posttoday

ปรุงองค์กรให้อร่อย มั่นคง ยั่งยืน

21 กันยายน 2563

การรับมือกับปัญหาไวรัสโควิด 19 เชิงองค์รวม : ทำอย่างไร องค์กรจึงจะอร่อย มีคุณค่า มั่นคงยั่งยืน

โดย : ภก.ดร.จันทรชัย ถวิลพิพัฒน์กุล สถาบันอินทรานส์ Hipot – การปฏิรูปศักยภาพมนุษย์อย่างบูรณาการ ศาสตร์ชีวิตองค์รวมเพื่อความมั่นคงยั่งยืน

ปรุงองค์กรให้อร่อย มั่นคง ยั่งยืน

เวลาเราเข้าร้านอาหารเราเลือกร้านที่อร่อยคุณภาพดีในทำนองเดียวกันเวลาลูกค้าจะเลือกใช้บริการใครลูกค้าเขาก็เลือกว่าองค์กรไหนอร่อยบริการดีมีคุณภาพหากองค์กรใดให้คุณภาพดีความอร่อยอย่างต่อเนื่องลูกค้าก็จะแวะเข้ามาเยี่ยมและใช้บริการอย่างสม่ำเสมอองค์กรนั้นก็มีสิทธิ์ดำเนินธุรกิจต่อได้ 

แล้วอะไรทำให้องค์กรตั้งอยู่ได้

มันมิใช่เพียงเพราะว่าองค์กรนั้นตั้งมากี่ปี มีประวัติยาวนานแค่ไหน หรือเพราะว่าองค์กรมีขนาดใหญ่หรือมีเครือข่ายกว้างขวางเพียงใด หรือมีวิสัยทัศน์มีค่านิยมมียุทธศาสตร์ที่สวยหรูดูดีอย่างไร แต่มันขึ้นอยู่กับว่าองค์กรนั้นได้สร้างคุณค่าในรูปของการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ดีเพียงใด สามารถสร้างความพึงพอใจอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอได้ยาวนานแค่ไหน และการที่จะสร้างคุณค่าให้แก่ผู้รับบริการได้มากน้อยเพียงใดนั้นมันขึ้นกับว่า คนขององค์กรนั้นมีศักยภาพเพียงใด แล้วเราจะพัฒนาศักยภาพบุคลากรของเราได้อย่างไร

...คำตอบคือ การพัฒนานั้น มันต้องเป็นองค์รวมอย่างเป็นระบบ

แล้วภาวะองค์รวมของชีวิตคืออะไร ที่สำคัญจะทำอย่างไรให้ศักยภาพนั้นมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าอยู่ได้องค์กรก็มั่นคงหากรักษาความมั่นคงนั้นไว้ได้องค์กรก็ยั่งยืน

ปรุงองค์กรให้อร่อย มั่นคง ยั่งยืน

ก่อนอื่นเราลองมาพิจารณากาแฟร้อนเอสเพรสโซ่ เวลาท่านจะกินกาแฟร้อนเอสเพรสโซ่ ทำไมต้องเอาผงกาแฟเอสเพรสโซ่ ครีม น้ำตาล และน้ำร้อนมาชงเข้าด้วยกัน ทำไมท่านไม่ทานทีละอย่าง 

แล้วทำไมเวลาจะทานส้มตำไทย เราต้องเอาองค์ประกอบสิบกว่าอย่าง เช่น มะละกอ มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว พริก กระเทียม น้ำตาล น้ำปลา มะนาว กุ้งแห้ง ถั่วลิสง มาตำ มาคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน ก่อนจะตักเข้าปาก 

แล้วทำไมก๊าซไฮโดรเจนซึ่งติดไฟและก๊าซออกซิเจนที่ช่วยให้ไฟติดแต่เมื่อนำทั้งสองมารวมกันแล้วจะได้น้ำที่สามารถดับตัวมันเองได้ 

และหากเราเติมโลหะโซเดียมลงในน้ำมันจะระเบิดสร้างความเสียหายได้และหากเราสัมผัสกับกรดเกลือหรือกรดไฮโดรคลอริก (HCL) โดยตรงเราจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนอย่างมากเพราะมันจะกัดทะลุถึงกระดูกเลยทีเดียวแต่เมื่อนำสารอันตรายทั้งสองมารวมกันกลับได้เกลือแกงสีขาวเค็มๆคราวนี้กินได้ 

และไม่ว่าเราจะยกอะไรขึ้นมาพิจารณาก็ตาม มันล้วนมีธรรมชาติเป็นแบบเดียวกันหมด ไม่มียกเว้น ทั้งกาแฟร้อนเอสเพรสโซ่ ส้มตำ น้ำ และเกลือแกง เพราะต่างล้วนมีธรรมชาติของความเป็นองค์รวมที่เกิดจากการเชื่อมโยงขององค์ประกอบ ทำให้เกิดเป็นสิ่งใหม่ (New Holistic/New Normal) ที่มีความเป็นองค์รวมที่สูงกว่าเดิม มีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างจากเดิม (Transcendence) ทำให้สิ่งใหม่นั้นมีคุณค่าและความหมายที่สะท้อนออกมาในรูปของราคาที่สูงกว่าเดิม (Higher Values and Meaning) และเราเรียกส่วนต่างนั้นว่ากำไร

ปรุงองค์กรให้อร่อย มั่นคง ยั่งยืน

จากตัวอย่างข้างต้น เราพบว่า สรรพสิ่งมีธรรมชาติปรากฏอยู่ในลักษณะของความเป็นองค์รวมที่ผุดขึ้นจากการเชื่อมโยงขององค์ประกอบ ทำให้มันสามารถแสดงศักยภาพที่แตกต่างจากองค์ประกอบเดิม (เมื่ออยู่แยกส่วน) ได้อย่างมีคุณค่าและความหมาย

ทีนี้กลับมาที่กาแฟร้อนเอสเพรสโซ่อีกครั้ง กาแฟเอสเพรสโซ่ 3 in 1 ซองละ 3 บาท ในขณะที่กาแฟแบบเดียวกันที่ร้านกาแฟชื่อดังคิดราคา 120 บาท ท่านสงสัยไหมว่า ทำไมเราต้องจ่ายในราคาที่แพงกว่าตั้ง 40 เท่า แน่นอนว่าคนที่เข้าร้านกาแฟชื่อดังและจ่ายในราคานั้นต้องมีเหตุผล ถ้าเช่นนั้น เราจ่ายค่าอะไรกันแน่ คอกาแฟล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า มันไม่เหมือนกัน รสชาติมันต่างกัน มันอร่อยกว่า กลิ่นมันก็ไม่เหมือนกัน นี่มันหอมกว่า หากเราอยากจะได้คุณภาพแบบนี้ เราจึงต้องจ่าย แต่คนที่เป็นแฟนประจำกลับบอกว่าไม่แพง มันคุ้ม และยินดีที่จะจ่าย 40 เท่า และจะอุดหนุนไปเรื่อยๆ ด้วย เราจึงมักจะเห็นร้านเต็มตลอดเวลา บ่อยครั้งต้องเข้าคิวยาวทีเดียว 

คำถามที่ตามมาคือ อะไรกำหนดความหอมและความอร่อยที่แตกต่างกัน มันเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากองค์ประกอบและการชง (เรียกเพราะๆ ว่า การเชื่อมโยงหรือบูรณาการ) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สิ่งที่อยู่ในซอง 3 in 1 นั้นแตกต่างจากองค์ประกอบ (แบบเดียวกัน) ที่อยู่ในร้านกาแฟชื่อดังนั้น เพราะกระบวนการที่มาของผงกาแฟ น้ำ น้ำตาลหรือไซรับ และนมหรือครีม ก็ไม่เหมือนกัน ของที่ร้านกาแฟชื่อดังเอามาใช้บริการนั้น มันผ่านกระบวนการมากมายก่อนจะเอามาให้บริการที่ร้าน และนอกจากองค์ประกอบที่ต่างกันแล้ว การชงหรือการเชื่อมโยงก็ต่างกันด้วย มันมิใช่เอาองค์ประกอบทั้ง 4 มาเทรวมกัน และคนให้เข้ากันเฉยๆ แต่มันมีขั้นตอนอย่างเป็นลำดับชั้นที่เรามองไม่เห็น ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของความหอมและความอร่อยที่ต่างกัน เราจึงต้องแพงกว่า 40 เท่า

ด้วยความเข้าใจข้างต้นของคุณค่าที่แตกต่างกันของกาแฟร้อนเอสเพรสโซ่ ดังนั้น คุณค่า (ความหอมและความอร่อย) ขององค์กรก็เกิดขึ้นในทำนองเดียวกัน แล้วอะไรทำให้องค์กรมีคุณค่าที่ต่างกัน ในมุมมองของผู้บริโภคแล้ว เขามิได้เลือกของที่ถูกที่สุด แต่เขาเลือกสิ่งที่ให้คุณค่าสูงที่สุด คุ้มค่าที่สุด

แล้วอะไรกำหนดคุณค่าขององค์กร คุณค่าขององค์กรเกิดขึ้นได้อย่างไร อะไรกำหนด

คุณค่าดังกล่าวย่อมต้องมาจากศักยภาพที่องค์กรนั้นๆ สร้างขึ้นมาเพื่อผู้บริโภค แน่นอนว่ามันต้องมาจากองค์ประกอบ แล้วอะไรคือองค์ประกอบสำคัญที่สุดขององค์กร และองค์ประกอบเหล่านั้นย่อมต้องเชื่อมโยงกัน ถ้าเช่นนั้นแล้วองค์กรเชื่อมโยงกันด้วยอะไร บนหลักการใด จึงเกิดเป็นภาวะองค์รวมที่สามารถแสดงศักยภาพที่แตกต่างจากเดิมอย่างมีคุณค่าและความหมาย

ท่านในฐานะผู้นำองค์กร ท่านจะนำความเข้าใจดังกล่าวนี้ไปยกระดับศักยภาพขององค์กรให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และสามารถระเบิดศักยภาพภายในของทีมงานให้ออกมาร่วมกัน ให้ไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นเอกภาพ เพื่อยกระดับการให้บริการที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดที่สุด เพื่อสร้างคุณค่า (ความหอมและความอร่อย) ให้กับองค์กร เพื่อสร้างองค์กรให้มีความเข้มแข็ง มั่นคงยั่งยืนได้อย่างไร

และหากเรื่องนี้เป็นจริงในที่ทำงานมันก็จริงสำหรับที่บ้านด้วยถ้าเช่นนั้นท่านจะสร้างคุณค่าให้กับที่บ้านได้อย่างไรเพื่อครอบครัวที่เข้มแข็งมั่นคงยั่งยืนทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข