รู้จัก ‘ชานนท์ นาเจริญ’ ไรเดอร์ชาวลพบุรี ผู้สร้างวีรกรรมน้ำดีเก็บเงินหล่นส่งคืนเจ้าของ

รู้จักตัวตน "ชานนท์ นาเจริญ"

“นนท์ครับ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความใจดีและจริงใจ จาก ชานนท์ นาเจริญ ไรเดอร์ที่ใครหลายๆ คน อาจคุ้นเคยกับเรื่องราวของเขาจากข่าว “LINE MAN หนุ่มลพบุรี น้ำใจงาม ที่เก็บเงินหล่นเกลื่อนถนนส่งคืนเจ้าของ” นนท์เล่าถึงเหตุการณ์ช่วยเก็บเงินในครั้งนั้นว่า ระหว่างเส้นทางไปยังจุดหมายสำคัญเพื่อรับออร์เดอร์อาหารให้กับลูกค้า นนท์พบกับเงินจำนวนมากหล่นอยู่ตามพื้น ซึ่งไม่เห็นแม้แต่วี่แววเจ้าของเงินบริเวณนั้น “ตอนนั้นอยู่ระหว่างเส้นทางที่ต้อง ไปรับอาหาร ผมเห็นเงินหล่นค่อนข้างเยอะ ซึ่งผมคิดว่ามันปล่อยผ่านไม่ได้ เงินจำนวนตั้ง 5 หลัก เจ้าของเงินเขาคงต้อง นำไปใช้จ่ายกับอะไรที่เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตเขาแน่ๆ” 

ความตั้งใจที่จะตามหาเจ้าของเงินของเขาเป็นผลสำเร็จ เมื่อนนท์ได้ส่งคืนเงินดังกล่าวให้กับเจ้าของถึงมือในที่สุด ซึ่งนำมาสู่เรื่องเหนือความคาดหมาย เมื่อเรื่องราวของเขาถูกสำนักข่าวมากมายนำไปตีแผ่ถึงความดีและความจริงใจ จนเกิดกระแสสังคมชื่นชมเป็นจำนวนมาก

“หลังจากเรื่องจบลงก็พอทราบมาว่ามีข่าวลง มีหลายสำนักข่าวโทรมาสอบถาม เพื่อนำเรื่องราวไปทำข่าว เป็นเรื่องที่ผมเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน” ไม่ใช่แค่นนท์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับผลจากการทำดี แต่คนรอบตัวของเขาก็ยังได้รับความรู้สึกที่ดีเช่นกัน “พ่อผมเป็นคนในหมู่บ้าน เวลาเจอคนรู้จักที่เห็นข่าวก็จะมีคนถามว่า นี่ลูกหรือเปล่า? ส่วนแม่ก็จะเจอคนในตลาดตอนซื้อกับข้าวเขาก็จะทักว่า ใช่ลูกป้าไหม? พ่อกับแม่เขาก็มีความสุข ซึ่งผมเองก็ดีใจที่เห็นเขายิ้มได้”

“ส่วนใหญ่ตั้งแต่เช้าถึงบ่ายผมจะขับรถส่งอาหาร ส่วนบ่ายสองถึงสี่โมงจะไปวิ่งวินมอเตอร์ไซค์ แล้วช่วงค่ำ ก็ขับรถส่งอาหารต่อ เฉลี่ยก็ได้วันละ 15 - 20 ออร์เดอร์” การจัดเวลาการทำงานอย่างเหมาะสมลงตัวตามสไตล์ของนนท์นั้น เป็นผลมาจากการสังเกตพฤติกรรมของลูกค้าอยู่เสมอ “เพราะช่วงประมาณ 9 โมง คนจะชอบสั่งอาหารเยอะ ผมเลย เลือกวิ่งเวลานี้ แต่ช่วงบ่าย ไปจนถึง 4 โมง เด็กๆ จะเลิกเรียนผมเลยสลับไปวิ่งวิน”

ก่อนหน้านี้ นนท์ทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าในจังหวัดลพบุรี แต่หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น เป็นตัวแปรที่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนเเนวทางในการใช้ชีวิตอย่างปฏิเสธไม่ได้เพื่อที่จะแบ่งเบา ภาระของแม่ที่เปิดร้านขายอาหารและพ่อที่เพิ่งเกษียณมาได้ไม่นาน

“เพราะมีภาระทางบ้านที่ต้องรับผิดชอบเยอะเลยต้อง พยายามหารายได้จากหลายทาง ซึ่งจริงๆ แล้ว ผมไม่ได้วางตารางเวลาที่แน่นอนว่า ต้องวิ่งตามเวลาเป๊ะๆ แค่ว่างตอนไหน ก็พยายามรับออร์เดอร์ตอนนั้นให้ได้มากที่สุด” ถึงแม้จะเป็นเวลาไม่นานในการขับรถส่งอาหาร แต่นนท์ก็ยังสังเกตและใส่ใจ ลูกค้าที่สั่งอาหารของตัวเองอยู่เสมอและรู้ได้ว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในลพบุรีชื่นชอบและเลือกสั่งผ่าน LINE MAN บ่อยๆ คือชา และร้านอาหารโต้รุ่ง

เมื่อทุกทักษะที่มีกลายเป็นตัวช่วยชั้นดีในการประกอบอาชีพ

ต้นทุนจากการขี่วินมอเตอร์ไซค์เป็นตัวช่วยที่ดีที่ทำให้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในทุกเส้นทาง

“ผมมองว่า การเป็นวิน กับตอนขับรถส่งอาหาร มันก็มีความต่างกัน ตอนเป็นวินเราจะได้พบคนเดินเข้ามาหา แต่กับไรเดอร์ จะเป็นการสั่งอาหารแล้วเราก็ไปส่ง เหมือนกับว่าเราได้พบปะผู้คนมากหน้าหลายตา ตั้งแต่ลูกค้า ร้านอาหาร คนในร้าน ได้เจอคนใหม่ๆ อีกอย่างมันเป็นงานบริการที่ผมมีความถนัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว” 

หนุ่มลพบุรีคนนี้ไม่ได้มีเพียงความชอบและความถนัดในงานที่ทำเท่านั้น เขายังเป็นสุดยอดนักจัดการกับปัญหา เมื่อเจอกับเจ้าถิ่นตัวดีอีกด้วย

“เป็นเรื่องปกติมากกับการเจอหมาเจ้าถิ่นตอนขับ LINE MAN (หัวเราะ) แต่ผม เป็นคนเฟรนด์ลี่กับหมาอยู่แล้วไง ผมจะใช้วิธีขับช้าๆ แล้วก็ค่อยๆ ดูมันเดินตาม มันก็จะไม่ไล่ แต่ถ้าขี่เร็ว หนีไม่พ้นแน่ๆ” เขาแนะนำกลยุทธ์ลับสำหรับหนีเจ้าถิ่นให้กับเราฟังอย่างอารมณ์ดี และยังเล่าถึงประสบการณ์การขับรถส่งอาหารที่มี เรื่องราวดีๆ หลากรสหลายอารมณ์ ไม่ซ้ำในแต่ละวัน อย่างเช่น “เราไปเจอลูกค้าชวนคุยตอนส่งอาหาร บางคนก็ถามว่า ร้อนไหม? วันนี้ออร์เดอร์เยอะไหม? พอเขาเฟรนด์ลี่มาทำให้เราไม่เครียด กับร้านอาหารที่ผมไปเขาก็ต้อนรับดีมาก มาสวัสดีทักทายเหมือนกับเป็นลูกค้าคนหนึ่งเลย” สิ่งเหล่านี้ถือเป็นกำลังใจสำคัญให้เขามุ่งมั่นทำมันต่อไป “อาชีพนี้ทำให้ ครอบครัวผมมีกินทุกวัน เพราะงานมีให้ทำทุกวัน ได้เงินทุกวัน มันเป็นกำลังใจที่ทำให้เรายังวิ่งต่อ” นนท์เล่าด้วย น้ำเสียงยินดีก่อนที่จะฝากอะไรให้กับเพื่อนๆ ร่วมอาชีพและคนที่มีความสนใจในอาชีพ LINE MAN 

“...มันเป็นความอิสระในการประกอบอาชีพที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ ทำให้คุณได้พบปะผู้คนใหม่ๆ เปิดโลกของเราในแต่ละวัน ด้วยประสบการณ์ที่ต่างกันออกไป”

เรื่องเล่าจากความตั้งใจในทุกการกระทำของชานนท์ นาเจริญ ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม และเป็นตัวอย่างให้เห็นได้ว่าไม่ใช่แค่ผลของการกระทำที่ดีจะทำให้ตัวเองมีความสุขเท่านั้น แต่ยังทำให้คนรอบข้าง มีความสุขอีกด้วย

“ตั้งแต่เปิดต้นปีมานี้ ชีวิตผมได้เริ่มต้นด้วยเรื่องราวดีๆ และล่าสุดนี้ผมได้รับข่าวที่ทำให้ผมรู้สึกยินดี และเป็นเกียรติอย่างมาก ที่ได้รับประกาศเกียรติคุณจากทาง LINE MAN ซึ่งถือเป็นรางวัลชีวิตที่ผมภูมิใจและทำให้ พ่อกับแม่ผมมีความสุขมากจริงๆ”