posttoday

"ความจน" คือแรงผลัก สู่บันไดเป็นเจ้าของกิจการ

23 กันยายน 2561

"เอกพันธ์ วนโกสุม" กว่าจะฝ่าฟันจนถึงฝัน ในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ใช้ในการเกษตรและกำลังจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

"เอกพันธ์ วนโกสุม" กว่าจะฝ่าฟันจนถึงฝัน ในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ใช้ในการเกษตรและกำลังจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

*****************************

โดย...บงกชรัตน์ สร้อยทอง

ทุกคนมีความฝัน แต่เหตุผลล้วนต่างกัน เช่นเดียวกับ “เอกพันธ์ วนโกสุม” ก่อนที่เขาจะเป็น ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค (KWM) ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ใช้ในการเกษตรและกำลังจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 1 ต.ค.นี้ เป็นอีกคนที่ฝ่าฟันและมุ่งมั่นกับสิ่งที่เขาตั้งเป้าไว้

จากครอบครัวที่คุณพ่อเป็นช่างซ่อมสารพัดอย่าง คุณแม่เป็นช่างเสริมสวย บ้านพักอยู่ในสลัม ทำให้วัยเด็กเมื่อวันวานต้องทำหลายอย่างเพื่อหาเงิน ตั้งแต่ขายไอศกรีม ขายดอกรัก ขายลูกชิ้นปิ้ง ขายพวงมาลัย วิ่งไปรอหน้าโรงพิมพ์เพื่อเอาเรียงเบอร์ไปขายในวันที่สลากกินแบ่งรัฐบาลออก เปิดร้านหนังสือให้เช่า

จุดที่ทำให้รู้ว่าตัวเองเป็นคนวิเคราะห์เก่ง คือ ตอนปิดเทอมเมื่อชั้น มศ.3 ไปขายจักรยานตามหมู่บ้าน หวังได้ค่าคอมมิชชั่นคันละ 50 บาท แต่ไม่มีใครซื้อสักคน เขาคิดว่า จริงๆ คนตัดสินใจซื้อจักรยาน คือ เจ้าของบ้านไม่ใช่แม่บ้าน จึงขอเปลี่ยนที่ไปเสนอขายใหม่ คือ ย่านออฟฟิศที่สีลม 7 วัน ขายใบจองซื้อจักรยานได้ 50 คัน แต่หัวหน้าเซลส์ไม่ยอมจ่ายเงินให้ตามจำนวน ย้ายไปขายเครื่องปรับอากาศ (แอร์) ค่าคอมมิชชั่นเครื่องละ 500 บาท และมียอดขายเป็นอันดับ 1 อีกครั้ง แต่พอต้องโกนผมบวชให้คุณชวด ปรากฏไม่มีคนซื้อเหมือนก่อน แต่ก็ทำให้รู้ว่า “เรื่องบุคลิกและการแต่งตัวในการขายของเป็นสิ่งสำคัญ”

"ความจน" คือแรงผลัก สู่บันไดเป็นเจ้าของกิจการ คุณเอกพันธ์ วนโกสุม

แม้วันใกล้เอนทรานซ์สอบเข้ามหาวิทยาลัยยังมาช่วยพ่อซ่อมของ แต่ญาติมาบอกให้ไปอ่านหนังสือ และงงถึงวันนี้ว่าตัวเองสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล ได้

“เราโตมาแบบข้างถนน พ่อกับแม่มัวทำงานหาเงิน พ่อจะเป็นคนสบายๆ หน่อย แต่โชคดีที่แม่เป็นคนขยัน ทำให้เราขยันอดทนหาเงิน จนนำไปสู่การตั้งเป้าหมายว่า สักวันหนึ่งจะต้องมีธุรกิจหรือเป็นเจ้าของกิจการให้ได้และเรื่องราวในอดีตของผม มักเล่าให้ลูกทั้ง 3 คนฟังตลอดว่า ที่ผ่านมาพ่อเติบโตมาอย่างไร ไม่ได้มีตังค์มาก่อน ทุกอย่างคือการเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิต

เงินเดือนแรก 4,000 บาท หลังจบปริญญาตรี คือ ช่วยอาจารย์ทำงานวิจัยบริษัทญี่ปุ่น และมีเพื่อนลากไปสมัครทำงานที่บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย แต่ขอไม่ทำเพราะกลัวว่าจะไม่ได้ออก เพราะที่นั่นให้รายได้และสวัสดิการดี แล้วจะทำให้ไม่กล้าลาออกไปทำตามความฝันที่อยากเป็นเจ้าของกิจการ

จนไปเป็นผู้จัดการโครงการที่ประเทศลิเบีย เงินเดือน 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ และไม่ได้รับการตอบรับจากคนงานคนไทยที่นั่น เพราะช่วงแรกช่วยเขาแก้ไขปัญหาเวลาเครื่องจักรมีปัญหาไม่ได้ เนื่องจากไม่มีความรู้ รู้แต่เรื่องเครื่องยนต์ จนใช้เวลา 1 เดือนอ่านหนังสือและดูแบบเครื่องจักรอย่างจริงจัง ในที่สุดกำแพงทั้งหมดก็หายไป

"ความจน" คือแรงผลัก สู่บันไดเป็นเจ้าของกิจการ

“ตัดสินใจไปลิเบีย เพราะต้องการเก็บเงินมาซื้อรถยนต์เพื่อไปเป็นเซลส์ สุดท้ายก็ได้บ้านทาวน์เฮาส์เล็กๆ มาด้วย 1 หลัง และกลับมาขายเครื่องจักรด้านก่อสร้างแท่นคอนกรีต ทั้งนำจากเมืองนอกมาขาย จนไปสู่การแกะแบบที่ไปดูจากต่างประเทศ แล้วมาแยกส่วนให้แต่ละโรงงานผลิต สุดท้ายประกอบเข้าไม่ได้ทั้งที่ไปขายลูกค้าล่วงหน้าแล้ว ตอนนั้นถือว่าได้ลองผิดลองถูกหลายอย่าง จนเรียนรู้ว่า การสร้างเครื่องจักรต้องมีแบบ และเริ่มศึกษาจนสามารถประยุกต์เอาความรู้เก่ามาประกอบของใหม่ได้

เมื่อรู้จักลูกค้ามากขึ้น มีโอกาสได้งานรับเหมาสร้างบ้านมา จึงชวนเพื่อนๆ มาทำ สุดท้ายเจ๊ง หมุนเงินกันระวิง และทำให้เรียนรู้ว่า อะไรที่ไม่มีความรู้เลยเราจะไม่ทำ จุดเริ่มต้นที่ทำให้ก้าวสู่การมีธุรกิจของตัวเอง เกิดจากเป็นหุ้นส่วนกับเจ้านายเก่ามาขายเครื่องจักรแท่นปูน แต่วันหนึ่งเขาจะเลิก เขาจึงตัดสินใจแยกออกมาทำเอง เริ่มแรกมีลูกค้าเพียง 2 เจ้า จนปัจจุบันมีรายได้สูงสุด 400 ล้านบาท และแตกไลน์ธุรกิจเทรดดิ้งอะไหล่

จนไปเจอลูกค้าสยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น ให้ลองแกะแบบเครื่องจักรเพื่อผลิตชิ้นส่วนการเกษตร เพราะต้องการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาที่ไทย จนปัจจุบันผลิตใบผาลและใบดันดินให้กับคูโบต้าทั้งหมด ส่วนโครงผาลและใบเกลียวผลิตให้บางรุ่นเท่านั้

ปัจจุบันเขามีหน้าที่บริหาร เพราะส่งต่อให้ลูกสาวคนโตที่เรียนจบด้านวิศวกรรมศาสตร์ด้านเครื่องกลทั้งปริญญาตรีแลปริญญาโท เป็นกรรมการผู้จัดการ ส่วนลูกชายคนที่ 2 ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เขาดูแลเรื่องเครื่องจักรตั้งแต่เด็ก จนจบปริญญาตรีและปริญญาโทที่ประเทศเยอรมนี เพราะมองแล้วว่าต้องให้ได้ดีกว่าพ่อ จนสามารถทำงานวิจัยและพัฒนาสินค้ามาช่วยต่อยอดและเพิ่มมูลค่าสินค้าให้กับบริษัท

"ความจน" คือแรงผลัก สู่บันไดเป็นเจ้าของกิจการ

“ลูกและลูกน้องที่ทำงานกันมา จะผลักดันให้เขาจบปริญญาโทให้หมด เพราะมองว่าถ้าลูกหรือลูกน้องมีความรู้เท่าเรา จะให้เขามาบริหารทำไม เราต้องให้คนที่ฉลาดกว่าเรามาเป็นผู้บริหาร บริษัทถึงจะได้อยู่รอดและเติบโตได้ ขณะที่ 2 บริษัทแรกที่ตั้งมาก่อน ก็ให้ลูกน้องบริหารไป วันหนึ่งเขาบริหารมาจู่ๆ ให้ลูกมาบริหาร จะมีลูกน้องที่ไหนอยู่กับเรา เขาก็ทิ้งเราไปหมด ส่วนลูกก็ต้องมาช่วยสร้างสรรค์งานในบริษัทที่เพิ่งก่อตั้ง 9 ปี แล้วเขาก็ต้องมีหน้าที่ทำให้เติบใหญ่ต่อไป เราต้องแฟร์กับทุกคนทั้งลูกน้องและคู่ค้า”

เขาทิ้งท้ายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดจนเป็นทุกวันนี้ เพราะความจนและความไม่มี ส่งผลให้เขารู้จักการต่อสู้ชีวิต วาดฝัน ตั้งมั่น พร้อมสร้างแรงผลักดันให้ตัวเอง จนปัจจุบันเป็นเจ้าของกิจการและสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้