง ถ้าไม่มีปัญญาก็เอาอีกแหละ แต่อย่างไรก็ตามขอให้มีสติ สติรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่าง ปัญญาความแยบคายทั้งหลายจะค่อยเกิดขึ้นจากสติเป็นพื้นฐาน ถ้าไม่มีสติ ไม่ดี

นี่เราก็แก่แล้วนะ ผมอายุกำลังจะ 95 เต็มแล้ว 94 ปีกับ 5-6 เดือนแล้วมั้ง อยู่ไม่นานก็จะไปแล้วแหละ เพราะมันมาถึง 94 ปี 6 เดือน กำลังจะ 95 ปีแล้ว บวชมานี้ก็ได้ 73-74 ปี ออกปฏิบัติตั้งแต่พรรษา 7 พอเรียนจบเรียบร้อยตามความมุ่งหมายแล้วได้พรรษา 7 ก็ออกปฏิบัติตั้งแต่บัดนั้น จนกระทั่งป่านนี้เรื่อยมา มีแต่ฟัดกับกิเลสทั้งนั้น เป็นเวลา 9 ปี ตั้งแต่ออกพรรษา 7 ออกปฏิบัติ ขึ้นเวทีฟัดกับกิเลสจนกระทั่งพรรษา 16 วันที่ 15 พ.ค. 2493 เวลา 5 ทุ่ม นั่นเป็นเวลาตัดสินคือผลรายได้อันสมบูรณ์ของใจที่เกิดขึ้นจากการภาวนา ก็มาเกิดที่นี่ ไม่เกิดที่ไหน เกิดที่วัดดอยธรรมเจดีย์นี้

 

 

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ผลบอลสด วันจันทร์ที่ 22 ธ.ค. 68