posttoday

ว่าด้วยเรื่อง‘กาก’ ที่ไม่ใช่(แค่)กาก

20 มีนาคม 2562

ใครชอบกินกากหมูยกมือขึ้น ลืมเรื่องอ้วนและลืมเรื่องเลี่ยน ก็เพราะมีคนคิดเรื่องกากๆ แบบกากหมูทำเงิน

เรื่อง บีเซลบับ ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

ใครชอบกินกากหมูยกมือขึ้น ลืมเรื่องอ้วนและลืมเรื่องเลี่ยน ก็เพราะมีคนคิดเรื่องกากๆ แบบกากหมูทำเงิน ที่กินได้กินดีและกินอร่อยมาให้ได้กินกัน นั่นคือ “กาก” น้ำพริกกากหมูพ่นไฟที่ใช่เลย อยากกินแล้วใช่มั้ย มาดูกันเลยว่าจะตามไปกินได้ที่ไหน หรือจะตามไปทำเงินด้วยก็ยังได้

เรวัต สุรเดช หรืออาร์ต วัย 42 ปี ช่างภาพอิสระ ผู้คลุกคลีอยู่ในวงการช่างภาพแฟชั่นและกิจกรรมอีเวนต์งานศิลปะ ปัจจุบันปลีกตัวมาทำธุรกิจน้ำพริกกากหมู ด้วยชื่อง่ายๆ สั้นๆ ว่า “กาก” หรือชื่อเต็มว่า กากหมูพ่นไฟ ธุรกิจที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคุณแม่ที่ทำอาหารอร่อย และน้ำพริกน้ำย้อย น้ำพริกท้องถิ่นของทางภาคเหนือ

เรวัตเล่าให้ฟังว่า เขาจบจากวิทยาลัยช่างศิลป์ จากนั้นศึกษาต่อปริญญาตรี คณะนิเทศศิลป์ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ทำงานเป็นช่างภาพอิสระ ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งความรักความชอบดั้งเดิม ด้วยตั้งแต่เด็กๆ ที่ติดตามคุณแม่เข้าครัว คุณแม่เป็นชาว จ.แพร่ ทำอาหารเหนืออร่อย อาศัยเป็นลูกมือคุณแม่ จดจำสูตรอาหารต่างๆ ไว้มากมาย

“หนึ่งในนั้นคือน้ำพริก ชาวเหนือมีน้ำพริกน้ำย้อยที่มีส่วนผสมของกากหมู คุณแม่ทำเมื่อไร ลูกๆ ก็จะแย่งกากหมูกันกินเมื่อนั้น”

น้ำพริกน้ำย้อย มีส่วนผสมของหอมแดง กระเทียม ใส่กากหมูเป็นชิ้นๆ รสชาติมีหวานแทรก ชาวเหนือมักกินแกล้มกับข้าวหลัก ใส่หรือโรยหน้ากับอะไรก็อร่อย ส่วนใหญ่กินกับขนมจีนที่เข้ากัน ปัจจุบันได้พัฒนาสูตรเป็นน้ำพริกกากหมูพ่นไฟที่ตัดรสหวานออกไป เพิ่มความเผ็ด เพิ่มความกรอบ เพิ่มกากหมู นั่นทำให้กินได้ไม่หยุด กินได้ไม่เบื่อ

“สูตรของกากจะเน้นที่ความกากและความกรอบ กระบวนการผลิตที่จะสลัดน้ำมันออกไปให้มากที่สุด เพื่อคงความกรอบให้มากนั่นเอง ปรับปรุงรสชาติจนจัดจ้าน หากเป็นจัดจ้านที่เผ็ดกลมกล่อม กินกับอะไรก็อร่อยหมด”

เรวัตเล่าว่า กากเริ่มต้นในปี 2559 เปิดขายครั้งแรกที่ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม การตอบรับดีมาก โดยเฉพาะชื่อกาก ที่นักข่าวทำเนียบต่างบอกว่า ชื่อยี่ห้อนี้อย่าเปลี่ยนนะ อาศัยว่าคนกินบอกต่อ ทำให้กากไม่เป็นแค่กาก แต่เป็นกากทำเงินมาต่อเนื่อง จนปัจจุบันขยายตลาดเข้าห้างโมเดิร์นเทรด จัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “กาก มู๋ บายนีน่า” (Crunchy spicy snack)

สำหรับสูตรแห่งความกาก มี 3 สูตร ได้แก่ 1.สูตรเผ็ด X สอง 2.สูตรเผ็ดนิดๆ และ 3.สูตรหม่าล่า (Spicy mala) ราคากระปุกละ 100 บาท (70 กรัม) ถ้าเป็นแบบซอง จัดจำหน่ายซองละ 100 บาท (80 กรัม) วัตถุดิบใช้หมูพรีเมียมจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน นั่นทำให้กากเป็นกากพรีเมียม รวมทั้งวัตถุดิบอื่นๆ ได้แก่ พริกก็พริกจินดา (เชียงราย) กระเทียมก็กระเทียมไทยปลอดสารจากภาคเหนือ

“สุดกรอบและฟินคือกาก ใครคิดถึงกากหมูแสนอร่อย อย่าลืมคิดถึงกากหมูพ่นไฟ กับ 3 สูตรที่รับรองความฟิน”

กลุ่มเป้าหมายคือคนชอบกินกากหมู ขายดีและการันตีความสดอร่อย ไม่เหม็นหืน เนื่องจากกรรมวิธีผลิตที่แพ็กหรือบรรจุภัณฑ์ทันทีที่ทอดเสร็จใหม่ ช่วยให้ไม่เหม็นหืนโดยไม่ต้องใส่สารกันบูดเลย ในอนาคตมีแผนจะเพิ่มรสชาติสมุนไพร เช่น น้ำย้อยใบมะกรูด กระเทียม หอมแดง และตะไคร้กรอบ รวมทั้งขยายตลาดจีน ฮ่องกง ออสเตรเลียด้วย

“ลูกค้าให้ข้อมูลที่เราเองก็นึกไม่ถึง หลายคนโรยกากกินกับข้าว กินกับบะหมี่สำเร็จรูป บางคนโรยใส่ก๋วยเตี๋ยว และบางคนก็โรยเป็นท็อปปิ้งหน้าเค้ก ยังมีสปาเกตตีโรยกาก ออนเซ็นโรยกาก ข้าวผัดโรยกาก รวมทั้งกับแกล้มเบียร์แบบกรุบๆ”

ใครสนใจกาก น้ำพริกกากหมูพ่นไฟ สั่งซื้อได้ที่ fb: กาก กากหมูพ่นไฟ ส่วนไอดีไลน์ : namprikponFai โทร.09-1883-9682 กรณีสนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายก็ติดต่อได้ที่เบอร์เดียวกัน

ว่าด้วยเรื่อง‘กาก’ ที่ไม่ใช่(แค่)กาก