สมโภช ทับเจริญ ผืนป่ากลางกรุง 1.5 พันล้าน ของรักที่สุดในชีวิต
จอดรถเข้าใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ ก่อนก้าวเท้าลงย่ำดินแล้วกวาดสายตาไปรอบตัว
โดย เอกชัย จั่นทอง ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
จอดรถเข้าใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ ก่อนก้าวเท้าลงย่ำดินแล้วกวาดสายตาไปรอบตัว ทำให้รู้สึกเหมือนถูกต้นไม้โอบอุ้มตัวเองอย่างบอกไม่ถูก ก่อนได้รับการต้อนรับจากชายร่างใหญ่ผิวเข้ม ผมหยักศก ใส่รองเท้าบู๊ต ยิ้มให้
ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจาก สมโภช ทับเจริญ วัย 60 ปี อดีตอาจารย์สอนชื่อดังที่เชี่ยวชาญด้านการเกษตรและสัตวบาล ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม
วันนี้ชีวิตเรือจ้างถูกทิ้งไว้ในอดีต สมโภช ลาออกมาได้หลายปีแล้ว หันมาทำการเกษตรในพื้นที่จุดความเจริญย่านซอยนวลจันทร์ ปรับบทบาทชีวิตสู่ชาวนาสู่การเป็นเกษตรกรเต็มขั้น ดูแลพัฒนาพื้นที่ผืนดินกว่า 50 ไร่ มูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท ยังคงเขียวขจีชุ่มฉ่ำไปด้วยแมกไม้นานาพรรณสีเขียวครึ้ม สร้างร่มเงาแก่แขกเหรื่อที่แวะเวียนมาชม
สมโภช พาเล่าย้อนอดีตว่า ในสมัยก่อนพื้นที่ย่านคลองบางขวด ซอยนวลจันทร์แห่งนี้ อดีตความไม่เจริญยังไม่รุกคืบเข้ามา เกิดมาในช่วงเมื่อ 50-60 ปีที่ผ่านมา ก็เห็นว่าชีวิตโอบล้อมด้วยไร่นาสีเขียว ครอบครัวทำนาเลี้ยงชีวิตมาตลอดคลุกคลีทำนา ไถนา หาปลา ไม่เคยคิดว่ามันจะเจริญรวดเร็วมากขนาดนี้
“ที่ดินบริเวณนี้ได้มาตั้งแต่สมัยทวด ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น รวมแล้วที่ดินผืนนี้มีอายุกว่า 200 ปี คนสมัยก่อนไม่คิดถึงมูลค่าที่ดินที่มีค่ามากเหมือนปัจจุบัน แต่คนในสมัยก่อนคิดแค่ว่าที่ดินที่มีอยู่จะใช้ทำนาทำไร่ทำมาหากิน เลี้ยงชีวิตคนในครอบครัวอย่างไร” สมโภช เล่า
อดีตในซอยนวลจันทร์นี้ ที่ดินถูกใช้ทำนาคนในชุมชนคลองบางขวด แต่ละครอบครัวต่างจัดสรรแบ่งให้พี่น้องอย่างเหมาะสม ผนวกกับความฟุ้งเฟ้อที่เข้ามาพร้อมความเจริญ สุดท้ายผืนนาที่เคยเขียวเต็มด้วยรวงข้าวเต็มพื้นที่ซอยนวลจันทร์ ต้องอันตรธานหายไปหมด
สมโภช ยังบอกว่า พ่อแม่สอนบทเรียนให้เรารู้จักทำงานหนัก เพื่อให้ลูกรู้จักสร้างอนาคตด้วยตัวเอง นั่นเองทำให้เราเห็นพ่อแม่ทำงานหนักมาตลอด จึงมุ่งมั่นศึกษาเล่าเรียนจนจบในด้านสัตวบาล กระทั่งได้ทำงานตำแหน่งนักวิชาการเกษตร สอนในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม ที่เน้นงานด้านวิจัยและฝึกอบรม
“ผืนดินกว้างใหญ่ตรงนี้พ่อแม่เก็บไว้ให้เรา คิดว่าเราควรเก็บรักษาผืนดินแห่งนี้ไว้ให้นานที่สุด เนื่องจากราคาที่ดินของกรุงเทพฯ มันขึ้นทุกนาที ไม่เหมือนเช่นพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ที่ขึ้นเฉลี่ยไม่กี่บาท ยิ่งความเจริญเข้ามามากเท่าใด เรื่องของราคาที่ดินยกกำลังขึ้นทุกครั้ง”
เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในฐานะเรือจ้างมากว่า 27 ปี ก่อนลาออกจากงานประจำหันมาเป็นชาวสวนเต็มตัว ซึ่งได้วางแผนมาตั้งแต่ 20 ปีก่อน ว่าเมื่อลาออกจากราชการจะเข้ามาพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ทั้งหมด จนกระทั่งได้เข้ามาดูแลอย่างจริงจังในปัจจุบัน บนที่ดินกว่า 50 ไร่ ถูกขุดบ่อเลี้ยงปลา ปลูกต้นไม้ สร้างอาคาร ร้านค้า แต่หลังจากปี 2554 เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ต้นไม้ที่ทนน้ำไม่ได้ต้องยืนต้นตายไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
ตั้งแต่นั้นมา สมโภช ได้ใช้ประสบการณ์ทุกอย่างที่หลอมรวมมาตลอดชีวิตการเป็นอาจารย์ มาดัดแปลงปรับพื้นที่ใหม่หมด เพื่อก้าวไปสู่การเป็นพื้นที่ทำการเกษตรกลางเมืองหลวง เนื่องจากพื้นที่ขนาดใหญ่นี้จะเป็น “ปอด” สำหรับทุกคน
“คุณจะเห็นบ้านนอกอยู่กลางใจเมือง อยากให้ทุกคนที่เข้ามาสัมผัสมันมีความสุข เราทำตรงนี้ต้องลงทุนมหาศาล ถามว่าคุ้มค่าไหม มันอาจไม่คุ้มด้วยตัวเงินสดที่ลงทุนไป แต่มูลค่าที่ดินที่ปรับตัวขึ้นตลอด ดั่งคำว่าดอกดินบานขึ้นทุกนาที ไม่เหมือนกับดอกเบี้ยที่เราต้องนำเงินไปฝาก ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องนำเงินไปฝากใคร ไม่ต้องไปฝากธนาคารทั้งสิ้นเพื่อเอาดอกเบี้ย เพียงแค่ทิ้งผืนดินนี้ไว้เท่านั้น มันจะงามด้วยตัวเอง” สมโภช เผยอย่างภูมิใจ
ขณะเดียวกันที่ดินตรงนี้จะเติบโตไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ที่อาจนำไปประกอบกิจการอื่นๆ ตอนนี้เราเห็นมูลค่าที่ดินมหาศาล แต่เชื่อหรือไม่ว่าสมัยทวดไม่เคยเห็นคุณค่าแบบนี้ เห็นแค่เพียงว่าจะปลูกข้าวขึ้นมาขายเลี้ยงครอบครัวอย่างไรเท่านั้น
“นั่นคือความผูกพันที่เกิดขึ้นและต้องการเก็บสิ่งต่างๆ ตรงนี้ไว้ ในอดีตเรามีที่ดินไว้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่วันนี้ที่ดินที่เราจะทำยังไงให้เกิดความสุขต่อส่วนรวมได้ เราก็พยายามทำสิ่งนั้นออกมาจนกลายเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ มีพืชพันธุ์ไม้นานาชนิดบนที่ดินกลางใจเมืองแห่งนี้” อดีตอาจารย์คนเดิมแสดงความหวงแหน
ส่วนน้ำที่ใช้ดูแลพืชผักนั้น สมโภช ได้บำบัดเองทั้งหมด โดยใช้น้ำเสียในคลองบางขวด มากรองและเติมออกซิเจน แล้วใช้พืชช่วยจับสิ่งสกปรกจนทุกวันนี้สามารถนำน้ำเน่ากลับมาใช้ประโยชน์ได้ ช่วยหล่อเลี้ยงต้นไม้และพืชผักอย่างดี ถ้าใครเข้ามาที่แห่งนี้จะรู้เลยว่าสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องมีเงิน แต่ขึ้นอยู่กับความพอเพียงและเพียงพอของแต่ละคนด้วย
“ผมคงไม่ขายหรอกครับ เข้ามาก็คุยแบบสนุกสนาน บางคนก็อาจนึกหมั่นไส้ ราคาต้องเยอะแยะจะเก็บไว้ทำไม ขายออกมาแล้ว เอาเงินไปซื้อที่ดินต่างจังหวัดได้เป็นพันไร่ เลยนั่งคิดว่าแล้วจะขายไปทำไมในขณะที่มีที่ดินอยู่ มีราคาแพงกว่า เหมือนอย่างที่ลุงคนหนึ่งเคยบอกไว้ว่า มึงอย่าขายนะ จะขายทองไปซื้อดินหรือไง ยังจำความได้ทุกวัน แม้จะได้ที่ดินมหาศาล แต่ก็ต้องไปลงทุนอีกมากมายมหาศาล” สมโภช กล่าวคำขาด
แต่อย่างไรก็ตาม สมโภช เผยความกังวลเล็กๆ ว่า วันนี้พูดได้เต็มปากว่าไม่ขาย แต่สถานการณ์อนาคตไม่มีใครคาดเดาได้ หากรัฐบาลมีการจัดเก็บภาษีที่ดินแพงเกินไป แล้วต้องแบกรับภาระในพื้นที่ที่มูลค่ามหาศาล ต้องจ่ายภาษีกี่เปอร์เซ็นต์ตามมูลค่าประเมินที่ดิน
“หากวันนั้นมาถึงคงต้องคิดหนักว่า สิ่งที่ทำไปจะหาความสุขต่อไปอีกไม่ได้เลย วันนั้นเองคงตั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบชีวิตไม่ให้คิดมากหรือทำงานหนัก เพื่อนำเงินไปจ่ายภาษีเพียงอย่างเดียว”
ไม่ว่ายังไงก็ตามจะขอรักษาผืนป่านี้ไว้ ซึ่งเป็นของสะสมที่รักและหวงแหนที่สุดในชีวิต ตลอดระยะเวลาที่เติบโตมามีลมหายใจในพื้นที่ @คลองบางขวด แห่งนี้จวบจนปัจจุบัน