posttoday

ผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับการแก้ปัญหาเชิงซ้อน

05 เมษายน 2565

โดย ภก.ดร.จันทรชัย ถวิลพิพัฒน์กุล สถาบันอินทรานส์ Hipot – การปฏิรูปศักยภาพมนุษย์อย่างบูรณาการ ศาสตร์ชีวิตองค์รวมเพื่อความมั่นคงยั่งยืน

ผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับการแก้ปัญหาเชิงซ้อน

เพราะโลกไม่แน่นอน ผันผวน นำมาซึ่งความท้าทายและปัญหา แต่ปัญหาใดๆ มันไม่เคยมาเดี่ยว มันรุมกันเข้ามารอบด้าน อย่างเช่นการระบาดของไวรัสโควิด 19 ปัญหามันใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับทุกมิติอย่างเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่สำคัญมันเป็นปัญหาเชิงซ้อน มันเป็นปัญหาทับซ้อนปัญหา มันเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต แล้วจะรับมือกับปัญหาเชิงซ้อนนี้ได้อย่างไร

ในการทำความเข้าใจถึงความซับซ้อนของปัญหาและทางออก เราสามารถอุปมาอุปไมยได้จาก ทฤษฎีกาแฟร้อน หรือ Coffee Theory ที่อธิบายถึงธรรมชาติของแนวคิดเชิงระบบที่ว่า สรรพสิ่งมีคุณสมบัติสำคัญ 6 ประการคือ

1. ความเป็นหนึ่งเดียว

2. องค์ประกอบ

3. การเชื่อมโยง

4. การผุดกำเนิด

5. ศักยภาพที่แตกต่าง

6. คุณค่าและความหมาย

แล้วทฤษฎีกาแฟร้อนจะช่วยให้เราเข้าใจถึงความซับซ้อนของปัญหา รวมทั้งการหาทางออกต่อปัญหานั้นๆ ได้อย่างไร

ผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับการแก้ปัญหาเชิงซ้อน

เราลองพิจารณาเอสเพรสโซ่ร้อน จะเห็นว่าเอสเพรสโซ่มีความเป็นหนึ่งเดียว คือหนึ่งถ้วยที่มีองค์ประกอบคือ ผงกาแฟและน้ำร้อน (น้ำตาลถือว่าเป็นทางเลือก) เมื่อนำทั้งสองมาชงเข้าด้วยกันในขณะนั้นเอง มันได้ผุดกำเนิดขึ้นเป็นภาวะองค์รวมใหม่ที่มีคุณสมบัติและศักยภาพที่แตกต่างจากองค์ประกอบเดิม นั่นคือความหอมและรสชาติที่เข้มข้นที่นำไปสู่คุณค่าที่สูงขึ้นและสะท้อนออกมาเป็นราคาและกำไร

แต่เมื่อนำเอสเพรสโซ่ที่ได้มาเติมด้วยฟองนมและนมสด เราได้สิ่งใหม่เรียกว่าคาปูชิโน่ และเมื่อนำคาปูชิโน่มาเติมด้วยผงช็อกโกแลต เราก็เปลี่ยนชื่อมันเป็นมอคค่า

นั่นหมายความว่า ณ ขณะหนึ่ง คาปูชิโน่มีเอสเพรสโซ่เป็นองค์ประกอบ และในเวลาเดียวกัน ตัวมันเองก็เป็นองค์ประกอบของมอคค่าด้วย

ตามทฤษฎีกาแฟร้อน จะเห็นได้ว่ากาแฟร้อนแต่ละชนิดคือระบบ และเมื่อมองภาพรวม มันเป็นระบบซ้อนระบบ กล่าวคือ คาปูชิโน่เป็นระบบใหญ่ที่มีระบบย่อยคือเอสเพรสโซ่ซ้อนอยู่ภายใน ในขณะเดียวกัน ตัวคาปูชิโน่เองก็เป็นระบบย่อยที่ซ้อนอยู่ในระบบที่ใหญ่กว่า นั่นคือ มอคค่า

โดยนัยดังกล่าว หากจะปรุงมอคค่าให้หอมและอร่อยมีคุณค่า เราต้องเตรียมคาปูชิโน่และผงช็อกโกแลตอย่างดี แล้วนำทั้งสองมาชงเข้าด้วยกัน นั่นคือ คุณค่าของมอคค่าขึ้นกับคุณภาพของคาปูชิโน่และผงช็อกโกแลต เพราะทั้งสองคือองค์ประกอบ

ในทำนองเดียวกัน การจะปรุงคาปูชิโน่ให้หอมและอร่อยมีคุณค่า เราต้องเตรียมเอสเพรสโซ่ ฟองนม และนมสดอย่างดี แล้วนำทั้งสามมาชงเข้าด้วยกัน นั่นคือ คุณค่าของคาปูชิโน่ก็ขึ้นกับคุณภาพของเอสเพรสโซ่ ฟองนมและนมสด เพราะทั้งสามคือองค์ประกอบ

และก็เช่นเดียวกันว่า คุณค่าของเอสเพรสโซ่ก็ขึ้นกับคุณภาพของผงเอสเพรสโซ่และน้ำร้อน เพราะทั้งสองคือองค์ประกอบ

จะเห็นว่าทั้งมอคค่า คาปูชิโน่ เอสเพรสโซ่ต่างก็คือระบบ ที่สำคัญ มันเป็นระบบซ้อนระบบองค์รวมซ้อนองค์รวมอย่างเป็นลำดับชั้น

ผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับการแก้ปัญหาเชิงซ้อน

จากมุมมองเชิงซ้อนตามแนวคิดทฤษฎีกาแฟร้อนนี้ เราสามารถอุปมาได้ว่า ปัญหาใดๆ มันก็มีธรรมชาติเป็นระบบเชิงซ้อนเช่นกัน มันเป็นปัญหาซ้อนปัญหา วิกฤตซ้อนวิกฤตอย่างเป็นลำดับชั้น ยิ่งมีลำดับชั้นสูงขึ้น ความซับซ้อนก็มากขึ้น ความท้าทายก็ยิ่งสูงขึ้น และด้วยมุมมองที่ว่า หากจะปรุงมอคค่าให้หอม อร่อย มีคุณค่า เราต้องพิจารณาย้อนหลัง ไล่เรียงลงไปทีละขั้นตอนอย่างเป็นลำดับชั้น ทีละชั้น

จากมุมมองดังกล่าว นำมาซึ่งความเข้าใจที่ว่า ในการแก้ปัญหาใดๆ เราจึงต้องพิจารณาปัญหานั้นๆ อย่างเป็นระบบเชิงซ้อน โดยพิจารณาไล่เรียงย้อนลงไปทีละชั้นอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อดูว่าอะไรคือองค์ประกอบหลัก และในแต่ละองค์ประกอบหลักนั้น มันประกอบด้วยองค์ประกอบรองๆ อะไรบ้าง และในแต่ละองค์ประกอบรอง มันมีองค์ประกอบย่อยๆ อะไรอีก และดูว่าทั้งหมดนี้มันเชื่อมโยงหรือสัมพันธ์กันอย่างไรและด้วยการปรับเปลี่ยนการเชื่อมโยงที่หลากหลายขององค์ประกอบที่แตกต่าง จึงนำมาซึ่งทางออกของปัญหาอย่างสร้างสรรค์

โดยสรุป ทฤษฎีกาแฟร้อนช่วยให้เข้าใจถึงธรรมชาติของความซับซ้อนของปัญหา และเป็นแนวทางเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาระบบเชิงซ้อนได้อย่างมั่นใจ เป็นรูปธรรม

ท่านในฐานะผู้นำ ท่านจะวางระบบวิธีการคิดอย่างไร เพื่อให้ทีมงานสามารถพัฒนาแนวคิดเชิงระบบ สามารถพัฒนาแนวคิดเชิงองค์รวม เพื่อการแก้ปัญหาซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน

ข่าวล่าสุด

กกต. เห็นชอบร่างแผนเลือกตั้ง – กำหนดวันใช้สิทธิ์ 8 ก.พ. 69