อั้งยี่ ค่ำคืนแสนดีกับหนุ่มเจ้าสำราญ
ตามประสาหนุ่มเจ้าสำราญ อยู่บ้านนานเกินไปแล้วพานจะเหงาและเป็นตะคริว ผ่านตาอยู่หลายครา
ตามประสาหนุ่มเจ้าสำราญ อยู่บ้านนานเกินไปแล้วพานจะเหงาและเป็นตะคริว ผ่านตาอยู่หลายครา
โดย.. ลีโอ [email protected] / ภาพ ณัฏฐ์ฐิติ อำไพวรรณ
ตามประสาหนุ่มเจ้าสำราญ อยู่บ้านนานเกินไปแล้วพานจะเหงาและเป็นตะคริว ผ่านตาอยู่หลายครา แต่ยังไม่มีโอกาสแวะมาเยือน ค่ำคืนนี้สบโอกาสเลยแวะมาเปิดหูเปิดตาละลายอาการเหงาเขย่าตะคริวให้หายเสียที ที่นี่ที่ร้าน “อั้งยี่” ชื่อนี้มีความหมาย!
...มองไปไกลที่ดวงดาวสุดขอบฟ้าไกล อยากจะไปไปให้ถึงครึ่งทางแสงเธอ ดวงดาราเหมือนไม่มีวันจะพบเจอ อยากให้เธอส่องแสงลงบนพื้นดิน...แว่วเสียงเพลงก้อนหินละเมอขับกล่อม ชวนให้เคลิบเคลิ้ม รับรู้ได้ทันทีว่าคำคืนแสนดีแบบนี้ ใช่เพียงแค่ละเมอ หากแต่จับต้องได้...
“อั้งยี่” เป็นการพลิกประวัติศาสตร์ความเศร้า กลายเป็นสถานที่ชวนค้นหา และระลึกถึงความทรงจำแสนดีในวัยเยาว์ ผ่านของสะสมแสนรักแสนหวงของ เฮียเล้งบุญชัย สุจินดาพร เจ้าของร้านใจดี ที่ชอบสะสม ชอบเที่ยว ชอบสังสรรค์ กระทั่งวันหนึ่งใจมันเรียกร้องว่าต้องมีร้านของตัวเองสักที
“เรามีความชอบและหลงใหลในของเก่าเลยอยากเอามาโชว์ ของสะสมถ้าไม่ได้นำมาให้ชื่นชมกันมันก็เปล่าประโยชน์ ผมเลยอยากทำให้อั้งยี่เป็นเหมือนแกลเลอรีเล็กๆ มานั่งทานอาหารในบรรยากาศเก่าๆ ที่ชวนให้ย้อนนึกถึงอดีต โดยมีของสะสมและบรรยากาศเป็นตัวเล่าเรื่อง”
ส่วนชื่อ อั้งยี่ นี่ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ของสะสมของเฮียเล้งส่วนใหญ่อยู่ในยุคสมัยนั้นพอดิบพอดี จึงปิ๊งชื่อนี้ขึ้นมา บรรยากาศของอั้งยี่นั้นจึงแสนชิล เหมือนย้อนไปวันวาน เฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าๆ โซฟาเก๋าๆ เครื่องใช้ไม้สอยในชีวิตประจำวันของคนยุคสมัยนั้น รวมถึงของเล่นที่ย้อนให้ระลึกถึงวัยเยาว์ ที่ล้วนเป็นของสะสมที่มีคุณค่าทางใจ ถูกนำมาตกแต่งได้จังหวะสอดคล้องและลงตัวที่สุด เรียกว่ามีตำนานและชวนให้ค้นหาทุกมุมมอง
ดูอย่างเรือหมูกลางร้านนั่นดิ อายุอานามน่าจะไม่ต่ำกว่าร้อยปี แต่ที่แอบเสียวนิดๆ คือกรรไกรขาเดียวผูกผ้าแดงอันเป็นอาวุธร้ายคู่กายอั้งยี่ก็มี แต่จะสู้ปืนแก๊บแสนกลของเล่นสมัยผมยังเด็กที่วางอยู่ในตู้นั้นได้หรือ คริ คริ
เรียกว่าเฮียเล้งเขาใส่ใจทุกรายละเอียด กระทั่งโต๊ะและเก้าอี้ ที่เป็นของเก่าน่านั่ง เฮียเล้งก็ลงมือประกอบและดีไซน์เองกับมือ
นอกจากนี้ยังมีดนตรีเล่นสดสไตล์โฟล์กซอง หมุนเวียนมาขับกล่อมทุกค่ำคืน และในแต่ละวันไม่ซ้ำกันสักวง โดยเริ่มกล่อมอารมณ์กันตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่งไปจนถึงเที่ยงคืน สลับกับการเปิดเพลงอมตะที่คุ้นหู หนุ่มสาววัย 30 กว่าได้ฟังแล้วรับรองกระหยิ่มใจ
หันมาทอดอารมณ์ด้วยอาหารกันบ้างดีมั้ย ที่ไม่ยอมน้อยหน้าบรรยากาศและเสียงเพลง เน้นรสชาติจัดจ้านได้ใจตามประสาคนชอบสังสรรค์ และสรรหาของอร่อยถูกใจ จะกินเป็นกับหรือว่าเป็นกับแกล้มล้วนถูกปากโดนใจทั้งนั้น
ขอแนะนำ ยำอั้งยี่ อุดมไปด้วยหมูสับ กุ้ง และปลาหมึกหนึบหนับ ยำตามแบบฉบับของอั้งยี่ที่ไม่เหมือนใคร แต่รสชาติถูกปากถูกใจเหลือหลายขอบอก หรือจะเป็นเมนูชื่อบาดหู ปลาสองใจ ป่าวเจ้าชู้แต่หมายถึงปลาทับทิมทอดกรอบผ่าเป็นสองซีกอีกด้านราดพริก ส่วนอีกด้านจัดจ้านด้วยน้ำมะม่วงยำ
นานๆ เจอของถูกปากห้ามพลาดเมนูนี้ ไก่ยอดหญ้า ไก่หมักเต็มรส ด้านบนวางด้วยคะน้าหั่นฝอยทอดกรอบราดด้วยมายองเนสอีกที โอว์ อั้งยี่ อร่อยดี อร่อยดี
อีกจานที่ขอนำเสนอไก่ตะไคร้ ไก่หมักเครื่องเทศหอมทอด แล้วเพิ่มรสชาติด้วยตะไคร้ตำแล้วนำไปทอดกรอบ ทั้งหอม ทั้งกรอบ อร่อยได้ใจไปอีก ขอตบท้ายด้วยต้มยำกุ้งรสชาติจัดจ้านตามแบบฉบับบ้านๆ คล่องคอทีเดียว หรือแม้แต่เมนูอาหารก็ชวนสนุก เพราะมันจำลองมาจากตั๋วจำนำที่คุ้นตา 555
เอ้า...รองท้องพองาม อย่าลืมที่ว่างไว้ให้เครื่องดื่ม ชอบหนัก ชอบเบา เรียกน้องๆ เขามารับออร์เดอร์เองแล้วกันนะครับท่าน
เปิดเอาใจทุกวันตั้งแต่เวลาหกโมงเย็นไปจนถึงตี 1 ครึ่ง อ้าว...เกือบลืมบอกไปร้านอยู่ ลาดพร้าว ซ. 101 จากปากซอยเข้าไปประมาณ 700 เมตร ร้านอยู่ซ้ายมือ หาไม่เจอโทร. 0815671886 (เฮียเล็ก) 0833061131 (เฮียเล็ง)
แว่วเสียงเพลง...ฉันมาไกล มาไกลเหลือเกิน...แต่จะไม่ไปไหนขอเสพสุขอยู่ที่นี่
ขอย้ำอีกที “อั้งยี่” คือสถานสำราญ หาใช่กบฏไม่ อิอิ


